Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหา ของระบบทางเดินปัสสาวะ - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหา
ของระบบทางเดินปัสสาวะ
การพยาบาลผู้ป่วยโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะ
สาเหตุของการเกิดนิ่ว
. ปัจจัยภายในร่างกาย
อายุ เพศ และเชื้อชาติ เด็กชายอายุต่ำกว่า 10 ปี เป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะมากกว่าในไต และผู้ใหญ่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะส่วนบนมากกว่าเด็ก อายุมากขึ้นมีโอกาสเกิดนิ่วได้มากขึ้น
ภาวะขาดน้ำเรื้อรัง (chronic dehydration) จากการที่ขาดน้ำหรือดื่มน้ำน้อยอย่างต่อเนื่องมีผลทำให้เพิ่มความเข้มข้นของปัสสาวะ และค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ของปัสสาวะลดลงเป็นสาเหตุชักนำให้เกิดนิ่วขึ้นได้
การขังของน้ำปัสสาวะ (urinary stasis) เกิดจากการถ่ายเทไม่สะดวกจากภาวะอุดกั้น การนอนอยู่กับที่นาน ๆ ทำให้สารประกอบในปัสสาวะตกตะกอน รวมตัวกันเป็นก้อนผลึก
ความผิดปกติในระบบเมตาบอลิซึม (metabolism) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูดซึมในทางเดินอาหารที่มากกว่าปกติ เช่น มีการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้มากหรือในภาวะต่อม พาราไทรอยด์โต (hyperparathyroidism) ทำให้มีแคลเซี่ยมในปัสสาวะมากเกินไป นิ่วที่เกิดจากการมีแคลเซียมในปัสสาวะมากเกินไป ส่วนมากอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน (idiopathic hypercalciuria)
พันธุกรรม
. ปัจจัยภายนอกร่างกาย
ภูมิประเทศ ภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พบว่าอากาศร้อนเป็นปัจจัยอันหนึ่งเพราะจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ มีความเข้มข้นของปัสสาวะสูง และเชื่อว่าในฤดูร้อนร่างกายมีการดูดซึมแคลเซียมเพิ่มขึ้น
น้ำดื่มที่มีส่วนประกอบของแร่ธาตุบางอย่าง หรือน้ำที่มีความกระด้างจะส่งเสริมให้เกิดนิ่ว อย่างไรก็ตามการดื่มน้ำในปริมาณน้อยมีผลอย่างมากต่อการเกิดนิ่วเช่นกัน
การรับประทานอาหารบางอย่างมากเกินไป ด้านโภชนาการพบว่า โปรตีนกับวิตามิน น่าจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เพราะการขาดสารอาหารโปรตีนทำให้ขาดสารยับยั้ง (inhibitor) ในปัสสาวะ
ลักษณะอาชีพและลักษณะการดำรงชีวิต (lifestyle) พบว่าอาชีพที่มีการออกกำลังกายน้อย มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วมากกว่าอาชีพที่ต้องใช้แรงงานมาก ๆ
อาการและอาการแสดงของนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
แบ่งได้ตามตำแหน่งที่เกิดการอุดกั้น
นิ่วในไต (renal calculi, RC) มักพบในผู้ใหญ่ บริเวณไตเป็นตำแหน่งที่มักพบได้มากที่สุด นิ่วที่เกิดขึ้นนั้นหากยังมีขนาดเล็ก ประมาณ 4 – 5 มม. จะเคลื่อนที่ตามแรงบีบตัวไล่ปัสสาวะจากไตผ่านท่อไต และลงสู่กระเพาะปัสสาวะได้ ถ้านิ่วก้อนใหญ่หรือเป็นแบบชนิดกิ่ง (staghorn calculus) จะไม่มีการเคลื่อนที่ มีรูปร่างคล้ายลักษณะของกรวยไต นิ่วชนิดนี้จะไม่เกิดการอุดตันในทันที
นิ่วในหลอดไต (ureteric calculi, UC)ก้อนนิ่วมักหลุดมาจากไต ส่วนใหญ่มักเกิดการอุดกั้นเพียงบางส่วน ตำแหน่งที่เกิดการอุดกั้นที่สำคัญ 3 ตำแหน่งคือ ตรงรอยต่อของกรวยไตกับท่อไต (ureteropelvic junction) บริเวณที่ท่อไตพาดผ่านเส้นเลือดไอลิแอค (pelvic brim) และรูเปิดของท่อไตเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ (ureterovesical junction) ถ้าการอุดกั้นเพิ่มขึ้นและเป็นอยู่นาน ๆ จะทำให้ท่อไตโป่งพองและไตก็จะโป่งพอง เกิดภาวะไตบวมน้ำ นำไปสู่ภาวะไตเสียหน้าที่
