Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด หมายถึง ภาวะที่ถุงน้ำคร่ำรั่วหรือแตกเองก่อนที่จะเข้…
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด หมายถึง ภาวะที่ถุงน้ำคร่ำรั่วหรือแตกเองก่อนที่จะเข้าสู่ระยะการเจ็บครรภ์คลอดที่แท้จริง Premature rupture of membranes = PROM :silhouette:
นิยามความหมาย :<3:
การรั่วหรือแตกของถุงน้ำคร่ำอาจแบ่งออกเป็นแตกเมื่ออายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ (preterm PROM หรือ PPROM)
-
พยาธิสภาพ :red_flag:
โดยปกติถุงน้ำคร่ำมี 2 ชั้น ประกอบด้วยชั้น chorion เป็นชั้นที่ติดกับทางมารดา และชั้น amnion เป็นชั้นที่ติดกับด้านลูก แม้ว่าชั้น amnion จะบางกว่าชั้น chorion แต่มีความทนต่อแรงดึงมากกว่า สำหรับสาเหตุของการแตกของถุงน้ำคร่ำเชื่อว่ามจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของคอลลาเจนภายในชั้นของถุงน้ำ ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อคอลลาเจน ได้แก่
1.การติดเชื้อ เช่นเชื้อภานในหนทางคลอด ได้แก่ Group B streptococci,chlamydia trachomatis,neiseria gonorrhoeeและbacterial vaginosisเชื้อเหล่านี้จะสร้างprostaglandin ในชั้นของถุงน้ำคร่ำ ทำให้มดลูกมีความไวต่อการเกิดprostaglandin มีการหดรัดตัวและเกิดถุงน้ำคร่ำแตกได้
2.ระดับฮอร์โมนโดยเฉพาะความเข้มข้นของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ลดลง ทำให้มีการปรับเปลี่ยนโรงสร้างของเนื้อเยื่อคอลลาเจน มีการเพิ่มสัดส่วนของสารประกอบ Hyaluronic acid ในเซลล์ทำให้เนื้อเยื่อคอลลาเจนบวมน้ำ พันธะที่เคยดึงเนื้อเยื่อเอาไว้เริ่มหลวมและขาดออกจากกันทำให้ปากมดลูกนุ่มและสุก ประกอบกับมีการสร้างprostaglandin เป็นผลให้ถุงน้ำอาจแตกได้
-
-
แนวทางการรักษา :!?:
- ในรายที่ไม่มีการติดเชื้อ พิจารณาให้การรักษาโดยคำนึงถึงอายุครรภ์ ดังนี้
อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ ให้การรักษาแบบประคับประคอง (conservative) โดยให้สตรีตั้งครรภ์นอนพักในโรงพยาบาล เฝ้าระวังการติดเชื้อโดยการตรวจเลือดหาส่วนประกอบของเลือด(Complete blood count=CBC)เพื่อดูความเข้มข้นของเลือด จำนวนเกล็ดเลือด รวมทั้งจำนวนเม็ดเลือดขาว ตรวจปัสสาวะเป็นระยะๆ วัดความดันโลหิต ชีพจร อุณหภูมิและฟังเสียงหัวใจของทารกทุก 4 ชั่วโมง งดการตรวจทางช่องคลอดเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ จนเมื่ออายุครรภ์ครบ 37 สัปดาห์ และไม่มีการติดเชื้อจึงจะกระตุ้นให้เกิดการคลอด
ถ้าอายุครรภ์ประมาณ 34 สัปดาห์ ในรายที่สงสัยว่าทารกในครรภ์มีอาจภาวะขาดออกซิเจน ควนนำน้ำคร่ำมาตรวจ(Amniocentesis) เพื่อประเมิณความสามารถในการทำหน้าที่ของปอด(lung maturity)ของทารกในครรภ์เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาให้การช่วยเหลือ
อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ขึ้นไปประมาณร้อยละ 80-90จะสามารถคลอดได้เองภายใน 24 ชม. แต่ถ้าไม่มีอาการเจ็บครรภ์ภายใน 24 ชม. ต้องให้ยากระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ ในกรณีที่ไม่มีข้อห้ามในการให้ออกซิโทซิน แต่ถ้ากระตุ้นไม่ได้ผลควรผ่าตัดนำเด็กออกทางหน้าท้อง
