Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษา, นางสาวพฤศจิกา ยาเถิน เลขที่ 66 รหัส 61190169 - Coggle Diagram
กรณีศึกษา
สาเหตุ
-
-
ติดเชื้อจากแบคทีเรีย
- Group A beta hemolytic Streptococcus
- Streptococcus pneumoniae
-
คอหอยอักเสบ , ไข้หวัด , ต่อมทอมซิลอักเสบ
-
การรักษา
-
จำกัดปริมาตรน้ำ , จำกัดเกลือในรายที่มีอาการบวมมากและความดันโลหิตสูง , จำกัดอาหารประเภทโปรตีน
รักษาด้วยยา
คำแนะนำสำหรับยาที่ช่วยลดปริมาตรของน้ำในร่างกาย คือ ยาขับปัสสาวะ เช่น Furosemide ขนาด 1-2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/ครั้ง ทางหลอดเลือดด า ยาจะออกฤทธิ์ภายใน 5 นาที และอาจให้ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้ของยา Furosemide โรคที่เป็นข้อบ่งใช้ของยานี้ ได้แก่ภาวะปอดบวมน้ำเฉียบพลัน (acute pulmonary edema)ภาวะบวมน้ำ (edema) ที่เกี่ยวข้องกัหัวใจล้มเหลวโรคความดันโลหิตสูง
ผลข้างเคียงของการใช้ Furosemide
อาจทำให้ระดับโซเดียมในกระแสเลือดต่ำ ภาวะเลือดเป็นด่างจากการลดลงของคลอไรด์ในกระสแเลือด ระดับโพแทสเซียมในกระแสเลือดต่ำ ปวดศีรษะ ง่วงซึม เกร็งกล้ามเนื้อ ตะคริว ความดันโลหิตต่ำ ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ อ่อนเพลีย ภาวะของเหลวในร่างกายต่ำ ภาวะขาดน้ำ
คำแนะนำสำหรับยาขยายหลอดเลือด นิยมใช้ hydralazine ขนาด 0.15-0.30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/ครั้ง ให้ทางกล้ามเนื้อหรือทางหลอดเลือดดำยาออกฤทธิ์ภายใน 10-25 นาที ให้ซ้ าได้ทุก 4-6 ชั่วโมง อาจจะให้ reserpine หรือ serpasil 0.07 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/ครั้ง ให้แต่ละครั้งไม่เกิน 1 มิลลิกรัม ยาออกฤทธิ์ภายใน 1.5 ชั่วโมง ให้ซ้ำได้ทุก 12 ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้ของยา Hydralazine
ยาไฮดราลาซีน ชนิดรับประทาน มีข้อบ่งใช้ คือ รักษาโรคความดันโลหิตสูง ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาดเริ่มต้น 40-50 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทาน สามารถเพิ่มขนาดยาได้ตามการตอบสนองของความดันโลหิต ขนาดยาสูงสุดต่อวัน คือ 200 มิลลิกรัม
ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Hydralazine
อาจก่อให้เกิดอาการเจ็บเค้าหน้าอก อาการบวม ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ได้แก่ agranulocytosis เม็ดเลือดขาวสูง พิษต่อตับ SLE
-
-
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยที่ 1 มีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายและเนื้อเยื่อร่างกายขาดออกซิเจนเนื่องจากความดันโลหิตสูงและมีน้ำในช่องปอด
-
-
ข้อวินิจฉัยที่ 2 ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดอาการชักจากการมีความดันโลหิตสูง เนื่องจากการเพิ่มปริมาตรของน้ำและเกลือในร่างกายและจากการไหลเวียนของ GFR ลดลง ทำให้เกิด total peripheral resistance เพิ่มขึ้น
-
กิจกรรมทางการพยาบาล
จัดให้ผู้ป่วยพักนอนในบริเวณที่ใกล้กับเคาน์เตอร์พยาบาล จะได้สะดวกในการดูแลช่วงระยะแรกที่มีภาวะความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงและมีโอกาสเกิดภาวะเฉียบพลันต่าง ๆ ได้ เช่น อาการเหนื่อยหอบ หรืออาการแสดงทางปอด ทางหัวใจ
-
เฝ้าระวังอาการชัก โดยการสังเกตอาการเตือนหรืออาการบ่งชี้ก่อนชักและเตรียมการช่วยเหลือหากมีการชักเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการชัก หรือหลังการชักอาจมีภาวะขาดออกซิเจน
ดูแลเรื่องการได้รับยาลดความดันโลหิตตามแผนการรักษาซึ่งแพทย์อาจให้ยาเพื่อลดปริมาตรของน้ำในร่างกายหรือขยายหลอดเลือดหรือต้านการทำงานของ adrenalin
-
-
รายงานอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยให้แพทย์ทราบจนกว่าผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตลดลงอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงปกติ
ข้อวินิจฉัยที่ 3 มีโอการเกิดการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเนื่องจากการย่อยอาหารและการดูดซึมไม่ดี
-
กิจกรรมทางการพยาบาล
-
-
กระตุ้นให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากรับประทานอาหาร โดยมีการดูแลสุขภาพปากและฟันให้สะอาดเพื่อกระตุ้นการอยากอาหาร
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
U/A = red–brown color
sp.gr. = 1.015
pH = 5
WBC = 3-5/HPF
RBC = numerous/HPF
BUN = 60 mg/dl
Cr. = 0.7 mg/dl
ตรวจร่างกาย
น้ำหนักเมื่อแรกรับ 20 กิโลกรัม สูง 110 เซนติเมตร
T = 37.3 ºc
P = 80 ครั้ง/นาที
R = 40 ครั้ง/นาที
BP = 150/100 mmHg
อาการและอาการแสดง
อาการและอาการแสดงที่พบ ได้แก่
- อาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
- อาการบวม เช่น บวมที่หนังตาและขา
- ปัสสาวะออกน้อย สีเข้ม
- เป็นไข้เจ็บคอ
- Hypertension (BP > 150/100 mmHg )
พยาธิสภาพการเกิดโรค
กลไกการเกิดไตอักเสบเฉียบพลัน เริ่มตั้งแต่ร่างกายได้รับเชื้อซึ่งเป็นตัวกระตุ้น แอนติเจน (antigen) ทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานแอนติบอดี(antibody)ขึ้นและเกิดเป็นปฏิกิริยาเชิงซ้อน(antigenantibody complex) เกาะติดที่ผนังหลอดเลือดฝอยในไต เกิดการอักเสบของผนังหลอดเลือด (endothelial cell) พบ neutrophil และ monocyte มีการหลั่งเอนไซม์ทาลายผนังหลอดเลือด พบว่ามีการรั่วของเลือดและโปรตีนปนออกมากับปัสสาวะ ส่วนระบบ coagulation นาไปสู่การกระจายทั่วผนังหลอดเลือด พบว่ามีการรั่วของเลือดและโปรตีนปนออกมากับปัสสาวะ ส่วนระบบ coagulation นำไปสู่การกระจายทั่วผนังหลอดเลือดในไต ทำให้การไหลเวียนของเลือดผ่านไตน้อยลง (GFR ลดลง) ประสิทธิภาพการทำงานของไตลดน้อยลง มีการคั่งค้างของน้า เกลือ และของเสียในร่างกาย
การวินิจฉัยโรค
เกิดจากอาการและตรวจปัสสาวะพบมีเลือดและโปรตีนปนในปัสสาวะ มี Blood urea nitrogen (BUN) และ Creatinine (Cr) ในเลือดสูง ซีด เกิดจากโรคไตอักเสบชนิดเฉียบพลัน (Acute Glomerulonephritis : AGN)
-