บทที่ 1
แนวคิดหลักการการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน และสาธารณภัย
แนวคิดหลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
ความหมาย
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
เกิดขึ้นกระทันหัน จำเป็นต้องช่วยเหลือทันที
การเจ็บป่วยวิกฤต
Crisiscare
แนวทางปฏิบัติในระบบทางด่วนสำหรับผู้ที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
Trauma life support
บทบาทพยาบาลกับ Fast track
Criticalcare
เน้นแก้ไขอาการที่เกิดอันตรายต่อชีวิต
เน้นแก้ไขอาการที่เกิดขึ้นครั้งแรก
และป้องกันไม่ให้เข้าสู่สถานการณ์คับขัน
อุบัติเหตุ
เกิดขึ้นโดยที่ไม่คาดหมายมาก่อน ทำให้บาดเจ็บ/สูญเสีย
อุบัติเหตุขนาดใหญ่ (Disaster)
ลักษณะทางคลินิกของผู้ป่วยฉุกเฉิน
ผู้ป่วยฉุกเฉิน
มือเท้าซีดเย็น
เจ็บปวดทุรนทุราย
T < 35 องศาเซลเซียส / > 40องศาเซลเซียส
ค่าความดัน systolic<80 mm.Hg. Diastolic>130mm.Hg.
คลำชีพจรไม่ได้ / >130 ครั้ง/นาที
ไม่รู้สึกตัว
หยุดหายใจ /หายใจ<10 ครั้ง/นาที, หายใจ>30 ครั้ง/นาที
ซีดมาก
ถูกพิษจากสัตว์/สารเคมี
ผู้ป่วยวิกฤต
สามารถรักษาได้
มีอัตราตายสูง
มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง
มีอัตราตายสูง แม้ได้รับการรักษา
pt.หมดสติ,ระบบหายใจล้มเหลว
pt.Septic shock
pt.MI
pt.มะเร็งระยะสุดท้าย
ผู้บาดเจ็บจากสาธารณภัย
กลุ่มอาการไม่รุนแรง
ผู้ป่วยเดินได้
กลุ่มอาการหนัก
กลุ่มอาการหนักมาก
ต้องหามนอน/นั่ง
รักษาด่วน/ช่วยชีวิตทันที
หลักการพยาบาลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน
การส่งต่อรักษา
การบันทึกเหตุการณ์อาการและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
การป้องกันและบรรเทาไม่ให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นวิกฤต
เพื่อช่วยชีวิต
ผู้ป่วยที่หยุดหายใจ/หัวใจหยุดเต้นกระทันหัน
การทำแผล,ใส่เฝือก
หลักในการพยาบาล
ส่งต่อเพื่อรักษา มีการเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือ
นัดหมายผู้ป่วย
ดูแลจิตใจของผู้ป่วยและญาติ อธิบายให้ทราบถึงปัญหาการเจ็บป่วย
ช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกต้อง
ให้การรักษาภายใต้นโยบายของรพ.
