Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กมีปัญหาระบบประสาท, นางสาวนารีรัตน์ ตั้งใจธรรม 2A เลขที่43…
การพยาบาลเด็กมีปัญหาระบบประสาท
บทบาทพยาบาลเด็กมีปัญหาทงระบบประสาท
การรวบรวมข้อมูลภาวะสุขภาพ
การประเมินสัญญาณชีพ
ประเมินทางระบบประสาท ได้แก่ ระดับความรู้สึกตัว การสื่อสารทางคำพูด การเคลื่อนไหวและการทรงตัว การลืมตา และรูม่านตา
ตรวจพิเศษต่าง ๆ เช่น การตรวจน้ำไขสันหลัง การตรวจคลื่นสมอง MRI
การดูแลเด็กที่มีความผิดปกติทางระบบประสาท
การให้คำแนะนำบิดามารดาของผู้ป่วยเด็กโรคระบบประสาท
Glasgow Coma scale ในเด็ก
การตอบสนองการพูด (Verbral response : V)
กรณีเด็กอายุ 0 – 4 ปี
-ยิ้ม ฟัง มองตาม/ร้องเสียงดัง/พูดจ้อ 5 คะแนน
-พูดคุยเป็นคำและประโยคร้องไห้เมื่อถูกทำให้ระคายเคือง/ร้องไห้แต่หยุด 4 คะแนน
-ร้องไห้ตลอด/กรีดร้องเมื่อเจ็บ 3 คะแนน
-ส่งเสียงครางเมื่อเจ็บหรือกระวนกระวาย พักไม่ได้ 2 คะแนน
-ไม่เปล่งเสียงหรือไม่ตอบสนอง 1 คะแนน
การตอบสนองด้วยการเคลื่อนไหว (Motor response : M)
กรณีเด็กอายุ 0 – 4 ปี
-เคลื่อนไหวได้เอง 6 คะแนน
-ชักแขนขาหนีเมื่อจับ 5 คะแนน
-ชักแขนขาหนีเมื่อเจ็บ 4 คะแนน
-แขนขามีอาการเกร็งแบบศอกงอ (Decorticate) 3 คะแนน
-แขนมีการเกร็งแบบศอกเหยียด (Decerebrate) 2 คะแนน
-ไม่มีปฏิกิริยาหรือไม่เคลื่อนไหวเลย 1 คะแนน
การสนองตอบด้วยการลืมตา (Eye opening : E)
-ลืมตาเอง 4 คะแนน
-ลืมตาเมื่อเรียกหรือได้ยินเสียงพูด 3 คะแนน
-ลืมตาเมื่อเจ็บปวด 2 คะแนน
-ไม่ลืมตาเมื่อได้รับการกระตุ้น 1 คะแนน
กรณีเด็กอายุ 5 – 18 ปี
-ทำตามคำสั่งได้ 6 คะแนน
-เคลื่อนไหวเมื่อรู้สึกเจ็บ 5 คะแนน
-ชักแขนขาหนีเมื่อเจ็บ 4 คะแน
-แขนขามีอาการเกร็งแบบศอกงอ (Decorticate) 3 คะแนน
-แขนมีการเกร็งแบบศอกเหยียด (Decerebrate) 2 คะแนน
-ไม่มีปฏิกิริยาหรือไม่เคลื่อนไหวเลย 1 คะแนน
โรคลมชัก Epilepsy
สาเหตุ
ทราบสาเหตุ : ติดเชื่อระบบประสาทส่วนกลาง,ระหว่างคลอดหรือหลังคลอด,อันตรายที่ศีรษะ,ความผิดปกติของสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย,น ้ำตาลในเลือดต่่ำ,ความผิดปกติพัฒนาการทางสมอง,โรคหลอดเลือดสมอง,สารพิษและยา, โรคระบบประสาทร่วมกับความผิดปกติของผิวหนัง, โรคทางพันธุกรรม
ไม่ทราบสาเหตุ : Neurotransmission เกิดจากความผิดปกติของยีน
กลุ่มที่หาสาเหตุไม่ได้ : มีพยาธิสภาพภายในสมอง กลุ่ม Symtomatic epilepsy
ภาวะทางระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการชักซ้ำๆ อย่างน้อย 2 ครั้งขั้นไป และอาการชักครั้งที่ 2 ต้องห่างกันมากกว่า 24 ชั่วโมง โดยไม่ได้เกิดจากสาเหตุมีปัจจัยกระตุ้น ผลจากเซลส์ประสาท เกิดเป็นครั้งคราวทันทีทันใดและรุนแรง มีอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อลาย การรับความรู้สึก
