Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก, นางสาว นิชนันท์…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก
กระดูกหัก
ภาวะที่โครงสร้างหรือส่วนประกอบของกระดูกแยกออกจากกัน อาจเป็นการแตกแยกโดยสิ้นเชิง หรือมีเพียงบางส่วนติดกันหรือเป็นเพียงแตกร้าว
ข้อเคลื่อน
ภาวะที่มีการเคลื่อนของผิวข้อออกจากที่ควรอยู่หรือหลุดออกจากเบ้า ซึ่งการบาดเจ็บของข้อและกระดูกยังส่งผลให้เนื้อเยื่อที่อยู่โดยรอบกระดูก หลอดเลือด น้ำเหลือง เส้นประสาทและเส้นเอ็นได้รับอันตรายด้วย
กระดูกเด็กมีลักษณะแตกต่างจากผู้ใหญ่
1.แผ่นเติบโต (growth Plate) มีความอ่อนแอ เมื่อมีการแตกหักจะหักบริเวณนี้มากกว่า
เยื่อหุ้มกระดูก (periosteum) มีความแข็งแรงและสามารถสร้างกระดูกได้ดี กระดูกหักในเด็กจึงติดเร็ว
เยื่อบุโพรงกระดูก(endosteum) สามารถสร้างกระดูกได้มากและเร็ว เด็กอายุยิ่งน้อยกระดูกยิ่งติดเร็ว
ปัญหาด้านการวินิจฉัยกระดูกหักในเด็กการตรวจร่างกายอาจไม่แน่ชัด หรือเชื่อถือได้ยาก
การบวมของแขน ขาในเด็กจะเกิดขึ้นเร็วภายหลังมีกระดูกหักหรือข้อเคลื่อน แต่การบวมนี้ก็หายเร็ว
การเปลี่ยนแปลงของระบบไหลเวียน (ischemic changes) การไหลเวียนของเลือดบริเวณแขน ขา จากการใส่เฝือกหรือพันผ้าแน่นเกินไปต้องระมัดระวังและแก้ไขทันที เพราะอาจเกิด ภาวะ Volk man’s ischemic contracture
7.การเจริญเติบโตของเด็กเล็กเริ่มจากการทดแทนกระดูกอ่อนด้วยศูนย์กระดูกปฐมภูมิ (primary ossification center) ต่อมาจะมีการทดแทนกระดูกอ่อนที่ส่วนปลายกระดูกเป็นศูนย์กระดูกทุติยภูมิ (ossification center secondary) ท้าให้กระดูกงอกตามยาว
สาเหตุ
เกิดจากการได้รับอุบัติเหตุน้ามาก่อนมีแรงกระแทกบริเวณกระดูกโดยตรง
ถูกตี รถชน ตกจากที่สูง
เกิดจากการกระตุ้นทางอ้อม
หกล้ม เอามือยันพื้น กระดูกฝ่ามือไม่แตกกลับไปแตกบริเวณเหนือข้อมือ
เกิดจากกล้ามเนื้อที่เกาะกระดูกถูกฉุดกระฉากแรงเกินไป
เกิดจากมีพยาธิสภาพของโรคที่ทำให้กระดูกบางหักแตกหักง่าย
มะเร็งของกระดูก กระดูกอักเสบ
อาการและอาการแสดง
มีอาการปวดและกดเจ็บ บริเวณที่กระดูกมีพยาธิสภาพ
บวมเนื่องจากมีเลือดออกบริเวณที่กระดูกหักหรือกระดูกเกยกัน
รอยจ้ำเขียว เนื่องจากมีเลือดซึมจากชั้นในขึ้นมายังผิวหนัง
อวัยวะส่วนที่ได้รับบาดเจ็บมีลักษณะผิดรูป
การติดของกระดูกเด็ก
สิ่งที่สร้างขึ้นมา ประสานรอยร้าวหรือรอยแตกของกระดูกมีองค์ประกอบสำคัญ คือ คอลลาเจนไฟเบอร์ แคลเซี่ยมเซลล์สร้างกระดูก ( osteoclast ) รวมเรียกสิ่งที่สร้างขึ้นว่า (callus ) เปรียบเสมือนเป็นกาวธรรมชาติ(biological glue )
กระดูกหักที่พบบ่อย
1.กระดูกไหปลาร้าหัก ( fracture of clavicle )
อาการและอาการแสดง
Pseudoparalysis ขยับข้างที่เป็นได้น้อย ไหล่ตก
Crepitus คลำได้เสียงกรอบแกรบ
ปวด บวม ข้างที่เป็น
เอียงคอไปด้านที่เจ็บ ยื่นตัวไปข้างหน้า แขนที่ดีประคองข้างที่เจ็บ
การรักษา