คัดกรองpt.รวดเร็วแม่นยำ
ซักประวัติและอาการอย่างละเอียด ในเวลาที่รวดเร็ว
เคลื่อนย้ายอย่างนุ่มนวล รวดเร็ว ปลอดภัย
หลักการพยาบาลตามบทบาทพยาบาลวิชาชีพงานบริการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินของสภาการพยาบาล พ.ศ.2552
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและติดเชื้อ
รักษาหน้าที่ของอวัยวะสำคัญของร่างกายให้คงที่
ดูแลและรักษาผู้ป่วยให้อยู่ระดับปลอดภัย
ค้นหาสาเหตุ แล้วดำเนินการแก้ไข
ประคับประคองจิตใจ อารมณ์ของผู้ป่วยและญาติ
ดำเนินแก้ไขปัญหา
การพยาบาลสาธารณภัย
ภัยพิบัติ/สาธารณภัย (Disaster)
คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือโดยมนุษย์อย่างทันที
แล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน
ภัยสาธารณะ
ภัยทางอากาศ
สาธารณภัย
การก่อวินาศภัย
อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัยแล้ง
เกิดจากธรรมชาติ
เกิดจากคนทำ
คลื่นยักษ์ ดินถล่ม โรคระบาด
สารเคมีรั่วไหล ตึกถล่ม รถชน
ปล้นเครื่องบิน
ก่อการร้าย กราดยิง
ประเภทภัยพิบัติ
ภัยที่เกิดจากมนุษย์
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ
เกิดแบบฉับพลันและแบบค่อยเป็นค่อยไป
เกิดอย่างจงใจและอย่างไม่จงใจ
อุบัติภัย
ระดับความรุนแรงของสาธารณภัยทางสาธารณสุข
ระดับที่ 1
ระดับที่ 2
ระดับที่ 3
ระดับที่ 4
สาธารณภัยที่เกิดขึ้นทั่วไปหรือมีขนาดเล็ก สำนักงานสาธารณสุขระดับอำเภอสามารถจัดการได้ตามลำพัง
สาธารณภัยขนาดกลาง หน่วยงานสาธารณสุขระดับอำเภอไม่สามารถจัดการได้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
สาธารณภัยขนาดใหญ่ ผลกระทบรุนแรง อาศัยผู้เชี่ยวชาญ/อุปกรณ์พิเศษ ต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการภายในเขตจังหวัด/จังหวัดใกล้เคียง และระดับเขต
สาธารณภัยขนาดใหญ่ มีผลกระทบรุนแรงยิ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณณสุขเป็นผู้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์ที่ได้รับมอบหมายจากนายก
ภัย (Hazard)
เหตุการณ์ที่ทำใหเกิดอันตรายต่อชีวิต
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม
อุบัติเหตุกลุ่มชน/อุบัติภัยหมู่ (Mass Cassualties)
อุบัติเหตุที่เกิดกับคนจำนวนมาก ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เกินขีดความสามารถที่รพ.จะรักษาพยาบาลได้ ต้องระดมพลเจ้าหน้าที่ของรพ./นอกรพ.มาช่วย
ลักษณะสำคัญ
ระบบและกลไกปกติของสังคมถูกทำลาย
ไม่เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
ทรัพยากรที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ควบคู่สถานการณ์
มีการทำลายของทรัพย์สิน/สิ่งแวดล้อม
เกิดการบาดเจ็บ/เจ็บป่วยของคนจำนวนมาก
ประเภท
Mass casualties
Multiple casualties
จำนวนคนและความรุนแรงไม่เกินขีดความสามารถของรพ.
ผู้ป่วยที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต(life Threatening)จะได้รับการรักษาก่อน
จำนวนคนและความรุนแรงเกินขีดความสามารถของรพ.และทีมผู้รักษา
ผู้ป่วยที่มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด ใช้เวลาและทรัพยากรน้อยที่สุดจะได้รับการรักษาก่อน
หลักการพยาบาลสาธารณภัย
การโต้ตอบเหตุการณ์ฉุกเฉิน (Response)
การควบคุมยับยั้งโรคและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
การเตรียมความพร้อม (Preparedness)
การบูรณะฟื้นฟู (Recovery)
การบรรเทาภัย (Mitigation)
ลด/กำจัดโอกาสในการเกิดหรือลดผลกระทบของการเกิดภัยพิบัติ
รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยการเตรียมคนให้พร้อม
หลัก CSCATT
A - Assessment
T - Triage
C - Communication
T - Treatment
S - Safety A, B, C
T - Transportation
C - Command
Hazard:เกิดอันตรายอะไรบ้าง
Access:ข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกที่เกิดเหตุ
Type of accident:ประเภทของสาธารณภัย
Number of casualties :จำนวนและความรุนแรงของผู้บาดเจ็บ
