Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล, นางสาวพรภัสส์ษา ภัทรวิกรัยกุล…
การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
เด็ก หมายถึง บุคคลตั้งแต่แรกเกิด ถึง 15 ปี
ระยะพัฒนาการของเด็กมีดังนี้
1.NEABORN ทารกแรกเกิด-28วันหลังคลอด
2.INFANT ทารกอายุมากกว่า28 วัน-1 ปี
3.TODDLER เด็กวันเดิน 1-3 ปี
4.PRESCHOOL AGE เด็กวัยก่อนเรียน 3-5 ปี
5.SCHOOL AGE เด็กวัยเรียน 6-12 ปี
6.ALDOLESCENT วัยรุ่น 13-15 ปี
สิทธิเด็ก พ.ศ.2535 มี 4 ด้าน ดังนี้
1.สิทธิในการมีชีวิต ได้รับการมีชีวิตอยู่รอดอย่างปลอดภัย
2.สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง จากการถูกทารุณกรรมทุกรูปแบบ
3.สิทธิในด้านพัฒนาการ มีสภาพความเป็นอยู่ที่เหมาะสม ต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี
4.สิทธิในการมีส่วนร่วม แสดงออกทางด้านความคิดและการกระทำของเด็ก
ระยะการเจ็บป่วย มีดังนี้
ระยะเฉียบพลัน (Acute) ทันทีทันใด/รุนแรงมาก เช่น หัวใจวายเฉียบพลัน
ระยะเรื้อรัง (Chronic) รักษาไม่หายขาด ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ่อยๆ
ระยะวิกฤต (Crisis) มีโอกาสเสียชีวิตได้รวดเร็ว เน้นการดูแลรักษาแบบประคับประคองทั้งกายและจิตใจ
ระยะสุดท้าย/ใกล้ตาย (Death/Dying) การเจ็บป่วยถึงขั้นเสียชีวิต ดูแลอย่างใกล้ชิด อยู่ได้ประมาณ6 เดือนหรือน้อยกว่านั้น
ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความเจ็บป่วย
ประเภท 0 ตอบแบบไม่เข้าใจ
อายุ 18 เดือน-7 ปี มี 2ประเภท
ประเภท 1 ตอบตามปรากฏการณ์
ประเภท 2 สาเหตุสัมพัะืกับวัตถุ หรือ บุคคลที่ใกล้ชิด
อายุ 7-11 ปี
ประเภท 3 การปนเปื้อน
ประเภท 4 ภายในร่างกาย
อายุ 11-12/ผู้ใหญ่
ประเภท 5 เกิดจากอวัยวะภายในร่างกายไม่ทำงาน/ทำงานได้ไม่ดี
ประเภท 6 เข้าใจสาเหตุการเจ็บป่วยที่พัฒนา
ความเข้าใจเกี่ยวกับความตาย
วัยทารก
อายุน้อยกว่า 6 เดือน ไม่เข้าใจความหมาย
อายุมากกว่า 6 เดือน ผูกพันกับคนเลี้ยง รู้สึกแยกจาก
เชี่ยมโยงกับคนรอบข้างด้วยการสัมผัส กลิ่น เสียง
วันก่อนเรียน/วัยเดิน
ความตายสามารถกลับคืนมาได้ เหมือนการไปเที่ยวชั่วคราว
ความตายเหมือนการนอนหลับ
วัยเรียน
ความตายจะกลับคืนมาไม่ได้
กลัวการสูญเสียคนรัก
วัยรุ่น
มองเรื่องความตายเป็นเรื่องไกลตัว
ยอมรับความตายได้ยาก
พ่อแม่ ผู้ดูแลต้องให้ความรัก การเอาใจใส่ จะทำให้เด็กวัยรุ่นยอมรับการดูแล
เด็กป่วยกับการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
1.พัฒนาการตามวัยเด็ก
2.ประสบการณ์เดิมที่เคยเผชิญในการเจ็บป่วยครั้งก่อน
3.ความสามารถของเด็กต่อการปรับตัวในการเผชิญความเครียด
4.ความรุนแรงของการเจ็บป่วย
5.ระบบการดูแล/กสรช่วยเหลือ
ผลกระทบจากการเจ็บป่วย
วัยทารก
รู้สึกไม่สบายตัว ส่งผลให้เด็กกินน้อลง ถุกจำกัดกิจกรรม
ขาดการกระตุ้นประสาทสัมผัสจากมารดา
วัยเดิน
ต้องพรากจากบิดามารดา ทำให้คิดว่าถูกทอดทิ้ง
วัยก่อนเรียน
มีความยากลำบากในการเรียนรุ้
เด้กคิดว่าการเจ็บป่วยคือการลงโทษเด็กทำไม่ดี
วัยเรียน
หย่อนความสามารถในการเรียน
รุ้สึกสูญเสียการนับถือตนเอง/มีปมด้อย
วัยรุ่น
ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตนเอง ภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ
ปฏิกิริยาเด็กต่อการเจ้บป่วย
ความวิตกกังวลจาการแยกจาก
ความเจ้บป่วยทางกาย
ความสามารถในการควบคุม
การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์
ความตาย