ในทารกและเด็กเล็กจะตรึงแขนข้างที่หักให้อยู่นิ่งโดยมัดแขนให้ข้อศอกงอ 90 องศา ให้ติดกับลำตัวพันนาน 10-14 วัน ระมัดระวังเรื่องการอุ้มเด็ก
ในเด็กอายุมากกว่า 3 ปี อาจใช้ผ้าสามเหลี่ยมคล้องคอ ห้อยแขนให้ข้อศอกงอ 90 องศา และพันแขนให้ติดกับล้าตัวด้วยผ้ายืดหรือผ้าส้าลี คล้องแขนไว้นานประมาณ 2-3 สัปดาห์
เกิดขึ้นกับเด็กมากที่สุดโดยเฉพาะในเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปี
ส่วนในทารกอาจเกิดจากการคลอดติดไหล่
กระดูกต้นแขนหัก (fracture of humerus)
ในทารกแรกเกิด
มักเกิดในรายที่คลอดติดไหล่แล้วผู้ทำคลอดสอดนิ้วเข้าไปเกี่ยวออกมา
ในเด็กโต
อาจเกิดการล้มกระแทกพื้นโดยตรง จะพบหัวไหล่บวม ช้ำ เวลาจับไหล่หรือแขนให้มีการเคลื่อนไหวจะเจ็บปวด
อาจให้ห้อยแขนข้างที่หักไว้ด้วยผ้าคล้องแขนไว้นานประมาณ 2 - 3 สัปดาห์
ในรายที่กระดูกหักเคลื่อนออกจากกันมากๆควรตรึงแขนด้วย traction ตรึงไว้นาน ประมาณ 3 สัปดาห์ อาจทำ skin traction หรือ skeletal traction ก็ได้
3.กระดูกข้อศอกหัก ( Supracondylar fracture )
เกิดจากการหกล้มเอามือเท้าพื้นในท่าข้อศอกเหยียดตรง หรือข้อศอกงอ
โรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น “ Volkman’s ischemic contracture ” กระดูกหักบริเวณนี้อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของกระดูก Humerus
การเคลื่อนของหัวกระดูกเรเดียส (Transient subluxation of radial head , pulled elbow )
เป็นการเคลื่อนที่ของหัวกระดูกเรเดียส ออกมาจากข้อ radio-humeral ไม่หมด
เกิดจากการหยอกล้อ แล้วดึงแขนหรือหิ้วแขนเด็กขึ้นมาตรงๆในขณะที่ข้อศอกเหยียดและแขนท่อนปลายคว่ำมือ
พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
กระดูกปลายแขนหัก
เกิดจากการกระทำทางอ้อม เช่น หกล้มเอามือเท้าพื้น ตกจากที่สูง
พบได้บ่อยในเด็กตั้งแต่เริ่มหัดเดินไปจนถึงวัยรุ่น
กระดูกต้นขาหัก ( fracture of femur )
ตำแหน่งที่พบคือ ช่วงกลางของกระดูกต้นขา เด็กจะปวด บริเวณข้างที่หัก บวมตรงต้าแหน่งกระดูก
ถ้าอายุต่ำกว่า 3 ปี แก้ไขโดยให้ใส่เฝือกขาแบบยาวนาน 3-4 สัปดาห์
พบได้ทุกวัย โดยเฉพาะอายุ 2 - 3 ปี ส่วนมากจะเกิดกับเด็กชายมากกว่า
ภยันตรายต่อข่ายประสาท brachial plexus จากการคลอด (birth palsy)
ข่ายประสาท brachial plexus เป็นการรวมตัวของรากประสาทไขสันหลังส่วน
ventral rami ระดับC5-T1
มีผลให้เกิดอาการแขนอ่อนแรง
สาเหตุ
เกิดจากข่ายประสาทถูกดึงยึด ได้แก่ การคลอดท่าก้น ภาวะคลอดติดไหล่ เด็กมีน้ำหนักมากและการคลอดที่ใช้เวลานาน
วินิจฉัย
จากการสังเกตเห็นแขนที่ผิดปกติเคลื่อนไหวได้น้อยกว่าธรรมดา
การรักษา
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีการฟื้นตัวของเส้นประสาทโดยไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
การพยาบาลเด็กที่ได้รับบาดเจ็บของกระดูกและข้อ
การพยาบาลเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อรอบกระดูกที่หักได้รับบาดเจ็บเพิ่ม เนื่องจากการทิ่มแทงของกระดูก
