Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบริหาร - Coggle Diagram

- - - - การบริหาร เป็นการดำเนินหรือกระบวนการใดๆ ของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ร่วมกันการ โดยคำนึงถึงการจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีองค์ประกอบ คือ
        
        1เป้าหมายที่ชัดเจน (Goal)
        
        2.ทรัพยากรในการบริหารที่มีจำกัด (Management Resources)
        
        3.การประสนงานระหว่างกัน (Co-ordinate)
        
        4.การแบ่งงานกันทำ (Division)
      - ผู้ที่ทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและดูแลงานของคนอื่น ๆ ในทีมงานหรือในแผนกงาน หรือ ในองค์การ รวมทั้งประสานงานกับบุคคลหรือแผนกงานหรือองค์การภายนอกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เป้าหมายของหน่วยงานหรือองค์การบรรลุผลสำเร็จเป็นผู้ที่ใช้บุคคลอื่นในการทำงานหรือใช้ทรัพยากรในองค์การนั้นให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์การ โดยก่อให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจกันในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
    - - ช่วยให้กลุ่มบุคคลร่วมกันทำงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      - สามารถนำทรัพยากรทั้งคน เงิน และอุปกรณ์มารวมเข้าด้วยกันเพื่อใช้ในการผลิต
      - ช่วยชี้แนวโน้มความเจริญของสังคม และความเสื่อมของสังคมในอนาคต
      - การบริหารงานมีลักษณะต้องใช้การวินิจฉันสั่งการเป็นเครื่องมือ แสดงความสามารถของนักบริหาร และความเจริญเติบโตของการบริหารองค์การจะคงสภาพอยู่หรือมีความเจริญก้าวหน้า หรือถดถอยลงขึ้นอยู่กับคุณภาพของการบริหาร
      - เป็นวิธีที่สำคัญที่จะนำสังคมและโลกไปสดวามเจริญก้าวหน้า
      - เป็นเครื่องบ่งชี้ความเจริญก้าวหน้าของสังคม ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยากาในด้านต่าง ๆ ทำให้การบริหารเกิดการเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
      - ชีวิตประจวันของมนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารอยู่เสมอ ดังนั้นการบริหารจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
    - - ระยะหลัง มีผู้เสนอว่าปัจจัย 5 ที่กล่าวมายังไม่พอควรเพิ่มอัก 2 ปัจจัย
        
        คน (Men)
        
        เงิน (Money)
        
        ว้สดุเครื่องมื้อเครื่อใช้(Materials)
        
        อำนาจหน้าที่ (authority)
        
        เวลา (time)
        
        -จิตใจในการทำงาน (mind)
        
        อุปกรณ์อำนวยความสะตวก (facilities)
    - - -ความสามารถของผู้นำ หรือ การบริหารในอันที่จัดกลุ่มคนทำงานให้ร่วมมือกันทำงานเพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
      - -สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี ได้แก่ ความพร้อมด้านอาคารสถานที่ สือและวัสดุอุปกรณ์ ความพร้อมด้านเทคโนโลยีและความพร้อมด้านข้อมูลสารสนเทศ.
      - -คุณลักษณะและพฤติกรรมของผู้บริหาร ได้แก่ มีวิสัยทัศน์มีความสัมพันธ์กับบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร มีความมุ่งนในการทำงานใช้ข้อมูลสถิติในการวิเคราะห์และตัดสินใจให้การสนับสนุนและช่วยเหลือลูกน้อง มีความสามารถในการสื่อสาร การใช้แรงจูงใจ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
  - - - 1.กลุ่มทฤษฎีการจัดการแบบดั่งเดิม
        
        แบ่งออกเป็น 3 แบบ
        
        1.1 การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific management)
        
        แนวคิดของ Taylor คือ มุ่งให้ผู้ปฏิบัติงานใช้ความรู้ความสามารถมากที่สุด การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตโดยพยายามลดต้นทุนและเพิ่มกำไร รวมถึงเพิ่มค่าจ้างให้คนงานที่สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยถือหลักของการให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม
        
        ลักษณะที่สำคัญ 4 ประการของการจัดการตามหลักวิทยาศาสตร์ของ Taylor
        
        พัฒนาความรู้ในวิธีการทำงานโดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์
        
