สายสะดื้อย้อย
(Prolapsed of the umbilical cord)
Prolapse1

ความหมาย

สายสะดื้อย้อย (Prolapsed of the umbilical cord) เป็นภาวะที่สายสะดื้อลงมาอยู่ข้าง ๆหรือต่ำกว่าส่วนนำของทารกในครรภ์ หรือสายสะดือโผ่ลออกมาจากช่องคลอด

สาเหตุ

ชนิดของสายสะดือย้อย

cord-pnvasa-praeviaafe-3-638

  1. สายสะดือย้อยลงมาอยู่ต่ำกว่าส่วนนำทารกในครรภ์ และถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก (Forelying cord/Funic presentation / Cord presentation)
  1. ทารกท่าผิดปกติ เช่น ท่าก้นชนิดมีเท้ายื่นเป็นส่วนนำ ท่าขวาง
  1. สายสะดือย้อยลงมาอยู่ต่ำกว่าส่วนนำทารกในครรภ์ (Overt prolapsed cord / Prolapsed of cord presentation)
  1. สายสะดือย้อยลงมาอยู่ต่ำกว่าปกติหรือย้อยลงมาอยู่ข้างๆ
    ส่วนนำของทารกในครรภ์ (Occultprolapsed cord)
  1. ภาวะที่มีการผิดสัดส่วนของส่นนำทารกกับช่องทางคลอด
  1. การตั้งครรภ์แฝด/ครรภ์แฝดน้ำ
  1. ทารกไม่ครบกำหนด
  1. การตั้งครรภ์หลัง
  1. การเจาะถุงน้ำ หรือถุงน้ำแตกก่อนที่ส่วนนำจะลงสู่ช่องเชิงกราน
  1. สายสะดือยาวกว่าปกติ
  1. รกเกาะต่ำ หรือสายสะดือเกาะบริเวณริมขอบรก

อาการและอาการแสดง

ผลกระทบ

  1. เสียงหัยใจทารกในครภภ์ผิดปกติ โดยสาเหตุอื่นไม่พบ
  1. เห็นสายสะดือโผล่พ้นช่องคลอดออกมา
  1. คลำพบสายสะดือจากการตรวจภายใน
    อาจจะจับได้ชีพจรบนสายสะดือเต้นเป็นจังหวะ
  1. การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง U/S อาจจะช่วยวินิจฉัยสายสะดือย้อยชนิด Forelying cord หรือ occult prolapsedcord ได้

ต่อทารก

ต่อมารดา

มีผลกระทบต่อด้านจิตใจของมารดาถ้าทารกในครรภ์เสียชีวิต

เป็นภาวะวิกฤตต่อทารกในครรภ์เพราะทารกจะเสียชีวิตจากการขาดออกซิเจนเนื่องจากสายสะดือถูกส่วนนำกดทับกับช่องทางการคลอดจากการรายงานพบว่าทารกจะตายภายใน 3 นาที หลังจากถูกกดทับ

การรักษา

  1. การช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน
  1. การช่วยเหลือการคลอด

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล

การพยาบาล

  1. สอดมือเข้าไปในช่องคลอด แล้วดันส่วนนาไว้ไม่ให้ส่วนนำเคลื่อนลงมากดสายสะดือ
  1. ให้ออกซิเจนแก่มารดา อาจจะทําให้ทารกได้รัับออกซิเจนมากขึ้น
  1. ถ้าสายสะดือมีแนวโน้มจะโผล่อกมานอกช่องคลอด ควรพยายามให้อยู่ในช่องคลอด เพราะอุ่นและไม่แห้ง ลดการหดเกร็งของหลอดเลือด (vasospasm)
  1. จัดให้ผู้คลอดที่ได้รับการวินิจฉัยว่า สายสะดือย้อยนอนในท่านอนหงายยกก้นสูง (Trendelenburg position), นอนตะแคงยกก้นสูง(Elevate Sim’s position), นอนในท่าโก้งโค้ง (Knee-chest position)