1.ประเมินลักษณะการบาดเจ็บที่ได้รับ โดยการสังเกต คลำ ดูความสัมพันธ์ของอวัยวะการเคลื่อนไหวของข้อต่าง ๆ การยกขึ้น งอหรือเหยียด ตรวจสอบความตึงตัว อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
เคลื่อนย้ายเด็กด้วยความระมัดระวัง
จัดกระดูกให้อยู่นิ่งตามแผนการรักษา
การเข้าเฝือกปูน
การจัดเตรียมเด็กก่อนเข้าเฝือก
ประเมินอาการภายหลังเข้าเฝือกภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งประเมินได้จาก 5 PS หรือ 6P ได้แก่
Pulselessness ชีพจรเบา,เย็น
Pallor ปลายมือปลายเท้าซีด หรือเขียวคล้ำ
Paresthesia ชา ขาดความรู้สึก
Paralysis เส้นประสาทถูกกด เคลื่อนไหวไม่ได้
Pain มีอาการเจ็บมากกว่าเดิม
Puffiness or Swelling มีอาการบวมมากขึ้น
3.ยกแขนที่เข้าเฝือกให้สูง
การยกหรือเคลื่อนย้ายเด็ก ต้องระวังเฝือกหัก
ระมัดระวังไม่ให้เฝือกเปียกน้ำ
แนะนำเด็กและญาติในการดูแลเฝือก
การดึงกระดูก (Traction)
การดูแลให้การดึงกระดูกมีประสิทธิภาพตลอด
ดูแลแรงดึงสมดุลเพียงพอกับน้ำหนักผู้ป่วย 1/5 ปอนด์ต่อน้้าหนัก 1 กิโลกรัม
น้ำหนักที่ใช้ถ่วงแขวนลอยอิสระไม่แตะพื้นหรือข้างเตียงขณะดึงกระดูกควรจัดท่านอนของเด็กให้ถูกต้องตามชนิดของ Traction
ขณะดึงกระดูกควรจัดท่านอนของเด็กให้ถูกต้องตามชนิดของ Traction ควรใช้ผ้าตรึงตัวเด็กให้ถูกกับposition ของ traction นั้นๆ
สังเกตการไหลเวียนของเลือดส่วนปลาย
จะต้องไม่เอาน้ำหนักออก หรือถอด traction เองจนกว่าแพทย์สั่ง
รายที่ทำ Skeletal Traction ต้องสังเกตอาการติดเชื้อบริเวณที่เหล็กดึงกระดูก
ชนิดของ Traction ที่ใช้รักษากระดูกหักในเด็ก
Bryant’s tractionในเด็กที่กระดูกต้นขาหัก ( fracture shaft of femur ) ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 2 ขวบ หรือน้ำหนักไม่เกิน 13 กิโลกรัม
Over Head traction หรือ Skeletal traction the upper limbใช้ในการรักษากระดูกหักที่ต้นแขน เป็นการเข้า traction ในลักษณะข้อศอกงอ 90 องศา กับลำตัว ในรายที่ผู้ป่วยแขนหักแล้วมีอาการบวมมากยังไม่สามารถ reduce และใส่เฝือกได้
Dunlop’s tractionใช้กับเด็กในรายที่มีDisplaced Supracondylar Fracture ที่ไม่สามารถดึงให้เข้าที่ ( reduce ) ได้หรือในรายที่มีอาการบวมมาก บางกรณีใช้เพียงเพื่อดึงให้ยุบบวมแล้วจึง reduce ใหม่
Skin tractionใช้ในรายที่มีfacture shaft of femur ในเด็กโต อายุมากกว่า 3 ขวบขึ้นไปtraction แบบนี้อาจเกิดปัญหาการกด peroneal nerve ทำให้เกิด foot drop ได้
Russell’s tractionใช้ในเด็กโตที่มี Fracture shaft of femur หรือ fracture บริเวณ supracondyla region of femurการทำ traction ชนิดนี้อาจเกิดปัญหาการผ้า sling ที่คล้องใต้ขาไปกดเส้นเลือดและเส้นประสาทบริเวณใต้เข่าได้
การผ่าตัดทำ open reduction internal fixation (ORIF)
เพื่อจัดกระดูกให้เข้าที่และอยู่นิ่งโดยใช้โลหะยึดไว้อาจใช้ plate , screw, nail หรือ wire แพทย์จะพิจารณาทำในรายที่กระดูกหักมาก เกิดอันตรายต่ออวัยวะโดยรอบ