การพยาบาลระยะเฉียบพลัน/วิกฤติ
Separation anxiety
Pain management
Critical care concept
Stress and coping
การพยาบาลเด็กเรื้อรังระยะสุดท้าย
Body image
Death and Dauing
Separation anxiety
ระยะประท้วง
เด็กร้องไห้รุนแรง
พยายามให้มารดาอยู่ด้วย
ไม่ให้การร่วมมือในการรักษา
ระยะสิ้นหวัง
อาการเศร้า เสียใจ
แยกตัวอยุ่คนเดียว
ร้องไ้น้อยลง
ยอมให้การรักษาที่เจ็บปวด
ระยะปฏิเสธ
สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ไม่กล้าไว้ใจครอบครัว
เก็บกดความรู้สึกที่มีต่อมารดา
ปฏิกิริยาของบิดามารดา
การปฏิเสธในระยะแรก
โกรธและโทษตัวเอง
กลัว วิตกกังวล
หงุดหงิด ข้องใจ
รุ้สึกเศร้า ขาดอำนาจต่อรอง
หลักการดูแลเด็กโดยใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
1.การเคารพ/ตระหนักครอบครัวคือส่วนคงที่ในชีวิตเด็ก
ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจของคนในครอบครัว
สนัยสนุนการทำหน้าที่ของครอบครัว
ร่วมกับครอบครัวในการค้นหาทางเลือกต่างๆ
2.สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างบิดามารดาและทีมสุขภาพ
การสื่อสารที่ต่อเนื่อง
การให้เกียรติ ความไว้วางใจ
การวางแผน/ตัดสินใจร่วมกัน
3.มีกาารแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น
อธิบายคำศัพท์ทางการแพทย์
ให้ข้อมูลด้วยลายลักษณ์อีกษร
อธิบายเป้าหมายการพยาบาล
4.เข้าใจควาามต้องการตามระยะพัฒนาการ
5.สนับสนุน/ช่วยเหลือครอบครัวที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ เศรษฐกิจ
6.ยอมรับจุดแข็งเคารพวิธีการเผชิญปัญหาของแต่ละครอบครัว
ประเมินจุดแข็ง
เปิดใจรับฟังความคิดเห็ฯ
เสริมสร้างพลังอำนาจ
7.เคารพยอมรับในความหลายหลายของเชื้อชาติ ค่านิยม
8.กระตุ้น/สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายผู้ปกครอง
ให้คุณค่า ความสัมคัญของครอบครัว
สนับสนุนให้การช่วยเหลือ
ส่งต่อครอบครัวให้เคือข่ายผู้ปกครอง
9.จัดบริการให้ยืดหยุ่น เข้าถึงได้
หาวิธี/ทางเลือกการรักษาให้บิดามาราดา
สนับสนุน/กระตุ้นใหเเกิดการดูแล
เครื่องมือในการประเมิน Pain ในเด็ก
ความรุนแรงของความปวด
ตำแหน่งที่ปวด
ระยะความเจ็บปวด
ลักษณะการเจ็บปวด
ผลกระทบต่อความปวด
ปัจจัยที่ทำให้ปวดมากขึ้น
เครื่องมือที่ใช้ประเมิน มีดังนี้
cries pain scale
neonatal infants pain scale
cheops
flacc
faces scale
numeric rating scales
CHEOPS
1.ใช้กับเด็ก 1-6 ปี/ไม่รุ้สึกตัว
2.คะแนนอยู่ระหว่าง 4-13
3.พยาบาลเป็นผู้ประเมิน
การแปลผล
4=ไม่ปวด
5-7= ปวดน้อย
8-10 = ปวดปานกลาง
11-13 = ปวดมาก
FLACC
1.ใช้กับเด็ก 1 เดือน-6 ปี/ไม่รู้สึกตัว
2.คะแนน 0-10
3.พยาบาลเป็นผู้ประเมิน
4.การแปลผล
0= ไม่ปวด
1-3 = ปวดน้อย
4-6 = ปวดปานกลาง
7-10 = ปวดมาก
Numeric rating scales
1.ใช้กับเด็กวัยเรียนขึ้นไป
2.คะแนนอยุ่ที่ 0-10
3.การแปลผล
0 = ไม่ปวด
1-3 = ปวดน้อย
4-6 = ปวดปานกลาง
7-10 = ปวดมาก
บทบาทของพยาบาลกับการประเมินความปวด
1.สร้างสัมพันธภาพที่ดี ใช้คำพูโสุภาพ เข้าใจง่าย
2.เป็นผู้ฟังที่ดี เชื่อในคำบอกเล่าของผู้ป่วย
3.บันทึกพฤติกรรม แนวคิด เพื่อเป็นข้อมูล
4.ใช้วิธีสัมภาษณ์จากผู้ดูแลในกรณีผู้ป่วยไม่สามารถตอบคำถามได้
หลักการประเมินความปวด
1.ประเมินก่อนให้การพยาบาล
2.ประเมินอย่างสม่ำเสมอ
3.เลือกวิธีที่เหมาะสมในการประเมิน
4.มีการบันทึกเป็นหลักฐาน
5.เลี่ยงคำถามที่จะกระตุ้นอารมณ์เศร้าเสียใจ
นางสาวพรภัสส์ษา ภัทรวิกรัยกุล เลขที่ 1 36/2 รหัสนักศึกษา 612001081