Exact location:สถานที่เกิดเหตุที่ชัดเจน
Emergency service:หน่วยฉุกเฉินไปถึงหรือยัง
Major incident:เป็นเหตุการณ์สาธารณภัยหรือไม่
เฝ้าระวังภายใน 5 วันหลังภัยพิบัติ
เน้นให้มีระบบเฝ้าระวังโรคติดต่อและส่งมอบภารกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฟื้นฟูทางด้านจิตใจของผู้ประสบภัยและครอบครัว
พยาบาลกับการจัดการสาธารณภัย
นำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไป
และการพยาบาลฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้
ในสถานการณ์ที่เกิดสาธารณภัย
ทั้งในระยะก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิดภัย
หลักการบริหารจัดการในที่เกิดเหตุและรักษาผู้บาดเจ็บ
A - Assess Hazards
S - Support
S - Safety and Security
T - Triage/Treatment
I - Incident command
E - Evacuation
D - Detection
R - Recovery
ประเมินสถานการณ์ในที่เกิดเหตุว่าเกินกำลังหรือไม่
บัญชาเหตุการณ์และภาพรวมของการปฏิบัติ
ประเมินความปลอดภัย
ประเมินสถานที่เกิดเหตุ
เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้
คัดกรองและให้การรักษาที่รีบด่วน
อพยพผู้บาดเจ็บ
ฟื้นฟูสภาพหลังเกิดเหตุการณ์
ลักษณะของการปฏิบัติการพยาบาลในสถานการณ์สาธารณภัย
นำความรู้และทักษะทางการพยาบาลทั่วไปและด้านฉุกเฉินมาประยุกต์ใช้
ช่วยนำผู้ป่วยให้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพมาตราฐานอย่างทันเวลา
เป็นการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อ
มุ่งลดความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชน
ป้องกันและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ
ให้การพยาบาลฉุกเฉินแก่ผู้ประสบภัย
ฟื้้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ประสบภัยและญาติ
คุณสมบัติพยาบาลสำหรับจัดการสาธารณภัย
มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี มีความเป็นผู้นำ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
มีทักษะในการสื่อสารและการบันทึก
มีความรู้ด้านสาธารณภัย สามารถประเมินสถานการณ์ปัญหาสุขภาพที่จะเกิดจากสาธารณภัยได้
มีวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับสถานการณ์
มีความรู้และประสบการณ์ทางการพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต และด้านการรักษาโรคเบื้องต้นได้
หลักการ
จัดทำแนวปฏิบัติ ลำดับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
จัดทำรายการตรวจสอบในการลงข้อมูล
ฝึกอบรมผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความสามารถ
เน้นย้ำเวลาเป็นสำคัญ
กำหนด clinical indicator
จัดทำแผนภูมิการดูแลผู้ป่วย พร้อมกำหนดลักษณะผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
ควรทำเป็นสหสาขาวิชาชีพ
ประสานงานผู้ที่เกี่ยวข้อง
การจัดการและดูแลขณะส่งต่อ
รายงานแพทย์ผู้รักษา
ให้การดูแลตามแผนการรักษาภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด
การประเมินเบื้องต้นโดยใช้ความรู้ ความสามารถเฉพาะโรค
ติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
ให้ความช่วยเหลือเมื่อมีอาการผิดปกติ ติดตาม ประเมินผล
ดำเนินงานเพื่อวิเคราะห์การดำเนินงานในภาพรวม
จัดระบบให้มีการทบทวนและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
บทบาทพยาบาลใน Fast track
Care delivery
Monitoring: early warning signs & E-response
Investigation
Risk management (general & clinical)
Flow (purpose-process-performance)
Activate system
Co-ordination, Communication, Handover
Triage/ Specific triage/ Assessment
Inter & Intra transportation
EMS (accessibility)
Evaluation, output, outcome
Improvement, Innovation, Integration
Trauma care system
การดูแลในระยะก่อนถึงโรงพยาบาล (Prehospital care)
การดูแลในระยะที่อยู่โรงพยาบาล (Hospital care)
