Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อาหารที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ - Coggle Diagram
อาหารที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
โรคเบาหวาน
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เรียนรู้และนับคาร์บกับอาหารแลกเปลี่ยน
การนับคาร์บ หมายถึง การนับปริมาณสารอาหารคาร์โบไฮเดรต
เลือกกินเนื้อสัตว์อย่างฉลาด
กินโปรตีน 0.8 กรัม/นํ้าหนักตัว (กิโลกรัม)
กินเนื้อสัตว์ที่มีไขมันตํ่า และมีแคลเซียม เหล็ก สังกะส
หลีกเลี้ยงเนื้อสัตวที่ไขมันสูง
เลือกกินอาหารที่มีประโยชน
เลือกคาร์โบไฮเดรตชนิดดีกิน มีค่าดัชนีนํ้าตาลตํ่า
เลือกกินชนิดไขมันที่ช่วยลดคอเรสเตอรอลที่ไม่ดี(LDL)
กินอาหารที่มีแอนตี้ออกซิเดนซ
กินอาหารที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ
เลือก ลด งดอาหารที่เสี่ยงต่อสุขภาพ
ลดและงดคาร์โบไฮเดรตชนิดไม่ดี สารอาหารตํ่า ดัชนีน้ำตาลสูง
ลดและงดไขมันที่ได้จากผลิตภัณฑ์สัตว์และไขมันทรานซ์
ลดอาหารหมักดองและอาหารเค็มจัด
กินโดยควบคุมปริมาณอาหารจากพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน
โรคตับ ตับอ่อนผิดปกติ
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคตับ ตับอ่อนผิดปกติ
อาหารบําบัดโรคตับอักเสบ
พลังงาน ควรได้พลังงานสูงกว่าปกติ
โปรตีน เพื่อรักษาเนื้อเยื่อของตับที่ถูกทําลาย
คาร์โบไฮเดรต เป็ นสารอาหารที่ให้พลังงาน
ไขมัน อาหารไขมันจะจํากัดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความรุนแรงของโรค
อาหารบําบัดโรคตับแข็ง
เพิมหรือลดปริมาณโปรตีนให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน แต่ถ้าเป็นตับแข็งที่มีอาการทางสมองร่วมด้วย จะลดให้มาเหลือประมาณวันละ 2-3 ช้อนโต๊ะ หรืองดโปรตีนไประยะหนึ่ง
อาหารบําบัดโรคมะเร็งตับ
ควรได้รับโปรตีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 กรัมต่อนํ้าหนักตัว 1 กิโลกรัม
โรคเก๊าท์
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเก๊าท์
อาหารที่มีปริมาณพิวรีนมาก งดเว้นหรือหลีกเลี่ยง ได้แก่ ตับอ่อน หัวใจ ตับกึ๋น
อาหารที่มีปริมาณพิวรีนปานกลาง รับได้ปริมาณจำกัด เช่น เนื้อหมู วัว ปลากระพง
อาหารที่มีปริมาณพิวรีนน้อย ทานได้ปกติ
โรคไต
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต
อาหารจํากัดโปรตีน
กําหนดให้ประมาณ 20 – 40 กรัมต่อวัน กินอาหารที่ให้โปรตีนได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นกับผล และชนิดของการล้างไต
หลักในการคํานวณและกําหนดอาหารจํากัดโปรตีนควรปฏิบัติ
ควรเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง
สําหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสเฟตมาก
เมื่อจํากัดโปรตีนในอาหาร ควรให้อาหารที่มีพลังงานมาก
อาหารเพิ่มโปรตีน เพื่อชดเชยโปรตีนที่สูญเสียไปในปัสสาวะ
อาหารจํากัดโซเดียม
อย่างเบาที่สุด มีปริมาณโซเดียม 2500 มิลลิกรัม
เพียงเล็กน้อย มีปริมาณโซเดียม 1500 – 2000 มิลลิกรัม
ปานกลาง มีปริมาณโซเดียม 1000 - 1200 มิลลิกรัม
อย่างมาก มีปริมาณโซเดียม 500 – 600 มิลลิกรัม
อย่างเข้มงวด มีปริมาณโซเดียม 250 มิลลิกรัม
อาหารเพิ่มโซเดียม
ใช้เครื่องปรุงรสเค็มในการปรุงอาหาร
ใช้อาหารที่มีรสเค็มในการประกอบอาหารเช่า เต้าเจี้ยว
กินเนื้อสัตว์ที่ปรุงเค็มให้มากขึ้น
กินอาหารที่มีโซเดียมมากตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น
อาหารจํากัดโปตัสเซียม
ใช้ในผู้ป่วยที่ไตขับถ่ายของเสียได้น้อย
อาหารเพิ่มโปตัสเซียม
ใช้ในผู้ป่วยโรคไตระยะปัสสาวะมาก
อาหารจํากัดฟอสเฟต
ใช้ในผู้ป่วยที่ไตขับถ่ายของเสียได้น้อย
โรคหัวใจ
ระดับไขมันในเลือดสูง
อาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัว
ผลิตภัณฑ์จําพวกนม
เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง
ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว
นํ้ามันปาล์ม นํ้ามันมะพร้าว
อาหารที่มีไขมันทรานส์
อาหารที่มีการใช้นํ้ามัน
อาหารที่มีคอเลสเตอรอล
ไข่แดง เนื้อสัตว์ไขมันสูงและผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันสูง
เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ
สัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด
สัตว์นํ้าประเภทที่มีเปลือก เช่น หอย กุ้ง ปู
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
ใช้นํ้ามันใน การปรุงอาหาร แต่พอควร
หากดื่มนมเป็นประจําควรเลือกดื่มนมประเภทไขมันตํ่า
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทําจากไข่แดง และไขมันอิ่มตัว
ลดการกินอาหารเค็ม และอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง
หลีกเลี่ยงอาหารทอด และผลิตภัณฑ์เบเกอรี
กินผัก ผลไม้ เป็นประจํา เพื่อให้ได้รับวิตะมินซีและเบต้าแคโรทีน
งดนํ้ามันมะพร้าว นํ้ามันปาล์ม
หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา กาแฟ และงดการสูบบุหร
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง
ออกกําลังกายสมํ่าเสมอ ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
พักผ่อนให้เพียงพอ ควบคุมให้เกิดความเครียดทั้งทางอารมณ์และจิตใจ
ควบคุมไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
ลดปริมาณไขมันให้น้อยลง วันหนึ่งไม่ควรเกินร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมด
ลดปริมาณกรดไขมันชนิดอิ่มตัวลง ควรงดไขมันจากสัตว์
ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดให้ตํ่ากว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
เพิ่มกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ควรเป็นไขมันจากนํ้ามันถัวเหลือง
โคเลสเตอรอลในเลือดให้น้อยกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
โรคความดันโลหิตสูง
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ควบคุมนํ้าหนัก คนที่นํ้าหนักเกินปกติเกินปกติ จะมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนที่มีนํ้าหนักปกติ
ลดการบริโภคโซเดียม เกลือ อาหารรสเค็ม
ลดความเค็มในอาหาร
หลีกเลี่ยงอาหารสําเร็จรูป
ลดความถี่และปริมาณการกินอาหารที่มีนํ้าจิ้ม
หลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่ สารกันเสีย ที่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ
ปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศ หรือสมุนไพร
งดหรือลดอาหารที่มีไขมันมาก
งดบุหรี่ และเครื่องแอลกอฮอล์
ควรออกกําลังกายอย่างสมํ่าเสมอ ให้เหมาะสมกับวัย
โรคระบบทางเดินอาหาร
ข้อควรปฏิบัติดโรงกระเพาะอาหาร
รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
รับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
งดสูบบุหรี่
อาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อไม่ควรมีปริมาณมากเกินไป
หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
ถ้าเครียดพยายามลดความเครียด
ลักษณะอาหารเหมาะกับโรคกระเพาะอาหาร
อ่อนนุ่ม ไม่มีกากหรือใย ไม่มีเม็ด
อาหารมีรสอ่อน อาจใส่เครื่องปรุงต่างๆ
ช่วยให้ความเป็นกรดในกระเพาะลดลง
เป็นอาหารที่อยู่ในกระเพาะได้นานพอสมควร
อาหารไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหาร
เครื่องเทศต่างๆ
เครื่องดื่ม เครื่องดื่มจําพวก ชา กาแฟ
ผัก ผลไม้ดิบ มักทําให้เกิดก๊าซ
ผักที่มีก๊าซมาก
ผลไม้ที่ก๊าซมาก
อาหารที่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคถุงนํ้าดีอักเสบ
อาหารที่มีไขมันมาก
อาหารที่มีก๊าซมาก
ผลไม้ที่มีก๊าซมาก
โรคเอดส์
ภาวะโภชนาการของผู้ป่วยโรคเอดส์
อาการท้องเสีย สาเหตุจากผลข้างเคียงของการใช้ยาต้าน เกิดได้จากการติดเชื้อฉวยโอกาสโดยตรง
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเอดส์
อาหารกลุ่มแป้งผู้ป่วยควรทานอาหารกลุ่มนี้ ในทุกมื้ออาหาร