การให้คอร์ติโคสเตียรอยด์(corticosteroids) เช่น dexamethasonหรือ betamethasone จะให้ในสตรีที่มีถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์อยู่ระหว่าง 30-32 สัปดาห์ เพื่อช่วยเร่งพัฒนาการของปอดทารกและลดอุบัติการณ์ของภาวะขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์ซึ่งได้ผลดี เมื่อมีการคลอดหลังให้ยาไปแล้ว24 ชั่วโมง แต่รายงานส่วนใหญ่ไม่พบว่าสเตียรอยด์ สามารถลดอุบัติการณ์ภาวะขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์ได้ แต่ทำให้เกิดการติดเชื้อในสตรีตั้งครรภ์และทารกเพิ่มขึ้น
- ในรายที่มีการติดเชื้อ รักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเชียส กระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์และคลอดโดยไม่ต้องคำนึงถึงอายุครรภ์ โดยการใช้ออกซิโทซิน (oxytocin) หยดถ้าหลอดโลหิตดำ ไม่มีข้อห้ามในการคลอดทางช่องคลอดให้คลอดทางช่องคลอดได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อให้ oxytoxinแล้วยังไม่มือาการเจ็บครรภ์ และถุงน้ำคร่ำแตกหรือรั่วมานานมากกว่า 48 ชั่วโมง ควรผ่าตัดนำเด็กออกทางหน้าท้อง (cesarean section) เพื่อป้องกันอันตรายจากการติดเชื้อ ทั้งนี้เพราะการคลอดที่เกิดภายหลังถุงน้ำคร่ำรั่วหรือแตกนานเกิน 1 - 24 ชั่วโมงมีอัตราการติดเชื้อสูงควรพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ
การพยาบาล :star:
- การพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์
-
-
1.3. ประเมินอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อในโพรงมดลูกหรือในถุงน้ำคร่ำ การติดเชื้อในช่องคลอดหรือปากมดลูก การติดเชื้อในระบบทางเดินปีสสาวะ และส่งต่อแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและให้การรักษาต่อไป
-
-
- การพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด ได้แก่ การติดเชื้อ การคลอดก่อนกำหนด ภาวะสายสะดือพลัดต่ำ และภาวะ fetal distress
-
-
-
-
-
-
2.9. ในระยะคลอดให้การพยาบาลโดยยึดหลักปราศจากเชื้อ ในรายคลอดก่อนกำหนด แจ้งกุมารแพทย์ เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ในการช่วยคลอดให้พร้อมใช้
-
-
-
- ในกรณีที่น้ำคร่ำหยุดไหลและให้กลับบ้านให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่บ้าน ดังนี้
3.6. สังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ทันที เช่น มีน้ำคร่ำรั่วไหล น้ำคร่ำมีกลิ่นเหม็นมดลูกหดรัดตัวถี่ขึ้น ทารกดิ้นลดลง เป็นต้น
-
-
-
-
-
-
-
-
การวินิจฉัย :fire:
- การตรวจร่างกาย โดยใช้สเปคคูลัม (speculum examination) พบมีน้ำขังอยู่ที่บริเวณแอ่งหลังของ
ช่องคลอด (posterior fornix หรือ เมื่อกดบริเวณยอดมดลูกลงมาพร้อมกับให้ผู้คลอดเบ่ง หรือไอ (cough test) จะเห็นน้ำไหลออกจากปากมดลูก
-
- การซักประวัติ มีประวัติน้ำไหลออกจากช่องคลอดก่อนเข้าสู่ระยะคลอด ซึ่งต้องวินิจฉัยแยกจากน้ำปัสสาวะ
เกิดจากการอักเสบในช่องคลอดหรือน้ำปัสสาวะ :
- การทดสอบไนล์บลู (Nile's blue test) เป็นการตรวจดูเซลล์ไขมันของทารกในครรภ์
-