สายสะดื้อย้อย
(Prolapsed of the umbilical cord)
ความหมาย
สายสะดื้อย้อย (Prolapsed of the umbilical cord) เป็นภาวะที่สายสะดื้อลงมาอยู่ข้าง ๆหรือต่ำกว่าส่วนนำของทารกในครรภ์ หรือสายสะดือโผ่ลออกมาจากช่องคลอด
สาเหตุ
ชนิดของสายสะดือย้อย
- สายสะดือย้อยลงมาอยู่ต่ำกว่าส่วนนำทารกในครรภ์ และถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก (Forelying cord/Funic presentation / Cord presentation)
- ทารกท่าผิดปกติ เช่น ท่าก้นชนิดมีเท้ายื่นเป็นส่วนนำ ท่าขวาง
- สายสะดือย้อยลงมาอยู่ต่ำกว่าส่วนนำทารกในครรภ์ (Overt prolapsed cord / Prolapsed of cord presentation)
- สายสะดือย้อยลงมาอยู่ต่ำกว่าปกติหรือย้อยลงมาอยู่ข้างๆ
ส่วนนำของทารกในครรภ์ (Occultprolapsed cord)
- ภาวะที่มีการผิดสัดส่วนของส่นนำทารกกับช่องทางคลอด
- การตั้งครรภ์แฝด/ครรภ์แฝดน้ำ
- ทารกไม่ครบกำหนด
- การตั้งครรภ์หลัง
- การเจาะถุงน้ำ หรือถุงน้ำแตกก่อนที่ส่วนนำจะลงสู่ช่องเชิงกราน
- สายสะดือยาวกว่าปกติ
- รกเกาะต่ำ หรือสายสะดือเกาะบริเวณริมขอบรก
อาการและอาการแสดง
ผลกระทบ
- เสียงหัยใจทารกในครภภ์ผิดปกติ โดยสาเหตุอื่นไม่พบ
- เห็นสายสะดือโผล่พ้นช่องคลอดออกมา
- คลำพบสายสะดือจากการตรวจภายใน
อาจจะจับได้ชีพจรบนสายสะดือเต้นเป็นจังหวะ
- การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง U/S อาจจะช่วยวินิจฉัยสายสะดือย้อยชนิด Forelying cord หรือ occult prolapsedcord ได้
ต่อทารก
ต่อมารดา
มีผลกระทบต่อด้านจิตใจของมารดาถ้าทารกในครรภ์เสียชีวิต
เป็นภาวะวิกฤตต่อทารกในครรภ์เพราะทารกจะเสียชีวิตจากการขาดออกซิเจนเนื่องจากสายสะดือถูกส่วนนำกดทับกับช่องทางการคลอดจากการรายงานพบว่าทารกจะตายภายใน 3 นาที หลังจากถูกกดทับ
การรักษา
- การช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน
- การช่วยเหลือการคลอด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
การพยาบาล
- สอดมือเข้าไปในช่องคลอด แล้วดันส่วนนาไว้ไม่ให้ส่วนนำเคลื่อนลงมากดสายสะดือ
- ให้ออกซิเจนแก่มารดา อาจจะทําให้ทารกได้รัับออกซิเจนมากขึ้น
- ถ้าสายสะดือมีแนวโน้มจะโผล่อกมานอกช่องคลอด ควรพยายามให้อยู่ในช่องคลอด เพราะอุ่นและไม่แห้ง ลดการหดเกร็งของหลอดเลือด (vasospasm)
- จัดให้ผู้คลอดที่ได้รับการวินิจฉัยว่า สายสะดือย้อยนอนในท่านอนหงายยกก้นสูง (Trendelenburg position), นอนตะแคงยกก้นสูง(Elevate Sim’s position), นอนในท่าโก้งโค้ง (Knee-chest position)
- หากสายสะดือย้อยออกมานอกช่องคลอด ให้ใช้ก๊อซชุบน้ำเหลือ NSS คลุมปืดสายสะดือไว้ ป้องกันไม่ให้สายสะดือแห้ง ลดการหดเกร็งของหลอดเลือด (vasospasm)
- ทําให้กระเพาะปัสสาวะโป่งตึงโดยการใส่น้ำเกลือ 500-1,000 มิลลิลิตรทางสายสวนปัสสาวะ เป็นการช่วยเหลืออีกด้านหนึ่ง เพื่อลดความรุนแรงในการหดรัดตัวของมดลูกและลดการกดทับสายสะดือจากส่วนนําของทารก
1 ถ้าทารกในครรภ์มีชีวิต อยู่ ปากมดลูกเปิดหมด ศีรษะทารกลงมาต่ำให้ช่วยคลอดด้วยคีม
- ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง เป็นวิธีที่ดีที่สุดยกเว้นกรณีที่ทารกเสียชีวิต หรือมีความผิดปกติแต่กําเนิด
3 กรณีที่ทารกในครรภ์เสียชีวิตให้ดำเนินการคลอดทางช่องคลอด ยกเว้นกรณีที่มีการผิดสัดส่วนระหว่างทารกกับช่องเชิงกรานอาจจะต้องทําหัตถการทำลายทารก หรือผ่าท้องคลอด
- Breech extraction ในกรณีที่เป็นท่าก้น ปากมดลูกเปิดหมด ไม่มีภาวะผิดสัดส่วนของทารกกับช่องเชิงกราน
5 ใช้เครื่องดึงสุญญากาศในรายที่เป็นครรภ์หลัง ปากมดลูกเปิดเกือบเต็มที่แล้ว และท่าศีรษะที่ไม่มีการผิดสัดส่วนของทารกกับช่องเชิงกรานมารดา
- ในครรภ์หลังที่ปากมดลูกเปิดตั้งแต่ 7-8 เซนติเมตรขึ้นไปที่เป็นชนิด
Forelying cord ท่าของทารกปกติมีความก้าวหน้าของการคลอดเร็ว ทารกไม่มีภาวะขาดออกซิเจน (fetal distress) พยายามไม่ให้ถุงน้ำแตก
อาจจะรอเพื่อให้คลอดเองทางช่องคลอดได้
- ประเมินสภาพมารดาและทารกในครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย
- ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภเพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ
์
์
- ตรวจภายในด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังไม่ให้ถุงน้ำแตก เพื่อประเมินการเกิดภาวะสายสะดือย้อย
- ถ้าตรวจพบสายสะดือย้อย ใช้นิ้วมือดันส่วนนําไว้ไม่ให้เคลื่อนต่ำลงมา และจัดท่านอนให้ยกก้นสูง เพื่อลดการกดทับสายสะดือ
- ดูแลให้มารดาได้รับ ออกซิเจน
เพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น