eae884fee08bab1e5f03d9ec6eecea0a

Reverse_trendelenburg_position_01

  1. หากสายสะดือย้อยออกมานอกช่องคลอด ให้ใช้ก๊อซชุบน้ำเหลือ NSS คลุมปืดสายสะดือไว้ ป้องกันไม่ให้สายสะดือแห้ง ลดการหดเกร็งของหลอดเลือด (vasospasm)
  1. ทําให้กระเพาะปัสสาวะโป่งตึงโดยการใส่น้ำเกลือ 500-1,000 มิลลิลิตรทางสายสวนปัสสาวะ เป็นการช่วยเหลืออีกด้านหนึ่ง เพื่อลดความรุนแรงในการหดรัดตัวของมดลูกและลดการกดทับสายสะดือจากส่วนนําของทารก

1 ถ้าทารกในครรภ์มีชีวิต อยู่ ปากมดลูกเปิดหมด ศีรษะทารกลงมาต่ำให้ช่วยคลอดด้วยคีม

  1. ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง เป็นวิธีที่ดีที่สุดยกเว้นกรณีที่ทารกเสียชีวิต หรือมีความผิดปกติแต่กําเนิด

3 กรณีที่ทารกในครรภ์เสียชีวิตให้ดำเนินการคลอดทางช่องคลอด ยกเว้นกรณีที่มีการผิดสัดส่วนระหว่างทารกกับช่องเชิงกรานอาจจะต้องทําหัตถการทำลายทารก หรือผ่าท้องคลอด

  1. Breech extraction ในกรณีที่เป็นท่าก้น ปากมดลูกเปิดหมด ไม่มีภาวะผิดสัดส่วนของทารกกับช่องเชิงกราน

5 ใช้เครื่องดึงสุญญากาศในรายที่เป็นครรภ์หลัง ปากมดลูกเปิดเกือบเต็มที่แล้ว และท่าศีรษะที่ไม่มีการผิดสัดส่วนของทารกกับช่องเชิงกรานมารดา

  1. ในครรภ์หลังที่ปากมดลูกเปิดตั้งแต่ 7-8 เซนติเมตรขึ้นไปที่เป็นชนิด
    Forelying cord ท่าของทารกปกติมีความก้าวหน้าของการคลอดเร็ว ทารกไม่มีภาวะขาดออกซิเจน (fetal distress) พยายามไม่ให้ถุงน้ำแตก
    อาจจะรอเพื่อให้คลอดเองทางช่องคลอดได้
  1. ประเมินสภาพมารดาและทารกในครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย
  1. ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภเพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ


  1. ตรวจภายในด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังไม่ให้ถุงน้ำแตก เพื่อประเมินการเกิดภาวะสายสะดือย้อย
  1. ถ้าตรวจพบสายสะดือย้อย ใช้นิ้วมือดันส่วนนําไว้ไม่ให้เคลื่อนต่ำลงมา และจัดท่านอนให้ยกก้นสูง เพื่อลดการกดทับสายสะดือ
  1. ดูแลให้มารดาได้รับ ออกซิเจน
    เพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น
  1. เตรียมการคลอดฉุกเฉินหรือเตรียมผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง และรายงานแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือโดยรีบด่วน
  1. ดูแลให้นอนพักบนเตียงเมื่อถุงน้ำคร่ำแตก
  1. อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนการช่วยเหลือ เพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวล
  1. ประเมินสภาพจิตใจมารดาหลังคลอดในกรณีที่สูญเสียบุตรเพื่อให้การดูแลด้านจิตใจและประคับประคองด้านจิตใจ
  1. ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน เนื่องจากเกิดภาวะสายสะดือย้อย
  1. มารดาและครอบครัวมีความโศกเศร้า เนื่องจากสูญเสียทารก
  1. เสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย
    เนื่องจากมีน้ำเดินก่อนเจ็บครรภ์
  1. เสี่ยงต่อการสายสะดือย้อย เนื่องจากทารกอยู่ในท่าผิดปกติ