ผักและผลไม้ วิตามิน เกลือแร่ และ กากใยอาหาร ควรรับประทานทุกวัน วันละ 5 ส่วน
เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วทานวันละ 2-3 ส่วนทุกวัน
ผลิตภัณฑ์จากนมควรทานวันละ 3 ส่วน
ไขมัน
สุขลักษณะอนามัยด้านอาหาร
หลีกเลี่ยงการทานอาหารดิบ
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ
หลีกเลี่ยงโยเกิร์ตหรืออาหารเสริมที่ประกอบด้วยเชื้อจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ Probiotic
ไม่ควรทานอาหารที่สุกแล้วตั้งทิ้งไว้นาน
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีราขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย
ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน
เก็บแยกอาหารที่ยังไม่ได้ทําให้สุกกับอาหารที่สุกแล้วออกจากกัน
อาหารที่ปรุงเสร็จแล้วหากจะเก็บในตู้เย็นเพื่อรับประทานต่อไปก็ไม่ควรจะเก็บเกิน 2 วัน
ผู้ป่วยที่มีระดับ CD4 ตํ่ากว่า 200 cell/mm3 ควรดื่มนํ้าที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว
ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนทานอาหาร
โรคมะเร็ง
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ปัญหาการกิน
ไข่ กินได้ทั้งไข่แดง ไข่ขาว วันละ 1-2 ฟอง
นม เลือกนมวัวไขมันตํ่า
กินอาหารที่มีโปรตีนสูง
สามารถปรุงรสด้วยมะนาวหรือผักสมุนไพรจะช่วยชูรสชาติให้ดีขึ้นได้
กินครั้งละน้อย แต่บ่อยขึ้นเป็น 5-6 มื้อ
กินอาหารแช่เย็น
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
อาหารที่เพิ่งปรุงรสเสร็จกําลังร้อนจัด
อาหารหรือผลไม้รสเปรี้ยวจัด
อาหารเผ็ด
อาหารที่มีลักษณะแข็งที่จะทําให้เจ็บเวลาเคี้ยว
ผู้ป่วยมีปัญหาเม็ดเลือดขาวตํ่า
การกินอาหารประเภทโปรตีนจะช่วยให้
ผลการรักษาโรคมะเร็งได้ผลดีมากขึ้น
ผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก
ดื่มนํ้าให้เพียงพอ (ประมาณ 6-8 แก้ว) กินธัญพืชที่ขัดสีน้อย
ผู้ป่วยหลังผ่าตัด
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
โปรตีน จําเป็นต่อการซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยให้แผลหายเร็วมากขึ้น
พลังงาน เสริมสร้างร่างกายและเพื่อป้องกันการนําโปรตีนไปใช้เป็นพลังงาน
วิตามินและเกลือแร่สมดุลของกรด ด่างในร่างกาย
นํ้า ลําเลียงออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
อาหารที่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ และอาหารประเภทหมักดอง เพราะอาจทำให้ติดเชื้อ
ไฟไหม้ นํ้าร้อนลวก
อาหารที่เหมาะสม
พลังงานให้เพียงพอประมาณ 50 – 70 แคลอรี่ต่อนํ้าหนักตัว 1 กิโลกรัม
ควรได้โปรตีนวันละ 2-3 กรัม ต่อนํ้าหนักตัว 1 กิโลกรัม
จำเป็นต้องได้อาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่ให้พอ
ควรให้น้ำและเกลือแร่แก่ผู้ป่วยให้เพียงพอ
โรคขาดสารอาหาร
ควาชิออร์กอร์
โรคขาดโปรตีน และแคลอรี
มาราสมัส
เป็นโรคขาดโปรตีน และแคลอรี ประเภทที่ขาดทั้งกําลังงาน
อาการและอาการแสดงทงคลินิก
เล็บงอเป็นรูปช้อนในผู้ป่วยที่ขาดธาตุเหล็ก
เกล็ดกระดี่บริเวณหางตา (Bitot’s spots) ในผู้ป่วยที่ขาดวิตามินเอ
ภาวะบวมกดบุ๋มในผู้ป่วย kwashiorkor ผิวบางหลุดลอก
มีเลือดออกตามไรฟันในผู้ป่วยที่ขาดวิตามินซี
หงุดหงิดง่ายน้ำหนักลด ผอมแห้ง ในผู้ป่ วย marasmus
โรคอ้วน
อาหารที่เหมาะสม
เลือกดื่ม ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่นํ้าตาล ใส่นํ้าตาลเทียมแทน
เลือกดื่มนํ้าอัดลมที่ไม่มีนํ้าตาล
เลือกบริโภคอาหารที่มีพลังงานตํ่า ไขมันตํ่า หวานน้อย ใยอาหารสูง
เลือกเมนูผ่านการปิ้ ง นึ่ง อบ ย่าง ต้ม ตุ๋น แกงไม่ใส่กะทิ
ลดการรับประทานอาหารกลุ่มพลังงานสูง
เลือกรับประทานกลุ่มเนื้อสัตว์ไขมันตํ่า คลอเลสเตอรอลตํ่า
ควบคุมพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน
หลีกเลี่ยง อาหารที่มีไขมันทรานซ์ เพิ่มไขมันเลว(LDL-chol)