        ต้องมีการคัดเลือกและพัฒนาคนงาน โดยใช้หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมกับงาน ทำให้งานที่ทำมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
        
        มีการแบ่งงานกันทำตามความเหมาะสม
        
        มีการร่วมมือกันอย่างจริงจังในทำงานจากทุกฝ่าย
        
        ผลงานที่สำคัญของ Taylor
        
        4.หลักการแยกงานด้านการวางแผนออกจากงานปฏิบัติ งานด้านวางแผนเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและงานด้านการปฏิบัติเป็นหน้าที่ของคนงาน
        
        5.หลักการควบคุมโดยฝ่ายจัดการ: ผู้จัดการควรได้รับการฝึกที่ดีสามารถวางแผนและควบคุมการปฏิบัติงานได้
        
        หลักการทำงานตามแบบวิทยาศาสตร์: ฝ่ายบริหารควรกำหนดวิธีการและมาตรฐานในการปฏิบัติงานโดยใช่วิธีทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถวัดและตรวจสอบได้
        
        หลักการเสียเวลา: เป็นการศึกษาเพื่อหาเวลามาตรฐานในการทำงานแต่ละชิ้นว่าควรจะใช้เวลาเท่าใด
        
        การใช้ระบบค่าตอบแทนรายชิ้น : ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย
        
        หลักการจัดระเบียบการปฏิบัติงาน: การปฏิบัติงานต้องมีกฎระเบียบ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
        
        Henry L. Gantt เป็นวิศวกรเครื่องกลได้ร่วมงานกับ Taylor สร้างผลงานหลายอย่างผลงานของ Gantt กี่สำคัญได้แก่ พัฒนาแผนภูมิบันทึกความก้าวหน้าของงานเทียบเวลา Grant chart หรือ Barchart
        
        ระบบการจูงใจ โดยการให้ Bonus โดย Gant เชื่อว่า คนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของปัญหาด้านการจัดการทั้งหมด
        
        1.2 การจัดการแบบราชการ (Bureaucratic management)
        
        Max Weber นักสังคมวิทยาซาว
        เยอรมันศึกษาการทำงานภายในองค์การ และโครงสร้างของสังคมได้แก่ ทหาร รัฐบาล การเมือง และองค์การอื่นๆ
        
        ระบบราชการ มีลักษณะที่สำคัญ 6ประการ
        
        3.มีระเบียบกฎเกณฑ์ในการปฏิบัติงาน
        
        4.มีการจัดระบบการทำงานและมีระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติ
        
        5.ไม่นำเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้องในงานทุกคนต้องทำงานโดยยึดหลักของเหตุและผล
        
        2.มีการแบ่งงานกันทำโดยคำนึงถึงความช่านาญเฉพาะอย่าง แต่ละงานมีขอบเขตแน่นอน ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน
        
        1.มีการจัดชั้นตำแหน่งและสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน
        
        6.การเลือกคนเข้าทำงานและการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง จะต้องพิจารณาจากความรู้ความสามารถเป็นเกณฑ์
        
        1.3 การจัดการตามหลักการบริหาร (Administrative management)
        
        แนวคิดของ Fayol
        การวางรากฐานเพื่อการสร้างประสิทธิภาพให้แก่องค์การสามารถพัฒนาผลผลิตของคนงานให้ดีขึ้นได้ให้ความสำคัญต่อภารกิจทางการบริหารของฝ่ายจัดการ
        
        แปงงานด้านอุตสาหกรรมออกเป็น6 กลุ่ม
        
        1.ด้านเทคนิค: การผลิตงาน โรงงานการปรับตัว
        
        2.ด้านการค้า: การซื้อ การขาย และการแลกเปลี่ยน
        
        3.ด้านการคลัง: การจัดหาทุน และการใช้จ่ายทุน
        
        4 ด้นความมั่นคง: การรักษาคุ้มครองทรัพย์สินและบุคลากร
        
        5 ด้านการบัญชี: งานธุรการพัสดุ การงบดุล และสถิติ
        
        6ด้านการจ้ดการ: การวางแผน การจ้ดองค์การ การสั่งการ การประสานงาน และการควบคุม
        
        หลักการการจัดการที่สำคัญของ
        Fayol
        
        การวางแผน (Planning) หมายถึง กาาดกรณ์ส่วงหนัถึงเหตมรณ์ตงาที่จะมีผลต่อธุรกิจ และกำหนดขึ้นเป็นแผนปฏิบัติงาน หรือวิธีที่จะปฏิบัติขึ้นไว้เป็นแนวทางการทำงานในอนาคต
        