อวัยวะภายในโดยแสดงออกทางระบบประสาทอัตโนมัติ พฤติกรรมผิดปกติ และความรู้สึกตัวลดลง
อาการแสดง
Preictal period คือ ระยะก่อนอาการชัก
อาการนำ (Seizure prodromes) มีอาการชักนานหลายนาที ชั่วโมงก่อนชัก ไม่มีอาการจำเพาะ ระหว่างการเกิดจะไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าสมอง
อาการเตือน (Aura) ลักษณะอาการเตือนแตกต่างกันตามตำแหน่งของสมอง เช่น มีอาการปวด ชา เห็นภาพหลอน
Ictal event หรือ Peri-ictal period คือ ระยะที่เกิดอาการชัก มีระยะเวลาตั้งแต่วินาทีถึงนาที ไม่นานเกินครึ่งชั่วโมง
เกิดขึ้นทันทีทันใด
เกิดในระยะเวลาสั้นๆไม่เกิน 5 นาทีและหยุดเอง หรืออาจชักต่อเนื่องเป็น Status epilepticus
เกิดขึ้นเองแต่บางครั้งมีปัจจัยกระตุ้น
ส่วนใหญ่มีลักษณะเหมือนกันทุกครั้ง
Postictal peroid คือ ระยะเวลาเมื่อการชักสิ้นสุดลง มีอาการทางคลินิค มีการเปลี่ยนแปลงคลื่นไฟฟ้าสมอง เกิดนานหลายวินาทีถึงหลายวัน ไม่เกิน 24 ชั่วโมง มีอาการสับสน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
Postical paralysis หรือ Todd’s paralysis กล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่
Automatism การเคลื่อนไหวร่างกายไปโดยอัตโนมัติขณะชักเลียนแบบท่าทางปกติ เช่น เคี้ยวปาก กระพริบตาถี่ๆ ตีมือคว่ำาหงายสลับกัน
Interictal peroid คือ ช่วงเวลาระหว่างการชักตั้งแต่หลังการชักหนึ่งสิ้สุดลงถึงเริ่มเกิดชักครั้งใหม่ ไม่มีอาการแสดงแต่อาจพบคลื่นไฟฟ้าสมองที่ผิดปกติ
ชนิดลมชัก
อาการชักเฉพาะที่ (Partial / Focal seizure)
1.2 อาการชักเฉพาะที่แบบขาดสติ (Complex partial seizures /Complex focal seizure) ขณะชักจะสูญเสียการรับรู้สติ จะจำเหตุการณ์ในช่วงชักไม่ได้
1.3 อาการชักเฉพาะที่ตามดว้ยอาการชักทั้งตัว (Focal with secondarily generalized seizures) เป็นอาการชักเฉพาะที่ซึ่งมีอาการเริ่มจากส่วนหนึ่งของร่างกายแล้วค่อย ๆ กระจายไปยังส่วนที่อยู่ใกล้ต่อไปเรื่อยๆ
1.1 ชักเฉพาะที่แบบมีสติ (Simple partial seizures /Simple focal seizure) ขณะชักผู้ป่วยรู้ตัวตลอดเวลา จำเหตุการณ์ในช่วงชักได้
อาการชักทั้งตัว (Generalized seizures) เกิดการเสียหน้าที่ของสมองทั้ง 2 ซีก
2.1 อาการชักเหม่อ (Absence) มีลักษณะเหม่อลอย ไม่รู้สึกตัวชั่วครู่ เกิดขึ้นทันทีเป็นระยะเวลาสั้น
-อาการชักเหม่อแบบตรง (Typical absence seizures) ชักไม่รู้สึกตัว เกิดอาการ 5 – 10 วินาที เกิดขึ้นทันทีและหายทันที
-อาการชักเหม่อที่ไม่รู้ตัวหรือไร้สติ
-อาการชักเหม่อที่มีอาการกระตุกหรือสะดุ้งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ มีหนังตากระตุก
-อาการชักเหม่อที่มีอาการตัวอ่อนร่วม
-อาการชักเหม่อที่มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อร่วมกับอาการเกร็งเฉพาะที่กล้ามเนื้อใบหน้าหรือคอ