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (vesical calculi, VC)ส่วนมากเกิดการอุดกั้นที่คอปัสสาวะ (bladder neck) มักเกิดการคั่งค้างของปัสสาวะร่วมกับการติดเชื้อ มักพบในเด็ก ผู้ป่วยมีอาการถ่ายปัสสาวะลำบาก ปวดเอวหรือปวดหลัง ปวดท้อง บางรายมีอาการปัสสาวะหยุดไหลอย่างกระทันหันขณะที่กำลังถ่าย เมื่อก้อนนิ่วเลื่อนมาอุดที่ทางออกของกระเพาะปัสสาวะ การอุดกั้นตำแหน่งนี้มีผลรบกวนการทำงานของไตได้ทั้ง 2 ข้าง
การตรวจร่างกาย
การสังเกต การแสดงความเจ็บปวดทางสีหน้า อาการกระสับกระส่าย พักหลับไม่ได้ ดูการเบ่งถ่ายปัสสาวะ ระยะเวลาการถ่ายปัสสาวะ ลักษณะสี เห็นสิ่งแปลกปลอมจากน้ำปัสสาวะ
คลำ โดยใช้สองมือ ถ้ามีการอุดตันอยู่นานจนมีการพองโต คลำได้ใต้ชายโครงด้านหน้า กดเจ็บบริเวณบั้นเอว ถ้ามีปัสสาวะคั่งในกระเพาะปัสสาวะมาก จะคลำได้กระเพาะปัสสาวะ โป่งตึงเหนือหัวเหน่า
เคาะ เหนือหัวเหน่ามีเสียงทึบของกระเพาะปัสสาวะที่มีน้ำเต็ม เคาะเจ็บบริเวณเหนือเอวใต้ชายโครง (costovertebral angle) เมื่อเกิดการอุดตันและอักเสบ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจเลือด พบว่า เม็ดเลือดขาว บียูเอ็น ครีเอตินิน แคลเซียม กรดยูริค อัลคาไลน์ฟอสเฟต (alkaline phosphate) สูงกว่าปกติ
ตรวจปัสสาวะ พบเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว แบคทีเรียสูงกว่าปกติ
การถ่ายเอ็กซ์เรย์ระบบทางเดินปัสสาวะ (plain K.U.B.)
การฉีดสารทึบแสงเข้าทางหลอดเลือดดำ (intravenous pyelography, IVP)
ชนิดของนิ่ว
นิ่วทางเดินปัสสาวะที่พบได้บ่อยในประเทศไทย พบว่าส่วนใหญ่เป็นนิ่วแคลเซียม
ออกซาเลท (calcium oxalate) นิ่วพวกแมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟต พบได้รองลงมา ที่พบน้อยคือ ยูเรทและซีสทีน (urate & cystine)
การรักษา
การผ่าตัดกรวยไตเอานิ่วในไตออก (pyelolithotomy) โดยผ่าเปิดบริเวณสีข้างเข้าไปที่กรวยไต (renal pelvis)
การผ่าตัดเข้าไปที่ไตโดยเปิดเข้าทางสีข้างเข้าไปที่ไตผ่าไตตามยาวเป็น 2 ซีก เท่ากันและคีบนิ่วออก (nephrolithotomy)
การผ่าตัดไตออกเมื่อมีการอุดตันอยู่นานจนไตข้างนั้นใช้การไม่ได้แล้วอาจเป็นแบบตัดไตออกบางส่วน หรือตัดไตข้างหนึ่งออกทั้งหมด (nephrectomy)
การผ่าตัดเปิดเข้าไปทางสีข้างหรือหน้าท้องส่วนล่างไปถึงหลอดไตเปิดหลอดไตเอานิ่วในหลอดไตออก (ureterolithotomy)
การผ่าเหนือหัวเหน่าเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ แล้วเอานิ่วออก (suprapubic cystolithotomy)
การผ่าเข้าไปที่ท่อปัสสาวะ แล้วเอานิ่วออก (urethrolithotomy)
ใช้กล้องส่องผ่านกระเพาะปัสสาวะ (endoscopic basker) ลอดสอดเข้าท่อไตแล้วคล้องเอานิ่วออก โดยใช้เครื่องมือคล้องนิ่ว (stone basket)
การสอดกล้องเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ในรายที่นิ่วใหญ่ไม่เกิน 4 ซม. ไม่แข็งมาก แล้วขบนิ่วให้แตก (litholapaxy)
การเจาะผ่านผิวหนังเข้าสู่ไตเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณสีข้าง ใส่ท่อเล็ก ๆ ที่ติดกล้องส่องผ่านเข้าไปเพื่อขบนิ่วให้แตก หรือถ้าก้อนนิ่วโตมากอาจใช้ คลื่นเสียง หรือเลเซอร์ กระทบให้นิ่วแตก แล้วล้างออก (percutaneous nephrolithotripsy, PCNL)