        การจัดองค์กร (Organizing) หมายถึง การจัดให้มีโครงสร้างของงานต่างๆ และอำนาจหน้าที่ให้อยู่ในส่วนประกอบที่เหมาะสมที่จะช่วยให้งานขององค์การบรรลุผลสำเร็จได้
        
        การบังคับบัญชา (Command) หมายถึง การสังงานต่างๆ แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งผู้บริหารจะต้องกระทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี และต้องเข้าใจผู้ปฏิบัติงานด้วยตลอดในการทำงานของคนงานกับองค์การที่มีอยู่รวมถึงการติดต่อสื่อสารภายในองค์การด้วย
        
        การประสานงาน (Co-ordination) หมายถึง การเชื่อมโยงงานของทุกคนให้เข้ากันได้และมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน
        
        การควบคุม (Control)หมายถึง การที่จะต้องกับให้สมารถประกันได้ว่ากิจกรรมต่างๆ ที่ทำไปนั้น สมารถเข้ากันได้กับแผนที่วางไว้
        
        Qliver Sheldn ชาวอังกฤษได้พัฒนาความคิดในเรื่องการจัดการและการบริหารหลักการของ Sheldon แบ่งออกเป็น 3ประการ
        
        การบริหาร (Administration)เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและการประสานงานในหน้าที่ต่างๆ
        
        การจัดการ (Management)เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายภายในขอบขตจำากัดซึ่งกำหนดขึ้นโดยฝ่ายบริหาร
        
        หน้าที่ในการจัดองค์การเป็นกระบวนการประสานงานระหว่างบุคคลหรือระหว่างกลุ่มบุคคล
        
        Luther Gulilck และ Lyndall Urwick Gullck เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ส่วนเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการGulilckได้เสนอแนวคิดในการจัดการซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร จะต้องดำเนินการ POSDCORB
        
        P(Pinig) การวางแผนเป็นการกำหนดสิ่งที่ต้องการและวิธีการให้บรรลุผลตามต้องการ
        
        0(0rganizing)การจัดองค์การ:เป็นการกำหนดโครงสร้างที่เป็นทางการของอำนาจ
        
        S (Stating) การมริหารงานบุลลล
        
        D(Directing) การสั่งการ
        
        CO (Co-erdinating) การประสานงาน
        
        R(Reporting) การรายงานต่อฝ่ายบริหาร
        
        B(Budgeting) การวางแมนการงิน บัญชีและการควบคุม
      - 2กลุ่มทฤษฎีการจัดการด้านมนุษยสัมพันธ์
        
        แนวคิดนี้ มีผลมาจากแนวความคิดทางการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ที่คิดว่ามนุษย์ทำงานเพื่อผลตอบแทนหรือความต้องการในด้านเศรษฐกิจ Elton Mayo เป็นนักสังคมวิทยา (ปื 1880 - 1949) ชาวออสเตรเลียและเป็นศาสตราจารย์ค้นการวิจัยอุตสาหกรรมของ Harvard University ได้ทำการศึกษาวิจัย Hawthorne study ซึ่งเป็นการ
        ศึกษาวิจัยเชิงทดลองในบริษัท Western Electricโดยทดลองตามสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการทำงานของพนักงาน
        
        Elton Mayo การทดลองแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน
        
        ระยะที่ 1: ทำการทดลองใช้ สภาพของห้องทดสอบศึกษาถึงผลกระทบของสภาพแวดล้อมของการทำงานที่มีต่อผลผลิตโดยการทดสอบผลกระทบของแสงสว่างในการทำงานที่มีต่อคนงานจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อปริมาณของผลผลิตอย่างไร ผลการวิจัยพบว่า ไม่ว่จะเพิ่มหรือลดแสงสว่างภายในห้องอย่างไร ผลผลิตก็ยังเพิ่มขึ้น
        