อาการเกร็งกระตุก (Tonic clonic seizures) ชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ผู้ป่วยจะหมดสติ ร่วมกับมีอาการเกร็งกล้ามเนื้อท้ังตัวนานไม่เกิน 30 วินาที ตามด้วยกล้ามเนื้อกระตุกเป็นจังหวะ นานประมาณ 1 – 2 นาที อาการจะไม่เกิน5 นาที
อาการชักกระตุก (Clonic seizures) เป็นการชักมีลักษณะกระตุกเป็นจังหวะของอาการชัก
อาการชักเกร็ง (Tonic seizures) เป็นการชักมีลักษณะเกร็งแข็ง จากกล้ามเนื้อมีความตึงตัวมากขึ น เกิดนานประมาณ 2 – 10 วินาที เมื่อ มีอาการจะมีลัษณะแขนขาเหยียดตรง อาจเกิดทันทีหรือค่อยเป็นไป มีการสั่นจากกล้ามเนื้อหดตัว ผู้ป่วยไม่รู้สติ เสี่ยงต่ออันตรายขณะชัก
อาการชักตัวอ่อน (Atonic seizures) เป็นอาการชักที่มีการ เสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อทันทีเมื่อเกิดอาการชัก 1-2 วินาที มักพบในผู้ป่วยอายุน้อยกวา่ 5 ปี และในรายที่มีพัฒนาการช้า
อาการชักสะดุ้ง (Myoclonic seizures) การชักที่มีลักษณะ สะดุ้ง มีการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงและรวดเร็วม อาการคล้ายสะดุ้งตกใจ อาการชักแต่ละครั้งสั้นใช้เวลาไม่กี่วนิาที
ภาวะชักจากไข้สูง
อาการชักที่สัมพันธ์กับการมีไข้ โดยไม่ได้เกิดจากการติดเชืhของระบบประสาทหรือความไม่สมดุลย์ของเกลือแร่ เด็กที่อายุมากกว่า 1 เดือน เด็กไม่เคยมีอาการชักโดยไม่มีอาการไข้มาก่อน
ปัจจัยเสี่ยงของการชักซ้า
อายุ มีอาการชักครั้งแรกในช่วงอายุก่อน 1 ปี
มีความผิดปกติของระบบประสาทก่อนมีอาการชัก
ประวัติการชักของสมาชิกในครอบครัว
ไข้ที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อ
สาเหตุ : การติดเชื้อในระบบต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ระบบประสาท เช่น ติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร , ทางเดินปัสสาวะ , ทางเดินหายใจ
อาการ : มีอาการชักเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 39 องศาเซลเซียส อาการชัก เกิดขึ้นใน 24 ชม.แรกที่เริ่มมีไข้ มักเกิดในเด็กอายุ 3 เดือน ถึง 5 ปี พบมากช่วงอายุ 17 – 24 เดือน
ชนิดชักจากไข้สูง
Complex febrile seizure
การชักเป็นแบบเฉพาะที่หรือทั้งตัว(Local or Generalized seizure)
ระยะเวลาการชักเกิดนานมากกวา่ 15 นาที
เกิดการชักซ้ำในการเจ็บป่วยครั้เดียวกัน
หลังชักจะมีความผิดปกติของระบบประสาท
เสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคลมชัก แพทย์ จะให้ยาป้องกันการชัก เช่น Phenobarbital หรือ Valproic acid
Simple febrile seizure (primary febrile seizure)
มีไข้ร่วมกับชักในเด็กอายุ 6 เดือน - 5 ปี
ชักเป็นแบบทั้งตัว (generalized seizure)
ชักช่วงสั้นๆไม่เกิน 15 นาที
ไม่มีการชักซ้ำในการเจ็บป่วยครั้งเดียวกัน
