Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของหัวใจและโครงสร้างหัวใจ - Coggle Diagram
ความผิดปกติของหัวใจและโครงสร้างหัวใจ
การประเมิน
การซักประวัติ
อายุ เพศ อาชีพ
อาการสำคัญ
แน่นหน้าอก
เหนื่อยหอบ
ประวัติเจ็บป่วยปัจจุบัน
เจ็บหน้าอก
เหนื่อยหอบ
แบบแผนการใช้ชีวิต
การออกกำลังกาย
การรับประทานอาหาร
บุหรี่
สุรา
ประวัติการได้รับยา
ประวัติการทำงาน
ประวัติครอบครัว
การตรวจร่างกาย
ดู( Inspection)
ลักษณะการหายใจ
อาการเหนื่อยหอบ
ภาวะเขียว (Cyanosis)
สัญญาณชีพ
อาการบวม
ฟัง (Auscultation)
ตรวจจังหวะ
ความแรง
และเสียงผิดปกติ
Murmur
Gallop
friction rup
คลำ
ตับ
ดูภาวะตับโต
เคาะ
ตับ
ดูภาวะตับโต
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจผลเลือด
CBC
ESR
การทดสอบการแข็งตัวของเลือด
PT
PTT
BUN,CR
Serum cholerterol
Cadiac enzyme
Lipid profile
CRP
การตรวจพิเศษ
การวัดการไหลเวียน
การวัดจำนวนเลือดที่ออกจากหัวใจ
การวัดความดันเลือดแดง
การตรวจ Phonocardiagraphy
Echocadiagram
Eleatrocardiogram
Exercise test , tilt table test
การตรวจรังสีอื่นๆ
Fluoroscope
Angiocadiagraphy
Cadiac radionuciear
Chest X-ray
Computerized tomigraphy
PTAC
อาการและอาการแสดงของความผิดปกติของหัวใจที่พบบ่อย
เจ็บหน้าอก (Chest pain)
หายใจลำบาก (Dyspnea)
เหนื่อยหอบเมื่อมีกิจกรรมออกแรง
เหนื่อยหอบเมื่อนอนราบ
เหนื่อยหอบตอนกลางคืน
การเป็นหืดจากโรคหัวใจ
การหายใจเร็วสลับหยุดหายใจเป็นช่วงๆ
อ่อนล้า (Fatigue)
ใจสั่น (Palpitation)
เป็นลม (Syncope)
บวม (edema)
ภาวะเขียว (Cyanosis)
อาการอื่นๆ
Hypoxia
Neck vein engorgemnt
cough
มึน
ปวดศีรษะ
อาจมีความผิดปกติของการมองเห็น
ภาวะหัวใจวาย (Heart failure)
เป็นภาวะที่หัวใจทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
มักเป็นผลมาจากโรคต่างๆ
โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคความดันโลหิตสูง
โรคไต
สาเหตุ
โรคหลอดเลือดหัวใจ
หัวใจทำงานหนักไป
กล้ามเนื้อหัวใจมีการทำงานผิดหน้าที่
ความผิดปกติของห้องหัวใจล่างซ้ายจากเหตุต่างๆ
โรคร่วมอื่นๆ
MI
HT
DM
COPD
โรคที่เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจ
โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจ
หัวใจเต้นผิดปกติ
สารพิษต่างๆ
โรคเกี่ยวกับปอด
หยุดหายใจขณะหลับ
พยาธิสภาพ
กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างอ่อนแรงทำให้ไม่สามาถรับเลือดเข้าสู่หัวใจจากร่างกายและบีบเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ
มีความผิดปกติทำให้เกิดการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
การเพิ่มของปริมาณเลือดที่หัวใจบีบออกจากหัวใจแต่ละครั้ง
การหดตัวของหลอดเลือดแดง
การเพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ
การคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย
ภาวะกล้าวเนื้อหัวใจขยายโตขึ้น
ชนิดของหัวใจล้มเหลว
1.ภาวะหัวใจห้องล่างเวนตริเคิลวายด้านซ้ายและด้านขวา
เวนตริเคิลวายด้านซ้าย เลือดคั่งที่ปอด
เวนตริเคิลวายด้านขวา เลือดทำคั่งในระบบไหลเวียน
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันและเรื้อรัง
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เกิดจากปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจลดลงทันทีทันใด เป็นระยะแรก เริ่มมีกลไกปรับตัว จึงยังไม่มีการคั่งของน้ำและโซเดียม
ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง เกิดจากการที่ร่างกายปรับตัวต่อปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจลดลง มีการคั่งของน้ำในร่างกาย