- เตรียมการคลอดฉุกเฉินหรือเตรียมผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง และรายงานแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือโดยรีบด่วน
- ดูแลให้นอนพักบนเตียงเมื่อถุงน้ำคร่ำแตก
- อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนการช่วยเหลือ เพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวล
- ประเมินสภาพจิตใจมารดาหลังคลอดในกรณีที่สูญเสียบุตรเพื่อให้การดูแลด้านจิตใจและประคับประคองด้านจิตใจ
- ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน เนื่องจากเกิดภาวะสายสะดือย้อย
- มารดาและครอบครัวมีความโศกเศร้า เนื่องจากสูญเสียทารก
- เสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย
เนื่องจากมีน้ำเดินก่อนเจ็บครรภ์
- เสี่ยงต่อการสายสะดือย้อย เนื่องจากทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
- ตรวจภายในด้วยความนุ่มนวล และระมัดระวังไม่ให้ถุงน้ำแตก ในมารดาที่ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
- ฟังและบันทึกเสียงการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ทุก 1 ชั่วโมง ในระยะปากมดลูกเปิดช้า(latent phase) และทุก 30 นาทีในระยะปากมดลูกเปิดเร็ว (active phase)แต่ถ้าเสียงการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์มากกว่า 160 คร้ง/นาทีหรือน้อยกว่า 110 ครั้ง/นาทีต้องรายงานแพทย์
- ให้มารดาสังเกตลักษณะการดิ้นของทารกในครรภ์เพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์
- อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนให้ก ารช่วยเหลือมารดา เพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวลในมารดาที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย เนื่องจากทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
- อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนให้การช่วยเหลือมารดาเพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวลในมารดาที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย เนื่องจากมีน้ำเดินก่อนการเจ็บครรภ์
- ดูแลให้มารดานอนพักห้ามลุกจากเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสายสะดือย้อย
- ฟังและบันทึกเสียงหัวใจทารกในครรภ์ อย่างสม่าเสมอ ทุก 30 นาที
เพื่อประเมินภาวะสายสะดือย้อย
- ให้มารดาสังเกตลักษณะของนาคร่ำหากมีthin หรอื thick meconium stained จัดให้ผุ้คลอดนอนตะแคงซ้าย ให้ออกซิเจน ตรวจภายในเพื่อประเมินภาวะสายสะดือย้อย และรายงานแพทย์
กิจกรรมการพยาบาล
- อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนให้การช่วยเหลือในมารดาที่มีภาวะสายสะดือย้อยหรือสายสะดืออยูต่ำกว่าระดับส่วนนําของทารกเพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวล
- ทันทีที่ตรวจพบสายสะดือย้อย ใช้นิ้วมือดันส่วนนาไว้ไม่ให้เคลื่อนต่ำลงมา เพื่อไม่ให้ส่วนนํากดทับสายสะดือทารก
- จัดให้มารดานอนยกก้นสูง เพื่อลดการกดของส่วนนําทารกกับช่องทางคลอด
- ดูแลให้มารดาได้รับออกซิเจน เพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น
- Monitor EFM และบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภเพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของสภาพทารกในครรภ
- รายงานแพทยเพื่อให้การช่วยเหลือโดยรีบด่วน โดยการคลอดฉุกเฉินหรือการผ่าตัดคลอด
- อธิบายมารดาเกี่ยวกับการช่วยเหลือการคลอดในกรณีต้องผ่าตัด เพื่อให้มารดาเข้าใจและเซ็นใบยินยอมผ่าตัด และอธิบายให้ครอบครัวของมารดาเข้าใจเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางในการรักษาพยาบาล
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินภาวะจิตใจของมารดาและครอบครัวต่อการสูญเสียทารก เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนให้การพยาบาลอย่างเหมาะสมต่อไป
- รับฟังมารดาได้ระบายความรู้สึกเงียบๆ และรับฟังอย่างตั้งใจด้วยท่าทีที่อบอุ่นเป็นกันเอง มิให้มารดารู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ยอมรับปฏิกิริยาตอบสนองที่มารดาแสดงออกมา โดยการนั่งเป็นเพื่อน หรือช่วยเหลือในการทํากิจวัตรประจำวันหรือสิ่งที่มารดาต้องการ
- ส่งเสริม พฤติกรรมการปรับตัวต่อความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย การหายใจ การบริหารร่างกาย การพูดคุย เป็นต้น
- ส่งเสริม และแนะนาให้มสมาชิก ของครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลมารดาอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มารดารับรูถึงความรัก ความห่วงใยจากครอบครัวและมีกาลังใจในการเผชิญ กับภาวะเศร้าโศก
นางสาวพิชณ์สินี ศักดิ์เสือ 601001091