ก่อน – หลัง ชักไม่มีอาการทางระบบประสาท
การประเมินสภาพ
การซักประวัติ ไข้ , การติดเชื อ , ประวัติครอบครัว , การได้รับวัคซีน , โรประจ าตัว, ประวัติการชัก , ระยะเวลาของการชัก
ประเมินสภาพร่างกาย การตรวจร่างกาย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจพิเศษอื่น ๆ
ความรู้สึกตัว
ความไม่รู็สึกตัว เป็นภาวะการทำงานของสมองที่ไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ทำเกิดความเจ็บปวด
ระดับความรู้สึกตัว
ระดับความรู้สึกง่วงงุน (lethargy / drowsy) ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย มีอาการง่วงงุน พูดช้า สับสน เมื่อกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าหรือปลุกผู้ป่วยจะ โต้ตอบได้ตามปกติ แต่ถ้ากระตุ้นด้วยสิ่งเร้าแล้วผู้ป่วยไม่โต้ตอบ เรียกว่า obtundation
ระดับความรู้สึก stupor ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว หลับลึก แต่ยังสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่รุนแรงและ กระตุ้นซ้ าๆ กันหลายครั้ง เช่น การเคลื่อนไหวหรือ การส่งเสียงครางเบาๆ โดยการตอบสนองที่เกิดขึ้น ค่อนข้างช้า
ระดับความรู้สึกตัวดี (full consciousness) ผู้ป่วยจะตื่นและรู้สึกตัวดี การรับรู้ต่อเวลา บุคคล และ สถานที่ เป็นปกติ พฤติกรรมที่แสดงออกเหมาะสมกับวัยของเด็ก
ภาวะไม่รู้สึกตัว
อาการสำคัญ ชักเกร็ง ซึม ไม่ดูดนม
กรณีที่ 1 ไม่มีไข้ ความผิดปกติของสมองที่เกิดจากการได้รับ บาดเจ็บ (Head Injury) เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor) โรคลมชัก (Epilepsy)
กรณีที่ 2 มีไข้ นึกถึง ความผิดปกติที่สมองทีเกิดจากการติดเชื้อของ เยื่อหุ้มสมอง สมองและไขสันหลัง (Meningitis ;Encephalitis; Tetanus)
กรณีที่ 3 มีไข้สูง เกิน 38 °c อายุ ประมาณ 6 เดือน – 5 ปี Febrile convulsion ไม่มีการติดเชื้อของระบบประสาท
ท่าทาง posturing เด็กภาวะไม่รู้สึกตัว
ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ (Reflexes)
ในช่วงหมดสติระดับลึก (deep coma) reflexes ต่างๆ ของเด็กจะหายไป
Decerebrate posturing ท่านอนนอนหงาย แขน ทั้ง 2 ข้างเกร็ง เหยียดออกและคว่ำแขนลงโดยบิดข้อมือออกด้านข้าง ขาทั้ง 2 ข้างเกร็ง เหยียดออกและแยกออกจากกัน ท่านอนแบบนี้พบในเด็กหมดสติที่สมองส่วน Midbrain ไม่ สามารถทำงานได้ตามปกติ
Decorticate posturing ท่านอนที่นอนหงาย งอแขนทั้ง 2 ข้างเข้าหาตัว
ระดับไหล่ กำมือแน่นและงอข้อมือทั้ง 2 ข้าง ขาทั้ง 2 ข้างเหยียดปลายเท้าออก และงอปลายเท้าเข้าหากัน ท่านอนแบบนี้พบในเด็กหมดสติที่มีการทำลายของเนื้อสมองส่วน cerebral cortex อย่างรุนแรง
ตรวจกำงลังกล้ามเนื้อ
-ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อ = 0
-มีการหดตัวของกล้ามเนื อบ้างเล็กน้อย แขน ขา ขยับ ได้บ้างเล็กน้อย = 1