โรคคอเอียงแต่กำเนิด (Congenital muscular Torticollis)
อาการ
มักคลำพบก้อนที่กล้ามเนื้อข้างคอด้านที่เอียง และก้อนจะค่อย ๆ ยุบลงไป การปล่อยให้มีภาวะคอเอียงอยู่นานจะส่งผลให้กะโหลกศีรษะ ใบหน้าข้างที่กดทับกับพื้นที่นอนแบนกว่าอีกข้าง ศีรษะบิดเบี้ยวไม่สมดุล
วินิจฉัย
การตรวจร่างกาย ลักษณะของผู้ป่วย ซักประวัติ
ภาพรังสีกระดูกคอ
การรักษา
การยืดโดยวิธีดัด (passive stretch) จัดท่าให้นอนหงายจัดให้หูข้างตรงข้ามกับกล้ามเนื้อหดสั้นสัมผัสกับไหล่ข้างเดียวกัน หรือหันหน้าจัดให้คางสัมผัสกับไหล่ข้างที่กล้ามเนื้อหดสั้น
การยืดแบบให้เด็กหันศีรษะเอง (active streth) โดยหาวิธีการให้เด็กหันหน้ามาด้านที่คอเอียงที่มีกล้ามเนื้อหดสั้น เช่น การให้นม หาวัตถุล่อให้มองตามจากของเล่นต่าง ๆ จัดท่าขณะนอนหลับ
การใช้อุปกรณ์พยุง (orthosis) ปรับตำแหน่งศีรษะ
การผ่าตัด ถ้ายืดกล้ามเนื้อที่หดสั้นไม่ได้ผลภายหลังอายุ 1 ปี ควรรับการรักษา โดยการผ่าตัด bipolar release ตัดปลายเอ็นยึดเกาะของกล้ามเนื้อด้านคอทั้งสองปลาย
โรคกระดูกอ่อน (Ricket)
สาเหตุ
จากการขาดวิตามินดี
โรคไตที่ทำให้เกิดความผิดปกติ
ภาวะฟอสเฟตต่ำการจับเกาะเกลือแร่ที่กระดูกอ่อน ทำให้เกิดความผิดปกติของเนื้อกระดูก ทำให้กระดูกหักง่าย
ความผิดปกติของการเผาผลาญแคลเซียมจากโรคของลำไส้ ดูดซึมแคลเซียมกลับได้น้อย
อาการและอาการแสดง
ในเด็กเล็ก ความตึงตัวของกล้ามเนื้อจะน้อย กล้ามเนื้อหย่อน อ่อนแรง หลังแอ่น
ขวบปีแรกเด็กจะมีความผิดรูปได้แก่ กะโหลกศีรษะใหญ่กว่าปกติ รอยต่อที่กระหม่อมปิดช้า ส่วนหลังของกะโหลกศีรษะแบนราบลง หรือกะโหลกนิ่ม หน้าผากนูน ฟันขึ้นช้า ผมร่วง
หลังหนึ่งขวบแล้วจะพบความผิดรูปมากขึ้น พบขาโก่ง ขาฉิ่ง กระดูกสันหลังคด
หรือหลังค่อม ท่าเดินคล้ายเป็ด อาจเกิดกระดูกหักได้
การรักษา
แบบประคับประคอง ใช้หลักการรักษากระดูกหักทั่วไป
การรักษาสาเหตุ เช่น ให้วิตามินดี
การป้องกัน
ให้ร่างกายได้รับแสงแดดช่วงเช้าและเย็น
การรับประทานอาหารโดยเฉพาะโปรตีนและแคลเซียม
ให้วิตามินดี 200 หน่วยต่อวันต่อน้ำหนักตัวสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนด
ให้ออกกำลังกายกระตุ้นการสร้างของกระดูก
ระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม เช่น ยากันชัก ยาลดกรด ยาเตรทตราชัยคลินยาระบาย ยาขับปัสสาวะ
Bone and Joint infection
Definite (ติดเชื้อกระดูกอย่างแน่นอน) ตรวจพบเชื้อโรคจากกระดูกหรือเนื้อเยื่อติดกับกระดูกนั้นหรือผลตรวจ
Probable (น่าจะติดเชื้อที่กระดูก) การติดเชื้อในเลือด ร่วมกับลักษณะทางคลินิค และภาพรังสี
Likely (คล้ายติดเชื้อที่กระดูก) พบลักษณะทางคลินิคและภาพรังสีเข้าได้กับการติดเชื้อที่กระดูกตอบสนองดีต่อยาปฏิชีวนะโดยที่ไม่พบเชื้อจากการเพาะเลี้ยง
การวินิจฉัยการติดเชื้อที่ข้อ
พบเชื้อที่เป็นสาเหตุ ถ้าไม่พบ Morrey กล่าวว่า ต้องมี อาการ 5 ใน 6 ดังนี้
อุณหภูมิร่างกาย > 38.3 องศาเซลเซียส