การสลายนิ่ว อาศัยคลื่นเสียงความถี่สูงวิ่งผ่านน้ำ เล็งเข้าที่นิ่วคลื่นจะกระทบนิ่วแตกละเอียด และเศษนิ่วหลุดออกมาทางปัสสาวะ (extracorporeal shock wave lithotripsy, ESWL)
ก้อนนิ่วถูกทำให้แตกเป็นเศษเล็ก ๆ โดยการใช้เลเซอร์ (laser therapy) วิธีนี้เป็นการใช้เครื่องมือใส่เข้าไปทางกล้องส่องท่อไต การดูแลหลังทำคล้ายคลึงกับการทำการสลายนิ่วด้วยคลื่นเสียงความถี่
ปัญหาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)
การติดเชื้อท่อปัสสาวะ (urethritis) หรือการอักเสบของท่อปัสสาวะ (inflammation) ซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย, การระคายเคือง จากการบาดเจ็บ การที่ร่างกายไวต่อปฏิกิริยาต่าง ๆ รวมถึงการอาบน้ำในอ่าง / สระ หรือการติดเชื้อกามโรคต่าง ๆ
อาการและอาการแสดง
การถ่ายปัสสาวะปวดแสบ
สำหรับเพศหญิงอาจมีอาการบวมแดงของ labial tissue, urethra มีสีแดงจัด แต่จะไม่มี discharge
ผลตรวจปัสสาวะจะพบมี pus. ในปัสสาวะแรกของเช้าตรู่ อาจพบ W.B.C. ได้เช่นเดียวกัน
การรักษา
ด้วยยาปฏิชีวนะ (antibiotic)
การพยาบาล
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงสาเหตุของโรค การรักษา ผลของยาและการป้องกันการเกิดเป็นซ้ำ อาจใช้ครีมป้าย (ointments or creams) หลังการถ่ายปัสสาวะ และหากพบว่ามีสาเหตุจากการมีเพศสัมพันธุ์และการเปลี่ยนคู่นอน จึงควรแนะนำให้รักษาทั้งคู่ เพราะสามารถติดต่อกันได้
การติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ (cystitis) หรือการอักเสบของผนังกระเพาะปัสสาวะ
สาเหตุ
จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ร้อยละ 80 คือ เชื้อ E. Coli แต่อาจมีสาเหตุจากเชื้อรา (Fungal) ที่เกิดขึ้นบริเวณผนังของกระเพาะปัสสาวะ การมีก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือการคาสายสวนปัสสาวะ และสาเหตุทางกายวิภาคของท่อทางเดินปัสสาวะของเพศหญิง ที่ทำให้มีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าเพศชาย สาเหตุอื่น ๆ ที่พบได้ก็คือการมีเพศสัมพันธุ์ ซึ่งเป็นถ่ายทอดเชื้อโรคสู่เพศตรงข้าม (exposure), การฉายรังสี (radiation)
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยมักจะมาด้วยเรื่องเจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ (burning) เนื่องจากมีการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เกิดการระคายเคืองของผิวกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากเชื้อโรคที่เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะจะไปเกาะบริเวณเยื่อเมือก (mucous) ของกระเพาะปัสสาวะ เกิดการอักเสบและระคายเคือง จะปัสสาวะบ่อยและบางครั้งกลั้นปัสสาวะไม่ได้ และอยากถ่ายปัสสาวะบ่อย (urgency) ปวดบริเวณหัวเหน่า ปัสสาวะขุ่น หรือสีโคล่าหรือสีแดง ซึ่งเป็นสีของการมี R.B.C., W.B.C. หรือทั้ง 2 อย่างรวมกันและอาจมีอาการไข้สูง อ่อนล้า ไม่สุขสบายบริเวณช่องท้อง, เชิงกราน มีการคลื่นไส้ อาเจียน และอาจส่งผลให้มีการอักเสบของกรวยไตด้วย
การรักษา
หากว่า cystitis มีสาเหตุจากการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะหรือภาวะไตวาย การรักษาก็จำเป็นต้องรีบขจัดสาเหตุการอุดกั้นและรักษาการติดเชื้อทันที เพราะหากไม่รีบรักษาจะเกิดผลเสียต่อไตอย่างถาวร ผู้ป่วยควรได้รับสารน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร ร่วมกับได้รับยาปฏิชีวนะ