Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Psychiatric Nursing with cognitive disorders and behavioral disorders…
Psychiatric Nursing with cognitive disorders and behavioral disorders patients
Cognitive disorders: Neurocognitive disorders (Delirium, Dementia)
ภาวะเพ้อ (Delirium) เป็นกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของระดับความรู้สึกตัว (consciousness) อยู่
ระหว่างภาวะหมดสติ (coma) กับภาวะปกติ ทําให้มีอาการผิดปกติทั้งด้านความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (acute) และมีอาการขึ้นๆลงๆ (fluctuation) ในช่วงเวลาสั้น
สาเหตุ
การติดเชื้อในร่างกายทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง
ภาวะเป็นพิษจากการใช้สารเสพติดระยะถอนพิษยา
ผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบเผาผลาญ (Acute Metabolism) ผิดปกติ
การได้รับบาดเจ็บ (trauma)
ความผิดปกติของการทำหน้าที่ของอวัยวะระบบอื่นของร่างกายที่ส่งผลให้มีภาวะเลือดไปเลี้ยงสมอง น้อยผิดปกติ (hypoxia)
อาการและอาการแสดง
ผู้ที่มีภาวะเพ้อ (Delirium) มีอาการแสดงตามเกณฑ์การวินิจฉัยตาม DSM-V ดังนี้ A. มีความผิดปกติของความสนใจหรือความตั้งใจ (attention) และความรู้สึกตัว (awareness) B. ความผิดปกติเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากระดับความสนใจและ ความรู้สึกตัวเดิม ร่วมกับความรุนแรงมีแนวโน้มขึ้นๆลงๆในแต่ละวัน C. มีความผิดปกติของความคิด (cognition) เช่น ด้านความจำ ด้านภาษา หรือการรับรู้ทางประสาท สัมผัส (perception) ผู้ป่วยภาวะเพ้อ ส่วนหนึ่งมีอาการนำก่อนที่จะมีอาการตามเกณฑ์การวินิจฉัย โดย 3 วันก่อนเกิดภาวะเพ้อ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการรับรู้วันเวลาสถานที่บกพร่อง (disorientation) มีปัญหาด้านความจำ (memory disturbance) และมีปัญหาอาการทางกาย และ 1 วันก่อนเกิดภาวะเพ้อ อาการอื่นและโรคที่พบร่วมด้วย ผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติของวงจรการหลับและตื่น (sleep-wake cycle) โดยง่วงตอนกลางวันและตื่นเวลากลางคืน ผู้ป่วยมักกระวนกระวาย เช่น รื้อค้นผ้าปูที่นอน หรือพยายาม ลงจากเตียงตลอดเวลาทำให้เกิดอุบัติเหตุง่าย ผู้ป่วยอาจเชื่องช้าหรือไม่ค่อยรู้สึกตวั (stupor) การตัดสินใจเสียและ ไม่ร่วมมือในการรักษา อาจส่งเสียงดัง ร้องตะโกน พูดพึมพำ หรือร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด หรือความกลัว อาการของผู้ป่วยมักเป็นรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืน เนื่องจากการรับรู้ทางประสาทของผู้ป่วยผิดปกติเมื่อแสงสว่างไม่ เพียงพอทำให้ไม่สามารถแยกแยะเวลาและสถานที่ได้ ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า sun downing
การรักษาด้านร่างกายและจิตใจ
แก้ไขสาเหตุหรือปัจจัยส่งเสริมการเกิดอาการผิดปกติ เช่น รักษาโรคทางกาย โดยดูแลให้ได้รับยาตาม แผนการรักษ
ดูแลด้านกิจวัตรประจำวันทั่วไป บรรเทาความไม่สุขสบาย กระตุ้นให้ได้รับอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ กับความต้องการของร่างกาย และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ควรให้การดูแลอย่างใกล้ชิดขณะมีอาการเพ้อ
ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้มีความปลอดภัย
ภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
สาเหตุของการเกิดภาวะสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากความเสื่อมของสมองโดยตรง เช่น สารพิษที่มีผลต่อสมอง
ภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากความเสื่อมของสมองผิดปกติ เมื่ออายุมากขึ้นหลอดเลือดสมองมีความแข็งตัว หรือตีบตัว หรือมีการอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง
ภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การดื่มสุรา ผู้ป่วยที่ติดเหล้าหรือเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือ ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดสารอาหาร
อาการและอาการแสดง
ความผิดปกติของความสนใจหรือความตั้งใจ (attention) เช่น การมุ่งจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่าง ต่อเนื่องลดลง ไม่สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งเร้าหลายตัวได้ มีการเปลี่ยนความสนใจได้ง่าย
ด้านการทำหน้าที่เชิงนามธรรมเสีย (disturbance in executive functioning) พบว่า ไม่สามารถใช้ ทักษะในการบริหาร ไม่สามารถวางแผนการทำงาน ตัดสินใจ และติดตามงานให้สำเร็จตามแผนได้ การแก้ไข ปัญหาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำงานที่มีหลายขั้นตอนให้สำเร็จ
ด้านการเรียนรู้และความจำ (learning and memory) พบความผิดปกติในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ/รื้อฟื้น สิ่งที่เรียนรู้ไปแล้ว มีปัญหาทั้งความจำระยะสั้นและระยะยาว ไม่สามารถระลึกได้ มีปัญหาด้านเข้าใจ และการ แยกแยะสิ่งของ ไม่ทราบว่าสิ่งที่เห็น ได้ยินหรือสัมผัสเป็นอะไร (agnosia) เช่น ให้ดูปากกาจะบอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร (visual agnosia) ให้ฟังเสียงนกหวีดจะบอกไม่ได้ว่าเป็นเสียงอะไร (auditory agnosia) ให้จับกระดาษก็บอกไม่ได้ ว่าคืออะไร (Tactile agnosia)
ด้านภาษา (language) มีปัญหาในการใช้ภาษา (aphasia) เช่น พูดคลุมเครือวกวนหรือพูดไม่ได้เลย
ดา้นความสามารถในการเคลื่อนไหว (perceptual-motor) มีความผิดปกติในการประสานงานระหว่าง การรับรู้กับการเคลื่อนไหวอย่างมีวัตถุประสงค์ที่เคยทำได้มาก่อน (apraxia) เช่น การทำกิจวัตร และช่วยเหลือ ตนเอง หรือการขับรถ เป็นต้น
ด้านการรู้คิดทางสังคม (social cognition) ความสามารถที่จะเข้าใจพฤติกรรมของบุคคลอื่นลดลง พฤติกรรมการแสดงออกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ มักไม่คำนึงถึง ความรู้สึกของผู้อื่น
ลักษณะอาการของภาวะสมองเสื่อม
ระยะแรก (Early Stage) อาจมีช่วงเวลาตั้งแต่ 2-4 ปี เป็นระดับที่มีภาวะสมองเสื่อมเล็กน้อย ในระยะ นี้ผู้ป่วยจะมีอาการหลงลืม โดยเฉพาะลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ ไม่นาน
ระยะกลาง (Middle Stage) (4-6 ปี) ในระยะนี้การสูญเสียการรับรู้ในระดับสูงเริ่มได้รับผลกระทบ มี ความบกพร่องในความเข้าใจ ความสามารถในการเรียนรู้ การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ
ระยะสุดท้าย (Late Stage) (6-8 ปี) ในระยะนี้สภาพร่างกายและสติปัญญาจะเสื่อมลงอย่างมาก ต้อง พึ่งพาผู้ดูแลตลอดเวลา หวาดระแวงจำใครไม่ได้ และพูดไม่ได้ เคลื่อนไหวช้า หรืออาจเคลื่อนไหวไม่ได้ ไม่สามารถ ช่วยเหลือตนเองได้เลยแม้แต่การทำกิจวัตรประจำวัน ต้องมีผู้เฝ้าดูแลตลอดเวลา
Behavioral disorders: Substance-related and Addictive Disorders
ความผิดปกติที่สัมพันธ์กบัสารเสพติด (Substance-Related Disorder)
DSM-V แบ่งความ ผิดปกติเป็น 2 กลุ่ม
Substance Use Disorders : Substance Dependence and Abuse
Substance Induced Disorders : Substance Intoxication and Withdrawal, Substance/Medication-induced Mental disorder
คำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
การติดสารเสพติด (Addiction) คือ การที่บุคคลใช้สารเสพติดอย่างต่อเนื่องแล้วส่งผลกระทบ ต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม พฤติกรรมการแสดงออกมาว่าติดสารเสพติด