มีอาการปวดข้อ
ปวดมากเมื่อขยับข้อ
ข้อบวม
มีอาการทาง systemic โดยไม่พบพยาธิสภาพอื่น ๆ ร่วม
ตอบสนองดีต่อการให้ยาปฏิชีวนะ
Osteomyelitis
อุบัติการณ์พบในเด็กอายุน้อยกว่า 13 ปี พบมีการติดเชื้อที่กระดูกท่อนยาวมากที่สุด เช่น femur , tibia ,humerus มักเป็นตำแหน่งเดียว
สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรีย,เชื้อรา เข้าสู่กระดูกจากการทิ่มแทงจากภายนอก หรือจากอวัยวะใกล้เคียง การแพร่กระจายจากกระแสเลือด
การวินิจฉัย
1.ประวัติ มีอาการปวด เด็กเล็กแสดงออกโดยไม่ใช้แขน ขา ส่วนนั้นทารกนอนนิ่งไม่ขยับแขนขาข้างที่เป็น(pseudoparalysis) เด็กโตบอกตำแหน่งที่ปวดได้ อาการไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาจมีการบาดเจ็บเฉพาะที่ร่วมด้วย
การตรวจร่างกาย มีปวด บวม แดง ร้อน เฉพาะที่ บริเวณที่มีพยาธิสภาพอาจมีความผิดปกติ ปวดปวดมากขึ้นถ้ากดบริเวณนั้น
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผล CBC พบ Leucocytosis , ESR , CRP มีค่าสูง ผล Gram stain และculture ขึ้นเชื้อที่เป็นสาเหตุ
การตรวจทางรังสี Plain flim พบเนื้อเยื่อส่วนลึกบวม โดยเฉพาะบริเวณ metaphysis Bone scan ได้ผลบวก บอกตำแหน่งได้เฉพาะ MRI พบ soft tissue abcess , bone marrow edema ค่าใช้จ่ายสูง ในเด็กเล็ก ๆ ต้องทำตอนเด็กหลับ
การรักษา
ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์
การผ่าตัด เอาหนอง ชิ้นเนื้อ กระดูกตายออก
การแทรกซ้อน
กระดูกและเนื้อเยื่อตาย
ทำลาย physeal plate ยับยั้งการเจริญของกระดูกตามยาวทำให้ มีการโก่งผิดรูปของกระดูก อาจต้องผ่าตัดเพื่อยืดกระดูกให้ยาวขึ้น
ข้ออักเสบติดเชื้อ (septic arthritis)
สาเหตุ
เชื้อเข้าสู่ข้อ เช่น จากการทิ่มแทงเข้าในข้อ หรือแพร่กระจายจากบริเวณใกล้เคียง จากกระแสเลือด เชื้อที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ เช่น แบคทีเรีย
การวินิจฉัย
1.ลักษณะทางคลินิค มีไข้ มีการอักเสบ ปวดบวมแดง ภายใน 2-3 วันแรกของการติดเชื้อข้อ
ผล Lab เจาะดูดน้้าในข้อ (joint aspiration) มาย้อม gram stain ผล CBC พบ ESR , CRP สูงขึ้นเล็กน้อย
3.การตรวจทางรังสี
Plain flim อาจพบช่องระหว่างข้อกว้าง
Ultrasound บอกถึงภาวะมีน้ำในข้อมาก หรือเคลื่อนหลุด
Bone scan / MRI ช่วยบอกถึงการติดเชื้อกระดูก
การรักษา
การให้ยาปฏิชีวนะ
2.การผ่าตัด ได้แก่ Arthrotomy and drainage มีข้อบ่งชี้ เพื่อระบายหนอง หยุดยั้งการทำลายข้อ และเพื่อได้หนองและชิ้นเนื้อในการส่งตรวจ
ภาวะแทรกซ้อน
Growth plate ถูกทำลายทำให้การเจริญเติบโตตามความยาวกระดูกและการท้าหน้าที่เสียไป
ข้อเคลื่อน (Dislocation)
ข้อถูกทำลาย (joint destruction)
หัวกระดูกข้อสะโพกตายจากการขาดเลือด (avascular necrosis)
Tuberculous Osteomyelitis and Tuberculous Arthitis
สาเหตุ
เชื้อ Mycobacterium tuberculosis
ตำแหน่งที่พบบ่อย ข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อเท้า