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ตรวจภายในด้วยความนุ่มนวล และระมัดระวังไม่ให้ถุงน้ำแตก ในมารดาที่ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
  1. ฟังและบันทึกเสียงการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ทุก 1 ชั่วโมง ในระยะปากมดลูกเปิดช้า(latent phase) และทุก 30 นาทีในระยะปากมดลูกเปิดเร็ว (active phase)แต่ถ้าเสียงการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์มากกว่า 160 คร้ง/นาทีหรือน้อยกว่า 110 ครั้ง/นาทีต้องรายงานแพทย์
  1. ให้มารดาสังเกตลักษณะการดิ้นของทารกในครรภ์เพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์
  1. อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนให้ก ารช่วยเหลือมารดา เพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวลในมารดาที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย เนื่องจากทารกอยู่ในท่าผิดปกติ

กิจกรรมการพยาบาล

  1. อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนให้การช่วยเหลือมารดาเพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวลในมารดาที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดสายสะดือย้อย เนื่องจากมีน้ำเดินก่อนการเจ็บครรภ์
  1. ดูแลให้มารดานอนพักห้ามลุกจากเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสายสะดือย้อย
  1. ฟังและบันทึกเสียงหัวใจทารกในครรภ์ อย่างสม่าเสมอ ทุก 30 นาที
    เพื่อประเมินภาวะสายสะดือย้อย
  1. ให้มารดาสังเกตลักษณะของนาคร่ำหากมีthin หรอื thick meconium stained จัดให้ผุ้คลอดนอนตะแคงซ้าย ให้ออกซิเจน ตรวจภายในเพื่อประเมินภาวะสายสะดือย้อย และรายงานแพทย์

กิจกรรมการพยาบาล

  1. อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนให้การช่วยเหลือในมารดาที่มีภาวะสายสะดือย้อยหรือสายสะดืออยูต่ำกว่าระดับส่วนนําของทารกเพื่อความร่วมมือและคลายความวิตกกังวล
  1. ทันทีที่ตรวจพบสายสะดือย้อย ใช้นิ้วมือดันส่วนนาไว้ไม่ให้เคลื่อนต่ำลงมา เพื่อไม่ให้ส่วนนํากดทับสายสะดือทารก
  1. จัดให้มารดานอนยกก้นสูง เพื่อลดการกดของส่วนนําทารกกับช่องทางคลอด
  1. ดูแลให้มารดาได้รับออกซิเจน เพื่อให้ทารกได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น
  1. Monitor EFM และบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภเพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงของสภาพทารกในครรภ
  1. รายงานแพทยเพื่อให้การช่วยเหลือโดยรีบด่วน โดยการคลอดฉุกเฉินหรือการผ่าตัดคลอด
  1. อธิบายมารดาเกี่ยวกับการช่วยเหลือการคลอดในกรณีต้องผ่าตัด เพื่อให้มารดาเข้าใจและเซ็นใบยินยอมผ่าตัด และอธิบายให้ครอบครัวของมารดาเข้าใจเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นรวมทั้งแนวทางในการรักษาพยาบาล

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ประเมินภาวะจิตใจของมารดาและครอบครัวต่อการสูญเสียทารก เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนให้การพยาบาลอย่างเหมาะสมต่อไป
  1. รับฟังมารดาได้ระบายความรู้สึกเงียบๆ และรับฟังอย่างตั้งใจด้วยท่าทีที่อบอุ่นเป็นกันเอง มิให้มารดารู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ยอมรับปฏิกิริยาตอบสนองที่มารดาแสดงออกมา โดยการนั่งเป็นเพื่อน หรือช่วยเหลือในการทํากิจวัตรประจำวันหรือสิ่งที่มารดาต้องการ
  1. ส่งเสริม พฤติกรรมการปรับตัวต่อความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย การหายใจ การบริหารร่างกาย การพูดคุย เป็นต้น
  1. ส่งเสริม และแนะนาให้มสมาชิก ของครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลมารดาอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มารดารับรูถึงความรัก ความห่วงใยจากครอบครัวและมีกาลังใจในการเผชิญ กับภาวะเศร้าโศก

นางสาวพิชณ์สินี ศักดิ์เสือ 601001091