Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิดและหลักการพยาบาลเด็กปกติและเจ็บป่วย - Coggle Diagram
แนวคิดและหลักการพยาบาลเด็กปกติและเจ็บป่วย
เด็ก
หมายถึง
บุคคลอายุเกิน 7 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่เกิน 14 ปีบริบูรณ์
ความหมายด้านสุขภาพ
บุคคลตั้งแต่แรกเกิด ถึง 15 ปี
ช่วงวัยของเด็ก
Preschool
เด็กวัยก่อนเรียน 3-5 ปี
School age
เด็กวัยเรียน 6-12 ปี
Toddler
เด็กวัยเดิน อายุ 1-3 ปี
Aldolescent
วัยรุ่น 13-15 ปี
Infant
ทารกอายุมากว่า 28 วันถึง 1 ปี
Newborn
ทารกแรกเกิด 28 วันหลังคลอด
ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของเด็ก
ขั้นปฏิบัติการด้วยรูปธรรม(อายุ 7-11 ปี)
ประเภทที่ 3
การปนเปื้อน สามารถบอกถึงสาเหตุของความเจ็บป่วย
ประเภทที่ 4
ภายในร่างกาย
ก่อนขั้นปฏิกิริยา (อายุ 18 เดือน – 7 ปี)
ประเภทที่ 1
ตอบตามปรากฏการณ์
ประเภทที่ 2
สาเหตุสัมพันธ์กับวัตถุ หรือบุคคลที่อยู่ใกล้
ประเภท 0
ตอบแบบไม่เข้าใจ
ปฏิบัติการด้วยนามธรรม(อายุ 11-12 ปี จนถึงวัยผู้ใหญ่)
ประเภทที่ 5
ความเจ็บป่วยเกิดจากอวัยวะภายในร่างกายทํางานไม่ดี หรือไม่ทํางาน
ประเภทที่ 6
เข้าใจถึงสาเหตุของความเจ็บป่วยที่พัฒนาถึงขึ้นสูงสุด
ความเข้าใจเรื่องการตาย
วัยแรกเกิดและวัยทารก
ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับความตาย
วัยก่อนเรียน
เข้าใจว่าความตายเกิดขึ้นชั่วคราว สามารถกลับฟื้นคืนได้
วัยเรียน
เริ่มเข้าใจว่าเป็นสภาวะที่ร่างกายหยุดทํางานอย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถกลับฟื้นคืนได้อีก
วัยรุ่น
เป็นภาวะสิ้นสุดของการทํางานของร่างกาย ไม่สามารถกลับฟื้นคืนได้อีก เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ปฏิกิริยาของเด็กป่วยที่เข้ารับการรักษา
ความวิตกกังวลเนื่องจากการแยกจาก
พบมากในอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี
มี 3 ระยะ
ระยะสิ้นหวัง (despair)
แยกตัวอยู่เงียบ ๆ ร้องไห้น้อยลง
ท่าทางอ่อนเพลีย อิดโรยอย่างน่าสงสาร
เมื่อมารดามาเยี่ยม เด็กจะร้องไห้อย่างรุนแรง
ระยะปฏิเสธ (denial)
เด็กแสดงท่าทางราวกับว่าไม่เดือดร้อนไม่ว่ามารดาจะมาหรือไป
จะหันไปสร้างสัมพันธภาพอย่างผิวเผินกับเจ้าหน้าที่พยาบาล
ระยะนี้เด็กจะหันกลับมาสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ระยะประท้วง (protest)
เด็กจะร้องไห้อย่างรุนแรงมาก
หยุดร้องเฉพาะเวลานอน
เด็กพยายามที่จะให้มารดาอยู่ด้วย
พฤติกรรมถดถอย
พบในเด็กวันเดินและก่อนวัยเรียน
เด็กจะหยุดการเรียนรู้สิ่งใหม่ หันกลับมาใช้พฤติกรรมเดิม
การสูญเสียการควบคุมตัวเอง
เด็กวัยก่อนเรียน
การจํากัดการเคลื่อนไหว
เด็กวัยเรียน
สามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยอิสระ
ประสบผลสําเร็จในการควบคุมหน้าที่ของร่างกาย