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีไข้ต่ำๆ ตอนบ่ายหรือเย็น ต่อมน้ำเหลืองโต ประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นวัณโรค มีปวดข้ออาการขึ้นกับตำแหน่งที่เป็น เช่น ที่ขาจะปวดขา เดินกะเผลก ข้อยึด กระดูกสันหลัง จะปวดหลัง หลังแข็งเดินหลังแอ่น กระดูกสันหลังยุบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต ชาแขนขา
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC อาจพบ WBC ปกติหรือสูงไม่มาก ค่า CRP , ESR สูง ทดสอบ tuberculin test ผล +
การตรวจทางรังสี
plaint film , MRI
การรักษา
ให้ยาต้านวัณโรค
2.การผ่าตัด การตรวจชิ้นเนื้อ การผ่าตัดระบายหนอง ผ่าตัดเพื่อแก้การกดทับเส้นประสาท
อาการแทรกซ้อนทางกระดูกและข้อ
กระดูกสันหลังค่อมหรืออาการกดประสาทไขสันหลัง จนอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต (Pott’s paraplegia) ปวดข้อ ผิวข้อขรุขระ ข้อเสื่อม ข้อยึดติด พิการ
Club Foot (เท้าปุก)
รูปร่างของเท้าที่มีลักษณะข้อเท้าจิกลง (equinus) ส้นเท้าบิดเข้าใน (varus) ส่วนกลางเท้าและเท้าด้านหน้าบิดงุ้มเข้าใน (adduction and cavus)
สาเหตุ
ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด อาจเกิดจาก gene และปัจจัยส่งเสริม เช่น แม่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ มีอุบัติการณ์ถึง2.4 เท่า , การติดเชื้อในครรภ์
พยาธิสภาพ
รูปร่างกระดูก : รูปร่าง และขนาดจะบิดผิดรูปไปจากเท้าปกติ โดยเฉพาะกระดูก talus , calcaneus ,navicular และ cuboid bone
Joint capsule และ Ligament : จะหดสั้นแข็ง
Tendon และ Muscle : เอ็นและกล้ามเนื้อขาข้างที่มีเท้าปุกจะเล็กกว่าปกติ
Nerve และ Vessel : มีขนาดเล็กกว่าปกติ
การรักษา
การดัดและใส่เฝือก อาศัยหลักการดัดให้รูปร่างเท้าปกติ ได้ผลดีกรณีที่แข็งไม่มากมารักษาอายุน้อย ดัดใส่เฝือกเพื่อรักษารูปเท้า เปลี่ยนเฝือกทุก 1 – 2 สัปดาห์
การผ่าตัด รายที่เนื้อเยื่อมีความแข็งกระดูกแข็งผิดรูป ไม่สามารถดัดโดยใช้แรงจากภายนอกทำให้รูปเท้าดีขึ้น
การผ่าตัดเนื้อเยื่อ (subtalar soft tissue release) ทำในอายุ < 3 ปี
การผ่าตัดกระดูก (osteotomy) ทำในอายุ 3 – 10 ปี ตัดตกแต่งกระดูกให้รูปร่างใกล้เคียงปกติ
การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูก (triple fusion) ช่วงอายุ 10 ปี ขึ้นไป ท้าให้Subtalar joint และ midtarsal
joint เชื่อมแข็ง ไม่โต รูปร่างเท้าใกล้เคียงปกติ
ฝ่าเท้าแบน Flat feet
อาการ
อาการขึ้นกับความรุนแรงของความแบนราบ
อาการขึ้นกับความรุนแรงของความแบนราบ
รองเท้าผู้ป่วยจะสึกเร็ว
ปวดฝ่าเท้า
ในรายที่แบนรุนแรงผู้ป่วยจะมีอาการปวดน่อง เข่า และปวดสะโพก
สาเหตุ
เป็นพันธุกรรมในครอบครัว
เกิดจากการเดินที่ผิดปกติ เช่น การเดินแบบเป็ดคือมีการบิดของเท้าเข้าข้างใน
เกิดจากเอ็นของข้อเท้ามีการฉีกขาด
โรคเกี่ยวกับสมองหรือไขสันหลัง
การรักษา
พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
ใส่รองเท้าที่กว้างและมีขนาดพอดี
อย่ารักษาตาปลาด้วยตัวเอง
ใส่แผ่นรองเท้าเสริม
อาจจะใช้ultrasound หรือ laser เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด
Cerebral Palsy
ความพิการทางสมอง ซึ่งเด็กจะมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดปกติ การขยับแขนขา ลำตัว ใบหน้า ลิ้น รวมถึง
การทรงตัวที่ผิดปกติ
จำแนกโดยลักษณะการเคลื่อนไหวได้ 4 ประเภท คือ
1.Spastic CP จะมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งแน่น มีลักษณะแข็งทื่อ
2.Ataxic CP ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ หากเด็กมีความเก็บกดทางอารมณ์ หรือเมื่อเวลาตื่นเต้น กล้ามเนื้อจะยิ่งผิดปกติมากขึ้น
Athetoid CP มีอาการกล้ามเนื้อไม่ประสานกัน ทำให้เด็กควบคุมสมดุลไม่ได้
Mixed CP เป็นการผสมผสานลักษณะทั้งสาม
การรักษา
1.ป้องกันความผิดรูปของข้อ ต่างๆ โดยใช้ วิธีทาง
กายภาพบำบัด(Physical Therapy)
อรรถบำบัด (Speech and Language Therapy)
2.ลดความเกร็ง โดยใช้ยา
ยากิน กลุ่ม diazepam
ยาฉีด เฉพาะที่ ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือกลุ่ม Botox
3.การผ่าตัด
การผ่าตัดลดความตึงของกล้ามเนื้อโดยผ่าคลายเฉพาะกล้ามเนื้อที่ยึดตึง
การย้ายเอ็น เพื่อสร้างความสมดุลของข้อ
การผ่าตัดกระดูก ในรายที่กระดูกถูกดึงจนผิดรูปแล้ว
การให้การดูแลรวมถึงให้กำลังใจ
5.การรักษาด้านอื่นๆ เช่น การผ่าตัดแก้ไขตาเหล่ น้ำลายยืด การใช้เครื่องช่วยฟังใช้ยาควบคุมการชักรวมถึงปัญหาด้านจิตเวช
มีค่า IQ มากกว่า 70 บางรายมีการรับรู้
ความรู้สึกที่ผิดปกติด้วย
ภาวะกระดูกสันหลังคด (Scoliosis)
1.ชนิดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเนื้อกระดูกสันหลัง (Non Structurial Scoliosis)
2.ชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูกสันหลัง (structural Scoliosis)
อาการและอาการแสดง
1.ความพิการของกระดูกสันหลังพบกระดูกหลังโค้งไปด้านข้างอาจเกิดโค้งทดแทนและท่าที่กระดูกสะบักพบกระดูกสะบักสองข้างไม่เท่ากัน
2.เมื่อก้มตัวไปด้านหน้าจะมองเห็นตะโหงก (Hump) จากการหมุนของกระดูกซี่โครง
3.ทรวงอกเคลื่อนไหวจำกัด มักหายใจตื้น หายใจลึกทำได้ยาก
4.พบการเลื่อนของกระดูกสันอกจากแนวกลางตัว ความจุในทรวงอกข้างไม่สมมาตรกัน
5.กล้ามเนื้อและเอ็นด้านเว้าจะหดสั้นและหนา ส่วนด้านโค้งออกจะฝ่อลีบและบาง
6.ข้อศอกและขอบกระดูกเชิงกราน (Iliac Creast) ไม่อยู่ระดับเดียวกัน
7.ผู้ป่วยเอียงตัวไปด้านข้าง ระยะห่างของแขนและเอวไม่เท่ากัน
8.สังเกตว่าใส่เสื้อผ้าไม่พอดี สายเสื้อในข้างหนึ่งหลุดบ่อยและความสูงขอบกระโปรงไม่เท่ากัน
9.เกิดอาการปวดเมื่อหลังคดมาก แต่ในเด็กพบอาการปวดไม่บ่อย
10.เริ่มมีอาการ เมื่ออายุยิ่งน้อยจะยิ่งมีความพิการมาก
การรักษา
1.การรักษาแบบไม่ผ่าตัดคือ การใส่อุปกรณ์ดัดลำตัว (Brace)