-มีการหดตัวของกล้ามเนื อมากกว่าระดับ 1 แต่ยกแขน หรือขาไม่ได้ = 2
-กล้ามเนื อมีแรงพอที่จะยกแขน ขา ได้โดยไม่ตก = 3
-มีแรงยกแขน ขา ต้านแรงผู้ตรวจได้บ้าง = 4
-กล้ามเนื อมีแรงปกติเหมือนคนทั่วไป = 5
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ Maningitic
เป็นการอักเสบเฉียบพลันของเยื่อหุ้มสมองชั้นในสุดและอแรคนอยด์ที่อยู่รอบๆ สมองและไขสันหลังและเยื่อหุ้มสมองถูกทำลาย พบในเด็กอายุต่่ำกว่า 5 ปี เกิดจากเชื่อแบคทีเรีย 3 ตัว คือ Haemophilus influenzae, Neisseria meningitidis, Streptococcus peumoniae
Meningitis มีอาการไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง ซึมและสับสน อาการจะแย่ ลงอย่างรวด อาจพบอาการที่แสดงถึงการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะมีจ้ำเลือดออกตามผิวหนัง ตรวจพบ Kernig sign และ Brudzinski sign ให้ผลบวก รีเฟล็กซ์ลึกไวเกิน ตรวจ Babinski ได้ผลบวก
การรักษา
-Glucocorticoid therapy ก่อนการให้ยาปฏิชีวนะ 15 นาที
-ยาปฏิชีวนะ เช่น Ceftriaxone /PGS/Chloramphenicol
-การรักษาแบบประคับประคองและตามอาการอื่นๆ
ป้องกันผู้สัมผัส
บุคคลที่อยู่ร่วมกับผู้ป่วยในบ้านเดียวกัน และผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด (Close contact) กับผู้ป่วยต้องได้รับยาป้องกัน ได้แก่ Rifampicin หรือ ceftriaxone หรือ ciprofloxacin
ให้ความรู้และประชาสัมพันธ์การป้องกันโรค หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับละอองน้้ำมูกน้ำลายจากปากหรือจมูกของผู้ป่วย หลีกเลี่ยงที่แออัด เพราะจะทำให้มีโอกาสรับเชื้อจากผู้ที่เป็นพาหะได้ง่าย ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการทำงานหนัก
ใช้วัคซีนป้องกันโรคใน Serogroups A, C, Y และ W135 ทั้งผู้ใหญ่และเด็กโต ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ซีโรกรุ๊ป B แนะนำให้ฉีดในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่อยู่หรือเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดการระบาด พิธีฮัจย์ กลุ่มทหาร และกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ
รีบให้ยาฆ่าเชื้อแก่ผู้สัมผัสที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยทันที โดยเลือกใช้ยาที่ไวต่อเชื้อ เช่น rifampicin
การรักษา ยา penicillin และ chloramphenical มีประสิทธิผลดีต่อการรักษา โรค
โรคไข้กาฬหลังแอ่น
การเก็บสิ่งส่งตรวจ
-วิธีทางชีวเคมี และวิธี PCR (กรณีเก็บตัวอย่างเชื้อบริสุทธ์)
-วิธีตรวจหาค่า Minimum inhibition concentration (MIC)
-วิธี seminested-PCR