ความกลัวคือภาวะที่คุกคามการสูญเสียการควบคุม
วัยรุ่น
มีความเป็นอิสระ
ความเจ็บป่วยที่จํากัดความสามารถทางร่างกาย ทําให้เกิดการสูญเสียการควบคุม
ระยะของการเจ็บป่วย
Acute
ในทันทีทันใดเฉียบพลัน
รุนแรงมาก
Chronic
เป็นระยะที่รักษาไม่หายขาด
ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ่อย
Crisis
เป็นระยะที่มีโอกาสเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
การดูแลเน้นการรักษา ดูแลประคับประคองทั้งร่างกายจิตใจ
Death / Dying
ระยะที่ได้รับการวินิจฉัยการเจ็บป่วยถึงขึ้นสูญเสียชีวิต
เด็กป่วยกับการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ความสามารถของเด็กต่อการปรับตัวในการเผชิญความเครียด
ความรุนแรงของความเจ็บป่วย
ประสบการณ์เดิมของเด็กที่เคยเผชิญในการเจ็บป่วยครั้งก่อน
ระบบการดูแลและการช่วยเหลือเด็ก
พัฒนาการตามวัยของเด็ก
ปฏิกิริยาของบิดามารดาต่อการเจ็บป่วยของเด็ก
ความรู้สึกกลัว และวิตกกังวล มักจะมีความสัมพันธ์กับอาการรุนแรงของโรคที่เด็ก
ความรู้สึกหงุดหงิด คับข้องใจ และการขาดอำนาจต่อรอง
ความรู้สึกโกรธและโทษตัวเอง เมื่อรู้แน่ชัดว่าเด็กป่วยจริง
ความรู้สึกเศร้า
การปฏิเสธ และไม่เชื่อ ในระยะแรก
บทบาทของพยาบาลเด็กในการใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
เสริมสร้างพลังอํานาจแก่ครอบครัวในการควบคุมชีวิต
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทักษะ และทรัพยากรกับครอบครัว
เสริมสร้างความสามารถของครอบครัว
พยาบาลสร้างกลไกความสัมพันธ์กับบิดามารดาเป็นแบบหุ้นส่วน
หลักการดูแลเด็กโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างบิดามารดากับทีมสุขภาพ
เคารพและตระหนักว่าครอบครัวคือส่วนคงที่ในชีวิตเด็ก
มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นและสมบูรณ์แก่บิดามารดา
เข้าใจและผสานความต้องการตามระยะพัฒนาการ
ลงมือปฎิบัติสนับสนุนและช่วยเหลือครอบครัวที่มีปัญหา
ยอมรับว่าครอบครัวมีจุดแข็งและลักษณะเฉพาะ
เคารพในความหลากหลายของเชื้อชาติวัฒนธรรม
กระตุ้นและสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายผู้ปกครอง
จัดบริการให้มีความยืดหยุ่น เข้าถึงได้
หลักการประเมินความปวด
ประเมินก่อนให้การพยาบาล
หลีกเลี่ยงค าถามน าอันเป็นเหตุให้บดบังข้อเท็จจริง
เลือกวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีการรับรู้บกพร่อง หรือไม่สามารถสื่อสารได้ ควรดูแลเป็นพิเศษ
ควรประเมินอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
มีการบันทึกเป็นหลักฐาน
บทบาทของพยาบาลกับการประเมินความปวด
ให้ความสนใจโดยเป็นผู้ฟังที่ดี
สร้างสัมพันธภาพที่ดี ใช้คำพูดสุภาพ เข้าใจง่าย
ระหว่างการประเมินควรบันทึกพฤติกรรม
ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถตอบข้อซักถามได้ อาจใช้วิธีสัมภาษณ์จากคนดูแลใกล้ชิด