2.การรักษาแบบผ่าตัด การจัดกระดูกสันหลังโดยการใช้โลหะดามกระดูกสันหลัง เชื่อมข้อกระดูกสันหลังให้ตรง โดยการโรยกระดูกให้เชื่อมกัน
มะเร็งกระดูก (Osteosarcoma)
พบในเด็ก >ในผู้ใหญ่ พบในเพศชาย > เพศหญิง พบ
อาการและอาการแสดง
ปวดบริเวณที่มีก้อนเนื้องอก
น้ำหนักลด
มีไข้
การเคลื่อนไหวของตำแหน่งที่เป็นผิดปกติ รับน้ำหนักไม่ได้ มักมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุ
อาจมีกระดูกหักบริเวณนั้น ๆ
วินิจฉัย
การซักประวัติ : ระยะเวลาการมีก้อนเนื้องอก อาการปวด การเคลื่อนไหว
การตรวจร่างกาย : น้ำหนัก ตำแหน่งของก้อน การเคลื่อนไหว ต่อมน้ำเหลือง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ : MRI , CT เพื่อดูการแพร่กระจายของโรค หาระดับอัลคาไลน์ฟอสฟาเตส(ALP) และระดับ แลคเตส ดีไฮโดรจิเนส (LDH) มีค่าสูงขึ้น
การรักษา
จุดมุ่งหมายหลักของการรักษา คือ “ การตัดก้อนมะเร็งออกให้หมด ป้องกัน การแพร่กระจายของโรค ”
การผ่าตัด
เคมีบำบัด
รังสีรักษา
Omphalocele
เป็นความผิดรูปแต่กำเนิดของผนังหน้าท้อง โดยที่มีการสร้างผนังหน้าท้องไม่สมบูรณ์ ทำให้บางส่วนขาดหายไป มีแต่เพียงชั้นบางๆ
ลักษณะทางคลินิก
อวัยวะที่อยู่ในถุงอาจประกอบ
ไปด้วยลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ม้าม และตับ
การรักษา
การรักษาแบบ conservative
ทำโดยใช้สารละลายฆ่าเชื้อ (antiseptic solution)
เหมาะสำหรับในรายที่ omphalocele มีขนาดใหญ่
การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด
เป็นการเย็บผนังหน้าท้องปิดเลย (primary fascial closure)
มักจะทำเมื่อ omphalocele มีขนาดเล็ก และมีอวัยวะอยู่ภายในไม่มาก
2.เป็นการปิดผนังหน้าท้องโดยทำเป็นขั้นตอน (staged repair)
Gastroschisis
การพยาบาล
การแก้ไขปัญหาฉุกเฉิน
– Incubator หรือ ผ้าอุ่น กระเป๋าน้ำร้อน
– การประเมินการหายใจ เตรียม endotrachial tube, suction
– ใส่ orogastric tube ปลายเปิดลงถุง
– Rectal irrigation ด้วย NSS อุ่น
– เริ่มให้antibiotic ได้ทันที
– ตรวจระดับ น้ำตาล เกลือแร่ในกระแสเลือดเจาะเลือดแม่เพื่อเตรียมทำการจองเลือด เผื่อว่าต้องทำการให้เลือด
การดูแลโดยทั่วไป
– การอาบน้ำ ไม่ต้องทำเนื่องจากจะท้าให้เด็กตัวเย็นมากขึ้น
– ให้ vitamine K 1 mg intramuscular
– การรักษาความอบอุ่น
– ประเมินภาวะทั่วไป ความสามารถในการหายใจ
– decompression stomach
– การค้นหาความพิการร่วม
การดูแลเฉพาะ
– การทำแผล สะอาด หมาดๆ ไม่รัด
เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดเกิดเป็นช่องแคบยาวที่ผนังท้องภายหลังจากผนังช่องท้องพัฒนาสมบูรณ์แล้วเกิดการแตกทะลุของ hermia of umbilical cord
การวินิจฉัย
เมื่อคลอดพบว่าที่หน้าท้องทารกจะพบถุงสีขาวขุ่นบาง สามารถมองเห็นขดล้าไส้หรือตับผ่านผนังถุงอาจมีส่วนของถุงบรรจุ wharton’s jelly สายสะดือติดอยู่กับตัวถุง ขนาดที่พบตั้งแต่ 4 – 10 cm
นางสาว นิชนันท์ เดชะบุญ ชั้นปี2B เลขที่ 38 รหัสนักศึกษา 613601146