ระยะติดต่อ ผู้ที่สามารถแพร่เชื้อได้ คือ ผู้ที่ไม่มีอาการ(พาหะ) และผู้ป่วยสามารถแพร่โรคได้ จนกว่าจะตรวจไม่พบเชื้อในน้้ำมูกน้ำลาย ปกติเชื้อจะหมดไปจากช่องโพรงจมูกทางด้านหลัง ( nasopharynx ) ของผู้ป่วยภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่ ผู้ป่วยได้รับยาต้านจุลชีพที่เหมาะสม penicillin จะใช้ยับยั้งเชื้อได้ชั่วคราว แต่จะไม่กำจัดเชื้อให้หมดไปจากโพรงช่องปาก จมูกและคอรวมทั้งโพรงจมูกด้านหลัง (oronasopharynx)
วิธีติดต่อ
ติดต่อจากคนไปสู่คน โดยเชื้อจะออกมาทางละอองน้ำมูกน้ำลาย (droplet) จากปากหรือจมูกของผู้ที่เป็นพาหะ (ผู้ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ) หรือผู้ป่วย โดยมีระยะฟัก ตัวประมาณ 2-10 วัน (เฉลี่ย 3-4 วัน)
เชื่อกระจายจากช่องปาก ช่องจมูกจากคนหนึ่งสู่อีกคนโดยตรง ผ่านระบบทางเดินหายใจ เชื้อนี้ทำให้เกิดโรคได้ 3 แบบ
-แบบเชื้อแพร่เข้ากระแสเลือดหรือเลือดเป็นพิษ (meningococcemia) เชื้อเข้าในกระแสเลือด เลือดจะมาหล่อเลี้ยงที่ปลายหลอดเลือดเป็นจำนวนมาก ผู้ป่วยจะมีผื่น เลือดออกตามผิวหนัง ในรายที่รุนแรงจะมีเลือดออกในลำไส้และต่อมหมวกไต
-แบบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitidis) เชื้อที่เข้าเยื่อหุ้มสมองทำให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
-แบบไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย เชื้อเจริญในเนโซฟาริ้งซ์ ทำให้เกิดการอักเสบ เฉพาะที่เล็กน้อย มักไม่มีอาการ เป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อ
อาการแสดง
มีไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง มีผื่นแดง จ้ำเลือดตามผิวหนัง (pink macules) และอาจเกิดภาวะshockอย่างรวดเร็ว
ส่วนใหญ่มาด้วยอาการสำคัญ2 อย่าง คือ
Meningococcemia
Meningitis
Meningococcemia
Acute Meningococcemia อาการเกิดอย่างฉับพลัน มีอาการปวดศีรษะ เจ็บ คอและไอ เป็นอาการนำมาก่อน ตามด้วยไข้สูง หนาวสั่น ปวดตามข้อและตาม กล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่ขาและหลัง นอกจากนี้ อาจมาด้วยไข้และมีผื่นแดงจ้ำขึ้นตามตัว ใน 2-3 วันต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำจนเป็นสะเก็ดสีดำ บางทีเป็นตุ่มน้ำ มีจุดแดงอยู่ตรงกลาง ส่วนใหญ่จะมีผื่นหลังไข้ขึ้น 24-48 ชั่วโมง
Chronic Meningococcemia พบได้น้อย มีไข้เป็นๆหายๆ ผื่นตามผิวหนัง ผื่นแดงจ้ำ ปวดและเจ็บข้ออยู่เป็นเดือน
Fulminant Meningococcemia เป็นอย่างรุนแรง ระบบไหลเวียนโลหิตไม่ทำงาน อาจ ช็อคถึงเสียชีวิตได้ เริ่มมีอาการไข้สูงทันทีอ่อนเพลียมาก แล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีหลอดเลือดตีบทั่วร่างกาย มักจะไม่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นระยะสั้นๆแล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
นางสาวนารีรัตน์ ตั้งใจธรรม 2A เลขที่43 รหัส613601044