การพึ่งพาสารเสพติด (Dependence) คือ เป็นพฤติกรรมการใช้สารเสพติดผิดปกติ โดยผู้ป่วยจะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 3 อาการในช่วงเวลาติดต่อกัน 12 เดือน
มีอาการขาดยา (Withdrawal symptom) โดยมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ มีอาการซึ่งมี ลักษณะเฉพาะเจาะจงของการขาดสารนั้น
การฝ่าใช้หรือการใช้สารผิดประเภท (Abuse) คือการใช้สารเสพติดอย่างมีพยาธิสภาพ (pathological use) จนทำให้เกิดปัญหาสำคัญๆ
การทนทาน (Tolerance) คือ การที่ฤทธิ์ของสารลดลงภายหลังการใช้สารซ้ำ ในขนาดเท่าเดิม หรือ การต้องการใช้สารมากขึ้นเพื่อคงฤทธิ์ของสาร
การถอนยา (Withdrawal) คือ กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการหยุดใช้สาร ซึ่งอาจมีทั้งอาการทาง กาย เช่น ความเจ็บ น้ำมูกไหล และอาการทางจิต เช่น ซึมเศร้า
สาเหตุของการใช้สารเสพติด
ปัจจัยทางชีวภาพ
ปัจจัยทางพันธุกรรม จากการศึกษาที่ผ่านมาพบรายงานการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผทู้ี่ ติดสารเสพติดระหว่าง 40-60%
การเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง การเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทใน สมองมีผลต่อการเสพติดสารเสพติด โดยเมื่อมีการเสพสารหรือทำพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ ร่างกายมีการหลั่งสารสื่อประสาทบางชนิด
กลไกของสารเคมีประสาท (Neurochemical mechanism) พบว่าเกี่ยวข้องกับ Reinforcement rewarding system ใน Limbic area โดยสารที่ใช้กระตุ้นให้ผู้นั้นรับรู้ว่า สารนี้เป็นเสมือนกับ ความต้องการที่เทียบเท่ากับความต้องการดั้งเดิม
ปัจจัยด้านจิตใจ และบุคลิกภาพ
มีทัศนคติต่อการใช้สารเสพติดในทางบวก
การเรียนรู้ทางสังคม เช่น บุคคลเกิดการเรียนรู้ถึงผลบวกของการใช้สารเสพติดจากสังคม อาจถูกกระตุ้นและชักจูงให้ทดลองใช้สารเสพติดได้ง่าย
ปัจจัยด้านสังคม
การเลี้ยงดูในครอบครัว การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เด็กจะเริ่มต้นเรียนรู้จากการเลียนแบบ พฤติกรรมของบุคคลในครอบครัว
ผลกระทบจากการติดสารเสพติด
ผลกระทบต่อผู้เสพ
ความสามารถในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองมีจำกัด โดยเฉพาะปัญหาที่ทำให้เกิดความ ทุกข์ วิตกกังวลและความเจ็บปวดจะใช้วิธีเดิมๆที่เคยใช้การแก้ปัญหา
การปฏิบัติงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันอย่างคนปกติได้จะต้องใช้สารเสพติดคอยควบคุมพฤติกรรม
ผลกระทบต่อครอบครัว
่อแม่ผู้เสพจะเป็นกังวลและเสียใจกับลูกที่ติดสารเสพติด
ฎระเบียบต่างๆของครอบครัวจะเปลี่ยนแปลงไปไม่มีความชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร ความ เป็นครอบครัวเริ่มสั่นคลอน
ผู้เสพอาจสร้างความเดือนร้อนให้กับสมาชิกครอบครัว เช่น โดนจับในข้อหาซองสุมสารเสพ ตดิ ลักขโมยของชาวบ้านและของในบ้านตนเองไปขาย
Alcohol – Related Disorders
อาการทางจิตเวชซึ่งเกิดจากการดื่มสุราที่สำคัญมีดังนี้ 1. อาการติดสุรา (alcohol dependence) 2. อาการพิษสุรา (alcohol intoxication) 3. อาการขาดสุรา (alcohol withdrawal)
สุราเป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้เสพเกิดอาการทางจิตเวช โรคทางกาย และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซ่ึงพบได้บ่อยที่สุด โดยปริมาณ แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดระดับต่ำ จะทำให้ผู้เสพสูญเสียความสามารถในการคิด การตัดสินใจและการควบคุมตนเอง เมื่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้นผู้เสพจะมีการ เคลื่อนไหวเชื่องช้าและมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
