Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะน้าคร่าอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (Amniotic fluid embolism/AFE),…
ภาวะน้าคร่าอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (Amniotic fluid embolism/AFE)
ความหมาย
ภาวะที่มีน้ำคร่ำผ่านเข้าสู่กระแสเลือดของมารดา ซึ่งจะเข้าไปในหลอดลมฝอยในปอด แล้วไปอุดกั้นบริเวณหลอดเลือดดำที่ปอด ทาให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสารประกอบน้ำคร่ำ
โดยปฏิกิริยาต่อต้านทำให้เกิดภาวะล้มเหลวของการทำงานของระบบหายใจ ระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต ระบบการแข็งตัวของโลหิต ช็อคและเสียชีวิตในที่สุด
การพยาบาล
เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยคานึงถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอดซึ่งมักจะพบได้ในระยะของการคลอดและทันทีหลังคลอด
ถ้ามีอาการและอาการแสดง คือ มีภาวะชักเกร็งโดยไม่มีภาวะความดันโลหิตสูงมาก่อนมีภาวะเขียวทั่วทั้งตัว หรือเริ่มเขียวเป็นบางส่วนของร่างกาย ควรปฏิบัติดังนี้
2.1 จัดให้มารดานอนในท่า fowler
2.2 ให้ออกซิเจน
2.3 ให้สารน้ำและเลือดตามแผนการรักษา
2.4 เฝ้าระวังการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี และกลไกการแข็งตัวสูญเสียไป
2.5 สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก
2.6 เตรียมช่วยเหลือการคลอดโดยคีมหรือผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
2.7 เตรียมช่วยฟื้นคืนชีพ ในรายที่เกิดหัวใจล้มเหลว (cardiac arrest)
2.8 ใช้เครื่องช่วยหายใจใน 2-3 วันแรก ภายใต้การดูแลในหน่วยอภิบาลผู้ปุวยหนัก (intensive care unit) เพื่อดูแลระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต
2.9 ดูแลและให้กำลังใจต่อครอบครัว ถ้ามารดาและทารกเสียชีวิต
ภาวะฉุกเฉินทางการคลอดที่มีลักษณะเฉพาะสามประการ
ภาวะความดันโลหิตต่ำ (hypotension) อย่างทันทีทันใด
ภาวะขาดออกซิเจน (hypoxia)
ภาวะความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (consumptive coagulopathy)
ปัจจัยส่งเสริม
การเร่งคลอด โดยการใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ทารกตายในครรภ์ เป็นเวลานาน ทำให้มีการเปื่อยยุ่ย ขาดง่าย อาจเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือด ทำให้น้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด
การคลอดเฉียบพลัน
รกเกาะต่ำ
รกลอกตัวก่อนกำหนด
มดลูกแตก
การบาดเจ็บในช่องท้อง
การผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
มารดามีบุตรหลายคน
มารดาตั้งครรภ์หลังที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
น้ำคร่ำมีขี้เทาปน
การเบ่งคลอดขณะถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
การเจาะถุงน้ำคร่ำ
การรูดเพื่อเปิดขยายปากมดลูก
การตรวจวินิจฉัยน้ำคร่ำก่อนคลอด
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายในและภายนอกครรภ์
อาการและอาการแสดง
มีอาการหนาวสั่น (chill)
เหงื่อออกมาก
คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล
หายใจลำบาก (dyspnea)
เกิดภาวะน้ำคั่งในปอด (pulmonary edema)
เส้นเลือดที่หัวใจตีบ
ความดันโลหิตต่ำมาก (low blood pressure)
ชัก
หมดสติ (Unconscious) และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ถ้าเกิดอาการนานกว่า 1 ชั่วโมง ผู้คลอดยังมีชีวิตอยู่จะเกิดภาวะกลไกการเข็งตัวของเลือดเสียไป และเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการแก้ไขภาวะการหดรัดตัวของมดลูกที่ดีพอ