        ระยะที่ 2: ทำการทดลองกับตัวแปรอื่นๆ เช่นมีอาหารเช้าให้คนงาน มีชั่วโมงการหยุดพักให้มาทำงานในเช้าวันเสาร์ลดหรือเพิ่มชั่วโมงการทำงานและวิธีการจ่ายค่าตอบแทน ผลการวิจัยพบว่า ตัวแปรข้างต้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการทำงานแต่ไม่มากนักทำให้เกิดความคิดใหม่ๆในเรื่องความสามารถในการรับรู้ การแปลความหมายและท่าที่ในการทำงานของคนงาน
        
        การวิจัยต่อจากนั้น ได้ใช้เทคนิคการสัมภาษณ์คนงานทุกแผนกในบริษัทประมาณ 2,000 คนพร้อมสังเกตการทำงานของคนงานเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้คนงานทำงานมากขึ้น ทำให้องค์การมีผลผลิตมากขึ้น
        
        ผลการวิจัยพบว่า
        
        ขวัญและกำลังใจในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญมากทั้งนี้เพราะพนักงานมีชีวิตจิตใจ ไม่สมารถซื้อหาด้วยเงินอย่างเดียว
        
        ประสิทธิภาพการทำงานมิได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่ยังขึ้นกับมนุษยสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์การด้วย
        
        เมื่อพนักงานรู้สึกว่าได้รับความสนใจจากบุคคูลอื่น จะทำให้มีความกระตือรือรั้นในการทำงานมากขึ้น
        
        กลุ่มทำงานจะเป็นผู้กำหนดคุณลักษณะของสมาชิกแบบวิธีการของกลุ่ม ตลอดจนความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์การในสัดส่วนที่กลุ่มยอมรับได้ โดยอาศัยความสัมพันธ์เชิงอำนาจของกลุ่ม
        
        .เมื่อพนักงานในระดับสูงสามารถจูงใจด้วยจิตใจจะมีความสำคัญมากกว่าการจูงใจด้วยเงิน
        
        Abraham Maslow : ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ
        
        1ความต้องการทางร่างกาย
        
        2ความต้องการความปลอดภัย
        
        3ความต้องการด้านสังคม
        
        4ความต้องการยกย่อง
        
        5ความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
        
        Douglas McGregor ทฤษฎี X,Y
        
        ลักษณะที่สำคัญของทฤษฎี x
        
        พนักงานต้องการทำงานให้น้อยที่สุด ดังนั้นผู้บริหารต้องคอยควบคุม สั่งการ หรือลงโทษเพื่อให้บุคคลทำงาน
        
        พนักงานขาดความทะเยอทะยาน และไม่ต้องการรับผิดชอบอะไรโดยทั่วไปพนักงานจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง เพราะเกรงว่าตนเองจะเดือดร้อนหรือต้องการทำงานหนักกว่าเดิม
        
        ลักษณะที่สำคัญของทฤษฎี Y
        
        2.มีความคิดริเริ่มในการแก้ปัญหาในการทำงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมาย
        
        3.พนักงานมีความเต็มใจที่จะเสาะแสวงหางานมาทำ และมีความรับผิดชอบ
        
        1.ชอบทำงาน
        
        4 พนักงานจะยอมรับจุดมุ่งหมายขององค์การเพื่อที่จะใช้ความพยายามในการทำงานให้สำเร็จ และบรรลุเป้าหมายขององค์การ
        
        5.พนักงานมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาตนเองได้ และขณะนี้ยังไม่ได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่
      - 3กลุ่มทฤษฎีการจัดการเชิงปริมาณ
        
        3.2 กลุ่มทฤษฎีระบบ:The system Approach
        
        1.ปัจจัยนำเข้า(Input)
        
        2.กระบวนการ(Process)
        
        3.ผลผลิต(Output)
        