Amphetamines
Amphetamines เกิดจากการหลั่งสารสื่อประสาทเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะ dopamine) ผู้ที่ใช้ amphetamines มักใช้เพื่อหวังผลในแง่ของการกระตุ้นร่างกายให้ สดชื่น ไม่ง่วงนอน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตน
อาการทางจิตเวชที่เกิดจากการเสพแอมเฟตามีนที่สำคัญมี 3 ชนิดคือ 1. อาการติดแอมเฟตามีน (Amphetamines Dependence) 2. อาการพิษแอมเฟตามีน (Amphetamines Intoxication) 3. อาการขาดแอมเฟตามีน (Amphetamines withdrawal) 4. อาการโรคจิตเนื่องจากแอมเฟตามีน (Amphetamines-Induced Psychotic Disorder)
Cocaine (โคเคน)
กลไกการออกฤทธิ์เช่นเดียวกับ amphetamine ระยะเวลาการออกฤทธิ์ค่อนข้างสั้น
ลักษณะทางคลินิก 1. อาการติดโคเคน (Cocaine Dependence) 2. อาการพิษโคเคน (Cocaine Intoxication) 3. อาการขาดโคเคน (Cocaine Withdrawal)
ใช้ยารักษาโรคจิต ร่วมกับยาที่มีฤทธิ์เพิ่ม dopaminergic transmission (amantadine ใช้รักษาอาการอยากโคเคนได้ดี)
Opioid (ฝื่น)
ฝิ่นที่ผู้ป่วยเสพประกอบด้วย ฝิ่นธรรมชาติ (มอร์ฟีน) กึ่งสงเคราะห์ (เฮโรอีน) และสารสังเคราะห์ เช่น โคเดอีน เมธาโดน และ pethidine ฝิ่นถูกนำมาใช้ใน การรักษาโรค
Cannabis (กัญชา)
กัญชาคือสารเสพติดอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น เนื่องจากกัญชาสามารถหาซื้อได้ค่อนข้างง่าย มีราคาไม่ แพง กัญชาเป็นยาเสพติดประเภทหนึ่งที่เสพแล้วไม่ติด
Nicotine (นิโคติน)
ารติดนิโคตินเป็นผลมาจากการเสพใบยาสูบทุกชนิด เช่น สูบบุหรี่ เคี้ยวใบยาสูบ สูบซีการ์ และสูบกล้อง นิโคติน จะเข้าสู่สมองใน 15 วินาที หลังสูบ ออก ฤทธิ์โดยการกระตุ้น nicotine subtype ของ acetylcholine receptors ทำให้เกิดการหลั่ง dopamine เพิ่มขึ้น
ความผิดปกติในการเสพติด (Addictive Disorders)
การเสพติดการพนัน (Gambing disorder) เป็นพฤติกรรมการพนันที่มีปัญหาซ้ำๆ ที่ ก่อให้เกิดปัญหาหรือความทุกข์ยาก จนเรียกได้ว่าเป็นโรคติดการพนันหรือการพนันที่ต้องกระทำ
การเสพติดอินเทอร์เนต และ เกม (internet use and gaming disorder) การเสพติดอินเนอ์เน็ต เป็นการเสพติดทางพฤติกรรมและจิตใจของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่ผู้ใช้หมกมุ่น กับการใช้อินเทอร์เนตมากเกินไป จนไม่สามารถควบคุมตนเองให้ใช้ในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ต้องเพิ่มจำนวน ชั่วโมงของการใช้อินเทอร์เน็ตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกขอให้เลิกหรือหยุดเล่นจะต่อต้าน หรือมีปฏิกิริยาหงุดหงิดไม่พอใจ อย่างรุนแรง และอาจถึงก้าวร้าว
ใช้อินเทอร์เน็ตนานมากเกินไป ใช้เวลาในอินเนอร์เน็ตมากกว่าที่ตั้งใจไว้ และไม่สามารถหยุด ตัวเองหลังจากใช้อินเทอน์เน็ตไปแล้วเป็นเวลานาน 2. ใช้อินเทอร์เน็ตนานขึ้นเรื่อยๆ (tolerance) หรือหมกมุ่นสนใจ application ใหม่ๆ เว็ปใหม่ๆ ต้องการเพิ่มความเร้วของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออินเทอร์เน็ตให้ไวขึ้นเรื่อยๆ 3. มีอาการผิดปกติเมื่อไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ต (withdrawal) เช่น หงุดหงิด โมโห กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ ดื้อ ไม่ฟังเพตุผล บางคนซึมเศร้า หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว เป็นต้น 4. เกิดผลเสียหายตามมาจากการใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไป เช่น ขาดความรับผิดชอบในการเรียน การทำงาน ขาดเรียน/ขาดงาน ผลการเรียนตก โกหก มีปัญหาสุขภาพ มีปัญหาสัมพันธภาพกับผู้อื่น แยกตัว