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยจากอาการและอาการแสดง ที่สำคัญ 5 อย่าง
1.1 ระบบหายใจล้มเหลว (respiratory distress)
1.2 อาการเขียว
1.3 เส้นเลือดหัวใจหดเกร็ง (cardiovascular collapse)
1.4 เลือดออก
1.5 ไม่รู้สติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
2.1 การตรวจหาเซลล์ผิวหนัง ขนอ่อน (lanugo hair) เมือกของทารกหรือเซลล์จากรก (fetal squamous cell, fetal debris, trophoblasts) ซึ่งต้องอาศัยการย้อมสีพิเศษโดยตรวจได้จาก
2.1.1 การชันสูตรศพ (autopsy)
2.1.2 เลือดจากกระแสเลือดไปปอดของมารดา หรือจากในสายของซีวีพี (CVP line)
2.1.3 เสมหะ
2.2 การถ่ายภาพรังสีทรวงอก ส่วนใหญ่จะไม่พบความผิดปกติแต่อาจพบลักษณะ pulmonary edema
2.3 การตรวจคลื่นไฟฟูาหัวใจ (ECG) จะพบลักษณะ tachycardia STและ T wave เปลี่ยนแปลง และ มี RV strainได้
2.4 ตรวจการไหลเวียนของเลือดในปอดอาจพบความบกพร่องในการกำซาบ (perfusion defect) ได้
2.5 การตรวจหา Sialy 1TH antigen จะพบมีระดับสูงขึ้นในน้ำคร่ำที่มีขี้เทาปนเปื้อน
ผลกระทบ
มารดา
ผู้คลอดเสียชีวิตจากการเสียเลือด
ทารก
มารดาที่หัวใจและปอดหยุดทางาน โอกาสรอดของทารกมีค่อนข้างน้อย
ทารกที่รอดชีวิตจะมีภาวะบกพร่องทางระบบประสาท
การป้องกัน
ขณะเจ็บครรภ์คลอด ไม่ควรเร่งให้มดลูกหดรัดตัวถี่เกินไป ควรจะหดรัดตัวแต่ละครั้งนานไม่ควรเกิน 60 นาที ระยะห่างประมาณ 2-3 นาทีต่อครั้ง
การเจาะถุงน้ำควรทาอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ถูกปากมดลูก เนื่องจากจะทำให้เส้นเลือดที่ปากมดลูกฉีกขาดและจะทาให้น้ำคร่ำพลัดเข้าสู่กระแสเลือดได้
การกระตุ้นการเจ็บครรภ์ ในรายที่เด็กตายในครรภ์โดยใช้ Oxytocin drip ควรทำอย่างระมัดระวัง ดูอาการหดรัดตัวของมดลูกอย่างใกล้ชิด และไม่ควรเจาะถุงน้ำก่อนปากมดลูกเปิดหมดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำคร่ำพลัดเข้าสู่กระแสเลือด เนื่องจากเส้นเลือดฉีกขาดจากการเจาะถุงน้ำ
ไม่ควรกระตุ้นการเจ็บครรภ์โดยวิธีเลาะแยกเยื่อถุงน้ำคร่ำ (stripping membranes) จากคอมดลูก เพราะจะทำให้เลือดดำบริเวณปากมดลูกด้านในฉีกขาดได้
ในรายที่มีภาวะรกเกาะต่ำ การตรวจภายในควรจะกระทำอย่างระมัดระวัง
ถ้าผู้คลอดเจ็บครรภ์ถี่มากเกินกำหนด ผู้คลอดพักได้น้อย ควรรายงานแพทย์เวรทราบทุกครั้ง
การรักษา
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยจัดให้นอน Fowler ‘ s position ให้ออกซิเจน 100% และถ้ามีระบบการหายใจล้มเหลวให้ใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ
2.ให้สารละลายทางหลอดเลือดดา เพื่อเพิ่มปริมาตรเลือด พลาสมา และสารไฟบริโนเจน แก้ไขภาวะสารไฟบริโนเจนในเลือดต่า เพื่อลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากการขาดเลือดไปเลี้ยง โดยเลือดที่ใช้จะต้องไม่เกิน 24 ชั่วโมง หลังจากได้รับบริจาคอาจให้ยากระตุ้นหัวใจ เช่น Dopamine
ดูแลการหดรัดตัวของมดลูก โดยให้ยา oxytocin หรือ methergin ทางหลอดเลือดดำ
ถ้าทารกยังไม่คลอด ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารก เละรีบให้การช่วยเหลือโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องอย่างเร่งด่วน
เตรียมยาในการช่วยชีวิตผู้คลอดถ้ามีความดันโลหิตต่ำ เช่น Dopamine, Norepinephrine, Epinephrine
เจาะเลือดเพื่อประเมินความเข้มข้นของเลือดและการแข็งตัวของเลือด
รักษาภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (DIC) โดยให้ยา Heparin
ประเมินการเสียเลือดทางช่องคลอด
นางสาวสุธาสินี กะเจ เลขที่ 76 รหัส 601001156