การเข้าถึงหรือรับรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น (Access)
การฟื้นฟูสภาพ และการส่งต่อ (Rehabilitation & transfer)
ช่องทางสําหรับการติดต่อในการแจ้งเมื่อ
มีเหตุเกิดขึ้น เช่น 1669
โดยต้องคํานึงถึงความปลอดภัยของ
สิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก (scene safety)
ดูแลรักษาทุกขั้นตอนให้ถูกต้องตามหลักวิชาชีพ
และมีประสิทธิภาพ
การดูแลต่อเนื่องในรายที่พบปัญหาหรือต้องได้รับการฟื้นฟู
อาจแบ่งเป็นการส่งต่อในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเกิน
ความสามารถในการรักษา
การดูแลผู้บาดเจ็บขั้นต้น
Resuscitation
Secondary survey
การประเมินผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น(Primary Survey)
Definitive care
ประเมินผู้ป่วยในภาพรวมทั้งหมดอย่างเป็นระบบ
และเป็นขั้นตอน เพื่อวินิจฉัยภาวะที่คุกคามต่อชีวิต
B Breathing and ventilation
C Circulation with hemorrhagic control
A Airway maintenance with cervical spine protection
D Disability (Neurologic Status)
E Exposure / environmental control
ประเมินAirway เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดทางเดินหายใจอุดกั้น ควรมีการประเมินซ้ำเป็นระยะ
เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
กรณีที่ไม่มีการบาดเจ็บที่กระดูกบริเวณลำคอ
ใช้วิธี Head-tilt Chin-lift
กรณีผู้ป่วยที่สงสัยหรือได้รับอุบัติเหตุ
ใช้วิธี jaw-thrust maneuver, modified jaw thrust, Triple airway maneuver โดยต้องป้องกันการบาดเจ็บของ Cervical spine ตลอดเวลา
ผู้ป่วยที่สามารถพูดโต้ตอบและสามารถให้ประวัติได้ บ่งว่าผู้ป่วยไม่มีปัญหาเรื่องการอุดกั้นทางเดินหายใจ
อาการที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ restless จากภาวะ Hypoxia
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังส่วนคอ
(Cervical spine injury) ควรระมัดระวัง Cervical spine injury
ได้แก่
pt ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวคอเองได้
pt ไม่รู้สึกตัว
pt บ่นปวดคอ
pt ที่บาดเจ็บที่ศีรษะ และบาดเจ็บคอ
การป้องกัน
ใส่ Cervical collar ไว้ตลอดเวลาจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มี Cervical
spine injury จึงสามารถถอด Collar ได้
ในกรณีที่ต้องทําหัตถการบางอย่างควรให้ผู้ช่วยทํา Manual in-line
immobilization ไว้ตลอดเวลา
เมื่อมีปัญหาทางเดินหายใจอุดกั้น แพทย์จะใส่ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal
intubation)
ส่วนใหญ่จะใส่ endotracheal tube ทางปาก
ข้อดี
ข้อเสีย
ง่ายและสะดวก
มีโอกาสเกิดการกดทับCervical cord ในระหว่างการใส่ Endotracheal
tube ต้องหลีกเลี่ยงการแหงนคอมากจนเกินไป ต้องมีคนประคอง Cervical spine ตลอดเวลา
ใส่ endotracheal tube ทางจมูก
ข้อดี
ข้อเสีย
ไม่ต้องขยับคอระหว่างใส่
ใส่ยาก แพทย์ต้องใช้ประสบการณ์มาก
ผู้ป่วยต้องหายใจได้เอง
ห้ามใส่ในกรณีที่มีการบาดเจ็บใบหน้า
ใส่ในกรณีมี่ผู้ป่วยมีการบาดเจ็บ Cervical spine ที่ต้องการช่วยหายใจแต่ไม่เร่งด่วน
เจาะคอ
Cricothyroidotomy เพราะทําได้ง่ายและสะดวก
การช่วยหายใจควรเปิดให้เห็นบริเวณคอและทรวงอก เพื่อประเมินตำแหน่งของหลอดลม
ปัญหาการหายใจที่พบบ่อยในการทํา primary survey
tension pneumothorax
Flail chest
with pulmonary contusion
Open pneumothorax
Hemothorax
ประเมินจาก
ฟัง Breath sound ทั้งสองข้าง
คลํา การเคาะเพื่อตรวจหาการบาดเจ็บ
ดูการเคลื่อนไหวบริเวณทรวงอก
การเปิดดูร่องรอยบาดแผลที่บริเวณทรวงอก
เป็นการประเมินในระบบไหลเวียนและการห้ามเลือด
ประเมินจาก
V/S
อาการทางระบบประสาท
ระดับความรู้สึกตัว
การตอบสนองของรูม่านตา(pupils)
Glasgow coma scale
ผิวหนัง
เหงื่อออกมาก
cyanosis
ยกเว้น septic shock ที่ผิวหนังจะอุ่น สีชมพู
ในระยะแรก
หัวใจและหลอดเลือด
BP
pt ช็อกSystolic BP <90 mm.Hg. หรือ <ปกติ 50 mm.Hg.