อาการ
ซีด เขียวคล้ำ
บวม
ความทนต่อก่รทำกิจกรรมลดลง
มึนศีรษะ วิงเวียน สับสน
คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ท้องบวมน้ำ ตับโต
หายใจเหนื่อยกลางคืน
ปัสสาวะน้อยลง
การตรวจร่างกาย
คลำพบ Heaving และ Thrill
เคาะพบตับโต
พบตำแหน่ง PMI เปลี่ยนไป
Pulse Irregular
เสียงหัวใจเต้นผิดปกติ
ฟังปอดพบ Crapitation
ท้องบวม
หลอดเลือดที่คอโป่ง
อาการบวมที่ส่วนต่ำของร่างกาย
การประเมินทางห้องปฏิบัติการ
อิเลคโตรไลค์ในเลือดไม่สมดุล
BUN , Cr ,CrCl
Urine analysis พบโปรตีนรั่วและความถ่วงจำเพาะสูง
Hb , Hct
ABG
PT
ตรวจฮอร์โมนThyroxine
ตรวจฮอร์โมน BNP
การตรวจพิเศษ
CXR
EKG
Ecocardiogram
การป้องกัน
ควบคุมระดับความดันโลหิต
การรักษาแต่เนิ่นๆ
การรักษาและการพยาบาล
1.ลดการทำงานของหัวใจ เช่น การลดกิจกรรม
2.เพิ่มความสามาในการบีบตัวของหัวใจห้องล่าง เพื่อเพิ่มปริมาณเลือดที่ออกจกหัวใจในแต่ละครั้ง
3.การให้ออกซิเจน เพื่อเพิ่มออกซิเจนในเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจ
4.ดูแลให้ยาเเพื่อลด Preload และ afterload
ยากลุ่ม Digitalis เพิ่มความแรงการบับตัวของหัวใจ
เบต้าบล็อคเกอร์ ระงับการหลั่ง stress hormone ลดการเต้นของหัวใจ
ACEI เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดปริมาณน้ำในร่างกาย
5.การให้ยาเพิ่มประสิทธิภาพการบีบตัวของหัวใจ
Dopamine
โดบูทามีน
แอมริโนน
6.การให้ยาขยายหลอดเลือด
ไนโตรกลีเซอรีน
7.การบำบัดด้วยยาขยายหลอดเลือดแดง
โซเดียมไนโตรปรัสไซด์
8.การปรับพฤติกรรม
จำกัดน้ำ
จำกัดเกลือ
ออกกำลังกาย
คุมน้ำหนัก
จำกัดแอลกอฮอล์
การบำบัดด้วยเครื่องมือ
ใส่เครื่องกนะตุันหัวใจ
การผ่าตัด
การดูแลหลังการผ่าตัด
ประเมินการทำงานของหัวใจหลังผ่าตัดและการไหลเวียนเลือดอย่างใกล้ชิด
บริหารยาหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
ให้ยาที่ทำให้หลอดเลือดหดตัวเพื่อคงไว้ของปริมาณเลือดที่ออกจากตัวใจ
ลดกิจกรรมที่ทำให้หัวใจทำงานมากขึ้น
การปรับพฤติกรรมและจัดการภาวะเสี่ยงต่างๆ
หัวใจห้องล่างซ้ายวาย
ไม่สามารถบีบเลือดที่มีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้
สาเหตุ
ภาวะความดันโลหิตสูง
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
โรคลิ้นหัวใจ
ทำให้การบีบตัวหัวใจห้องล่างซ้ายไม่ดี
เลือดออกจากหัวใจลดลง
อาการ
ใจสั่่น
หอบเหนื่อย
เจ็บหน้าอก
หายใจลำบากตอนกลางคืน
ไอ
หายใจลำบากเมื่อนอนราย
ปัสสาวะน้อย
ซีด เขียวคล้ำ
ชีพจรเบา
มักพบหัวใจโต
ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย
น้ำท่วมปอดเฉียบพลัน
อาจมีเสมหะเป็นฟองสมพู
อาจนอนราบไม่ได้
หายใจมีเสียงวี๊ด
ฟังหัวใจพบ S3 Gallop
หัวใจห้องล่างซ้ายวาย
หัวใจห้องล่างขวาทำหน้าที่ลดลง ไม่สามารถบีบเลือดไปที่ปอดได้ ทำให้มีเลือดคั่งในระบบไหลเวียน เลือดดำคั่งในอวัยวะต่างๆ
ผู้ป่วยมักมีหลอดเลือดที่คอโป่ง JVD
ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน
สาเหตุ
กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาขาดเลือด
หลอดเลือดปอดมีความดันโลหิตสูง
หัวใจล่างซ้ายวาย
อาการ
นัำหนักตัวเพิ่มขึ้น
บวมที่ส่วนต่ำของร่างกาย
ความดันโลหิตสูง
Hepatojugular reflex ได้ผลบวก
หลอดเลือดดำโป่งที่คอ
การสวนหัวใจ (Cononary angioplastry)
วิธีทำ
1.ใส่สายสวนผ่านผิวหนังอาจเป็นข้อมือ ขาหนีบ หรือข้อเท้า ผ่านไปถึงหลอดเลือดหัวใจ
2.ทำบอลลูน
3.ใส่ Stent เพื่อป้องกันหลอดเลือดตีบช้ำ
การพยาบาลก่อนทำ
เจาะเลือด X-ray หัวใจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
NPO ก่อนเที่ยงคืน (ุ6 ชม.ก่อนการรักษา)
พูดคุยกับแพทย์ได้
การพยาบาลหลังทำ
นอนราบ 8 ชม.
สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
ควรรับประทานอาหานที่เป็นน้ำ
โดยผู้ป่วยอาจกัลล้านได้ในวันที่ตรวจ หรือพักฟื้นที่รพ. 1-2 วัน
CABG
การผ่าตัด ตัดต่อเสีนเลือด
การรักษาพยาบาลก่อนทำ
1.ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
2.ให้ยา Sedative ทางปากหรือหลอดเลือดดำ
3.ให้ยาระงับความรู้สึก GA
4.ใส่ท่อช่วยหายใจ
5.สวนปัสสาวะค้าง
ขณะผ่า
1.เปิดช่องอก sternumและ rib
2.ใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด
3.นำเลือดที่เหมาะสมมาตัดต่อเป็น Bypass
4.เมื่อเสร็จใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจให้ทำงานต่อ
การพยาบาลหลังทำ
ย้ายเข้า ICU
2.ติดตามการทำงานของหัวใจตลอดเวลา
3.Controlled heart rate และ hemodynamic
4.ดูแลสาย Chest tube
5.ดูแลทางเดินหายใจและทางเดินปัสสาวะ
หลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysm)
เป็นภาวะที่ผนังหลอดเลือดแดงหรือดำโป่งพอง หรือการสะสมของไขมัน
อาจแตกได้ในกรณีความดันโลหิตสูง
ตำแหน่งที่โป่งพองจะมีเลือดไหลมาเติมช่องว่างให้เต็ม
เสี่่ยงในผู้สูงอายุ และกลุ่ม Marfan syndrome
อาการ
คลำพบก้อนหน้าท้องใต้ลิ่นปี่
ปวดท้องเรื้อรัง
ก้อนเต้นสัมพันธ์กับชีพจร
ถ้ามีแรงดันในช่องท้องอาจแตกได้
การรักษา
ถ้าหลอดเลือดแดงใหญ่ไม่โตมากให้เฝ้าระวังอาการ
ถ้าก้อนโตมากพิจารณาผ่าตัด
ผู้ป่วยมาด้วยอาการก้อนแตกต้องผ่าตัดโดยด่วน
การพยาบาล
ควบคุมความดันโลหิต
งดบุหรี่
หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่าย
ดูแลก่อนผ่าตัดแหละหลังผ่าตัด
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
โรคเกี่ยวกับลิ้นหัวใจตีบ / รั่ว
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
อายุ
การติดเชื้อต่างๆที่ลุกลามถึงการติดเชื้อของลิ้นหัวใจ
โรคหัวใจจากสาเหตุอื่นๆ
ภาวะหัวใจล้มเหลว
โรคหลอดเลทอดหัวใจตีบ/อุดตัน
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
โรคความดันโลหิตสูง
โรคออโตอิมูนto
ผลข้างเคียงยาลดน้ำหนัก
ลิ้นหัวใจไมตรัลตีบ (Mitral valve stenosis)
ตีบจากลิ้นหัวใจไมตรัลตีบจาดโครงสร้างของหัวใจที่ผิดปกติจากความเสื่อมของร่างกาย
ไข้รูมาติกเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
พยาธิสภาพ การอักเสบของลิ้นหัวใจ ทำให้เิกดความแข็ง หนา หดรัดดึงรั้งของลิ้นหัวใจทำให้รูเปิดแคบลง
อาการ
เหนื่อยล้า
หายใจลำบากเวลาออกแรง
นอนราบไม่ได้
หอบเหนื่อยกลางคืน
ไอเป็นเลือด
ตับโต
ขาบวมกดบุ๋ม
Atria firillation เขียว
murmur
การรักษา/กรพยาบาล
การใช้ยา
ยาขับปัสสาวะ
ควบคุมโซเดียม
การผ่าตัด ขยายลิ้นหัวใจ
การปรับพฤติกรรม
ลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว (mitral valve regurgitation)
มักเกิดเมื่อลิ้นหัวใจไมตรัลปิดไม่สนิท
สาเหตุ
การติดเชื้อ
การเสื่อมของเนื้อเยื่อ
ลิ้นหัวใจฉีกขาดจากโรคบางโรค
พยาธิสภาพ ลักษณะคล้ายกับตีบ แต่ต่างกันที่ปิดไม่สนิททำให้เลือดไหลย้อน