        3.3 กลุ่มการจัดการตามสถานการณ์:The Contingency Approach
        
        หลักการ ไม่มีหลักการบริหารใดที่เป็นสากลสามารถนำไปใช้ได้ทุกสถานการณ์หรือทุกองค์การองค์การทั้งหลายจะมีความแตกต่างกันทั้งสิงแวดล้อมภายใน ภายนอกเผชิญสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องมีแนวทางในการจัดการที่แตกต่างกัน เช่น
        
        -ลักษณะงาน องค์การที่มีรูปแบบการทำงานเป็นแบบแผนแน่นอน
        ตายตัวจะโครงสร้างองค์การรูปแบบภาวะผู้นำและระบบการควบคุมแตกต่างจากองค์การที่มีลักษณะงานยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้า
        
        -ความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อม วิธีการทำงานและการจัดการที่อยู่ภายใต้สภา พแวดล้อมคงที่ หรือสภาพแวดล้อมที่สามารถทำนายความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ ย่อมแตกต่างจากวิธีการทำงานและการจัดการในองค์การ``ที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถทำนายความเปลี่ยนแปลงได้
        
        -ขนาดขององค์การ เมื่อองค์การมีขนาดใหญ่ขึ้น โครงสร้างและจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น ปัญหาการประสานงานเพิ่มขึ้น
        
        ความแตกต่างของบุคคล ในองค์การที่แตกต่างกัน ย่อมมีพนักงานที่อาจมีความแตกต่างก้นทั้งความทะเยอทะยานในความ ก้าวหน้า ความเป็นอิสระในความคิดของตนเอง ความมีมานะอดทนต่อความไม่แน่นอนและความคาดหวัง
        
        3.1 กลุ่มการจัดการเชิงปริมาณ
        (The quantitative management)
        
        เน้นแนวคิดของการบริหารที่สนใจ นำเทคนิคทางคณิตศาสตร์ การนำเอาข้อมูลสถิติมาใช้ในการตัดสินใจ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ
        
        3.1.1 วิทยาการจัดการ (Management Science)) เป็นการนำเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่คำนึงถึงเหตุผลการตัดสินใจต้องพิจารณาทางเลือกต่างๆ จากข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือใช้การวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์การใช้โมเดลสถานการณ์จำลอง ก่อนนำไปใช้จริงทางการพยาบาลใช้วิธีนี้เพื่อศึกษาสภาพความเป็นจริงแล้วนำผลการวิจัยมาบริหารจัดการ
        
        3.1.2 การจัดการปฏิบัติการ (Operation Management) -เป็นการจัดการใช้เทคนิคเชิงปริมาณพื่อปรับปรุงผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าและบริการ
        -การคิดค้นออกแบบระบบเพื่อมาควบคุมกระบวนการผลิต การดำเนินงานและการบริหาร เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง เทคนิคตารางเวลาเพื่อช่วยวางแผนการผลิต การออกแบบสถานที่ ตลอดจนการประกันคุณภาพ
        
        3.1.3 ระบบสารสนเทศการจัดการ (Management Information System:MIS) -เป็นการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการจัดการ โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจัดระบบข้องข้อมุลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจ
        -ผู้บริหารสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
      - 4กลุ่มทฤษฎีการจัดการปัจจุบัน
        
        เทคนิค
        
        1.การจัดการความรู้และองค์การแห่งการเรียนรู้(Knowledge Management and Learning Organization)
        
        การรื้อปรับระบบ (Reengineering)
        