Systolic BP < 60-70 mm.Hg. จํานวนเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจะลดลง
Systolic BP < 50 mm.Hg.สมองจะขาดออกซิเจน
Pulse
จะพบชีพจรเบา เร็ว แต่ระยะท้ายชีพจรจะช้า และไม่สม่ำเสมอเนื่องจาก
หัวใจจะทํางานลดลง
Capillary filling time
1-2 วินาที
Central venous pressure
7-8 cm.H2O
ระบบหายใจ
หายใจเร็ว ไม่สม่ำเสมอ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระยะแรก ลดลง=30-50 ml./hr.
เมื่อเกิดภาวะไตวายปัสสาวะจะออก< 20 ml./hr.
ระบบทางเดินอาหาร
กระหายน้ำ น้ำลายน้อยลง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน
ลําไส้บวม ไม่ได้ยิน bowel sound
ภาวะกรดด่างของร่างกาย
เกิดภาวะacidosis metabolic
ซึม อ่อนเพลีย งุนงง สับสน ไม่รู้สึกตัว หายใจแบบ Kussmaual
เมื่อพบผู้ป่วยเสียเลือด ควรดูแลดังนี้
ให้สารน้ํากลุ่ม Crystalloid
Ringer’s lactate
Acetar
ทำการหยุดเลือดทันที
เสียเลือดมากควรให้เลือดทันที
ตำแหน่งการเสียเลือดที่มองไม่เห็น
ในช่องอก
ในช่องท้อง
ในอุ้งเชิงกราน
ที่ต้นขา
ต้องทำการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว
Thoracotomy
Exploratory laparotomy
ประเมินระบบประสาทต่อว่าสมองหรือไขสันหลังได้รับบาดเจ็บหรือไม่
การประเมิน
ใช้ Glasgow Coma Scale ประเมิน
ใช้ Revision trauma scale
ใช้ AVPU Scale
< 11 ให้นําส่ง Trauma center
A Alert
V Voice/verbal stimuli
P Painful stimuli
U Unresponsive
ผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวดี สามารถพูดโต้ตอบหรือทําตามคําสั่งได้
ผู้บาดเจ็บสามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกได้
ผู้บาดเจ็บตอบสนองเมื่อกระตุ้นด้วยความปวด
ผู้บาดเจ็บไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลย
ใช้ CPOMR Scale
pupil
ocular movement
Level of conscious
motor
Revision trauma scale
การตรวจประเมินรูม่านตา
(react to light) ว่าเท่ากันทั้งสองข้างหรือไม่
pt ที่มีการบาดเจ็บของไขสันหลังควรตรวจดูภาวะ Cord compression จากอาการแขนขาอ่อนแรง หรือขยับไม่ได้
Head injury และ facial injury ให้ X-ray ทุกครั้ง
pt ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมด
เพื่อค้นหาการบาดเจ็บต่างๆ
ขณะตรวจในห้องต้องอบอุ่น
ต้องพลิกตะแคงตัว pt แบบท่อนซุง (Log roll)
หากตรวร่างกายและพบ spinal shock จะตรวจไม่พบการทํางานของกล้ามเนื้อ
การรับรู้สัมผัส (sensory) และ bulbocarvernosus reflex
แก้ไขภาวะที่เป็นอันตรายต่อชีวิตแบบเร่งด่วน
ทำหลังจากการประเมิน ABC และสามารถทำพร้อมกับการประเมินดังนี้
Airway
ภายหลังจากการประเมิน การทํา Definitive airway
ในผู้บาดเจ็บที่มีปัญหาการหายใจ
ใส่ท่อช่วยหายใจ
Breathing
ผู้บาดเจ็บทุกรายควรได้รับออกซิเจนเสริมหากไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ
Circulation
ห้ามเลือดพร้อมกับให้สารน้ำทดแทน
เมื่อเปิดเส้นเลือดแล้วควรเก็บเลือดส่งตรวจ เพื่อประเมินความผิดปกติที่เกิดขึ้น
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำอาจพบได้ตั้งแต่ขณะที่ผู้บาดเจ็บมาถึง
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การตวงวัดปริมาณปัสสาวะ
การใส่สายสวนกระเพาะอาหาร
ประเมินสภาพผู้ป่วยอย่างละเอียด
History
Medication ยาที่ใช้ในปัจจุบัน
Past illness/ Pregnancy การเจ็บป่วยในอดีตและการตั้งครรภ์
Allergies ประวัติการแพ้ยา สารเคมี
Last meal เวลาที่รับประทานอาหารครั้งล่าสุด
Event/ Environment related to injury อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร รุนแรงเพียงใด สถานการณ์สิ่งแวดล้อมขณะเกิดเหตุเป็นอย่างไร
Blunt trauma
อุบัติเหตุจราจร พลัดตกจากที่สูง
Penetrating trauma
เกิดจากอาวุธปืน มีด ตําแหน่งของร่างกายที่บาดเจ็บ
Physical Examination
Head
คลำเพื่อหาบาดแผล รอยแตกยุบ
Facial
คลำกระดูกใบหน้าให้ทั่วเพื่อหาdeformity
Cervical spine and Neck
ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวทุกราย ที่มีการบาดเจ็บศีรษะควรคํานึงถึง cervical
spine injury พยาบาลจะใส่ Collar
Chest
มองหารอยช้ำ รอยยุบ คลําดูว่ามี Crepitus หรือเจ็บที่จุดใด
โดยตรวจให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
Media sternum กว้าง
เลือดออกในช่องอก(Rupture Aorta)
กระบังลมยกสูง/เห็นเงากระเพาะอาหารในช่องอก
กระบังลมฉีกขาด
เงาอากาศในช่องท้องใต้กระบังลม
มีการบาดเจ็บของกระเพาะอาหาร/ลำไส้ ![เลือดออกทางช่องคลอด-pobpad]
Abdomen
ผู้ป่วยที่บาดเจ็บและเกิดภาวะ Shock ให้สงสัยการบาดเจ็บ
ในช่องท้องและมีการเสียเลือดเกิดขึ้น
ดูรอยบาดเจ็บที่ผิวหนัง
รอยช้ำ แผลฉีกขาด แผลถูกยิง
คลำท้องว่าส่วนใดที่เจ็บชัดเจน
ฟังเสียง Bowel sound เสียงBruit
ตรวจประเมินฝีเย็บ อวัยวะเพศ ทวารหนัก
Musculoskeletal and Peripheral vascular assessment
การบาดเจ็บแขนขา
บาดแผล การหักงอ บวมผิดดรูป การเคลื่อนไหว คลำCrepitus
Pelvic fracture
จะตรวจพบ Ecchymosis บริเวณ Iliac wing, Pubis, Labia หรือ Scrotum
ตรวจ Pelvic compression
pt จะมี pain on palpation และมี sign of unstability
Neurological system
Reevaluation ระดับความรู้สึกตัว, pupil size, Glasgow coma score
ประเมิน motor, sensory
Reevaluation
ควรมีการประเมินร่างกายซ้ำเป็นระยะๆ
เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงอาการของผู้ป่วย
เป็นการรักษาที่แก้ไขพยาธิสภาพโดยตรง เช่น การผ่าตัดต่างๆ
Intracranial hematoma
multiple organ injury
Intra-abdominal bleeding
น.ส.สุณิสา บัวหอม 6001211085 Sec B