        การจัดการเชิงกลยุทธ์
        
        การจัดการในรูปแบบ E-Business
        
        แนวคิดการจัดการแบบญี่ปุ่น:5ส ทฤษฎีZของ Ouchi
        
        2.การจัดการเซิงคุณภาพ (Quality Management)
    - - 7. หลักของการถือประโยชน์ส่วนบุดคลเป็นรองจากประโยชน์ส่วนรวม (subordination of individual to general interest)
        เป้าหมายของส่วนบุคคลหรือของส่วนย่อยต่าง ๆ ควรให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มเพื่อที่จะให้สำเร็จผลตามเป้าหมายของลุ่ม(องค์การ) นั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
      - 8. หลักการของการให้ผลประโยชน์ตอบแทน( remuneration)
        ต้องมีความยุติธรรมและให้เกิดความพอใจและประโยชน์มากที่สุดแก่ทั้ง 2 ฝ่าย คือลูกจ้างและนายจ้างให้สามารถดำรงอยู่ได้ในภาวการณ์ปัจจุบัน
      - 6. หลักเกี่ยวกับระเบียบวินัย (discipline)ระเบียบวินัยในการทำงานนั้นเกิดจากการปฏิปัติตามข้อตกลงในการทำงานโดยมุ่งที่จะก่อให้เกิดความเคารพเชื่อฟังและทำตามหน้าที่ด้วยความตั้งใจ
      - 11. หลักของความเสมอภาค(equity)ผู้บริหารต้องยึดถือเรื่องของการเอื้ออารีและความยุติธรรมเป็นหลัก เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความจงรักภักดีและอุทิศตนในการทำงานให้กับองค์การ
      - 5. หลักของการแบ่งงานกันท่า(Division of work or specialization) คือการแบ่งงานกันตามความถนัด เพื่อให้เกิดประโยชน์ในองค์การอย่างมีประสิทธิภาพ
      - 9. หลักของการรวมอำนาจไว้ส่วนกลาง (centralization)
        การจัดการควรจะมีการรวมอำนาจไว้ที่จุดศูนย์กลางเพื่อที่จะควบคุมส่วนต่าง ๆ ขององค์การไว้ได้เสมอ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์รวมสูงสุดเท่าที่จะทำได้
      - 4. หลักขอการธำรงไว้ซึ่งสายงาน (scalar chaim)
        คือสายการปัด้ปัญชาจากระดับสูงมายังระดับต่ำสุดในองค์การ ที่จะเอื้ออำนายการให้การบังคับัญชาเป็นไปตามหลักของการมีผู้บังคับปัญชาเพ็ยงคนเดียวและชวยให้เกิดระเบียบในการติดต่อสื่อสารในองค์การอีกด้วย
      - 10. หลักของความมีระเบียบเรียบร้อย (order)การจัดระเบียบ
        สำหรับการทำงานของคนงาน ในองค์การนั้น ผู้บริหารจำต้องกำหนดลักษณะและขอบเขตของงานให้ถูกต้องชัดเจน พร้อมทั้งระบุถึงความสัมพันธ์ต่องานอื่น ผังการจัดองค์การ (organization chart) เพื่อทำงานร่วมกันอย่างเป็นระเบียบ
      - 3. หลักของการมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน (unity of direction)ทั้งนี้เพราะกิจกรรมของกลุ่มที่มีเป้าหมายอันเดียวกันควรจะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและเป็นไปตามแผนงานเพียงอันเดียวร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายขององค์การ
      - 12. หลักของความมีเสถียรภาพของการว่าจ้างทำงาน(stability of tenure)การที่คนเข้าออกมากย่อมเป็นสาเหตุของการสิ้นเปลืองและทำให้การจัดการงานไม่เกิดคิดประสิทธิภาพ ดังนั้นทั้งผู้บริหารและคนงานจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อเรียนรู้งานจนทำได้ดีเสียก่อน
      - 2. หลักของการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว (unity of command)
        การกระทำใดคนงานควรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเท่านั้นเพื่อป้องกันมิให้เกิดความสับสนในคำสังที่เกิดขึ้นนั้นเอง
      - 13. หลักของความคิดริเริ่ม(initiative)การช่วยคิดริเริ่มของคนงานทุกคนภายในของเขตที่คนคนนั้นพึงคงมีจะเป็นพลังอัน
        สำคัญที่จะทำให้องค์การเข้มแข็งขึ้นตลอดจนแผนงานและเป้าหมายต่างๆก็จะถูกทำให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      - 1. หลักที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ(authority & Responsibility)Fayol เชื่อว่าอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่แยกจากกันมิได้และอำนาจหน้าที่ควรจะมีเท่ากับความรับผิดชอบ
      - 14. หลักของความสามัคคี(esprit de corps)คือ การเน้นถึงความจำเป็นที่ทุกคนในองค์การจะต้องทำงานเป็นกลุ่มที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อจะให้เกิดการบรรลุเป้าหมายขององค์การเป็นอย่างดีภายในทิศทางเดียวกัน