Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติด้านการรับรู้ ความคิด และด้านสติปัญญา - Coggle Diagram
ความผิดปกติด้านการรับรู้ ความคิด
และด้านสติปัญญา
ภาวะเพ้อ (Delirium)
สาเหตุมาจากโรคทางกายและอาการแสดงคล้ายกับโรคต่างๆในจิตเวช
อาการและอาการแสดง
มีอาการผิดปกติทั้งด้านความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน (acute)
อาการขึ้นๆลงๆ (fluctuation) ในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆลดลง
มีความผิดปกติของความสนใจหรือความตั้งใจ (attention) และความรู้สึกตัว (awareness)
ผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติของวงจรการหลับและตื่น (sleep-wake cycle) โดยง่วงตอนกลางวันและตื่นเวลากลางคืน
การรักษา
แก้ไขสาเหตุหรือปัจจัยส่งเสริมการเกิดอาการผิดปกต
ดูแลด้านกิจวัตรประจำวันทั่วไป บรรเทาความไม่สุขสบาย
ควรให้การดูแลอย่างใกล้ชิดขณะมีอาการเพ้อ
. มีการป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากผู้ป่วยอยู่ในภาวะสับสน มีอาการหูแว่ว ภาพหลอน
ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้มีความปลอดภัย
สอนและกระตุ้นให้ครอบครัวมีทักษะในการสื่อสารทางบวก
ให้ Lorazepam
Vitamin B complex
โรคจิตเภท (schizophrenia)
ปัจจัยเหตุ
cortical atrophy
สมองส่วน lateral ventricles และ third ventricles มีการขยายใหญ่กว่าปกติ
สารชีวเคมีในสมอง
Serotonin ---Serotonin สูง
Glutamate---Glutamate สูง
Noradrenaline ---พบสาร noradrenaline สูง
Dopamine---พบสาร dopamine สูง (เซลล์ประสาทถูกกระตุ้นมากเกินไป)
เซลล์สมองในส่วน temporal lobe ผิดปกติไป
พันธุกรรม
เครียด----ระดับ cortisol เพิ่มขึ้น
ความขัดแย้งเกิดขึ้นจากความคิดว่าจะทำตามที่ต้องการดีหรือไม่ดี ทำให้เกิด ภาวะลังเลไม่แน่ใจ
กลุ่มเศรษฐานะต่ำ หรืออยู่ในสภาพสังคมที่กดดัน (social causation)
ระยะเวลาการเกิดอาการ มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป
ต้องไม่ใช่ Schizoaffective Disorder และMood Disorders
มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป นาน 1 เดือน อย่างน้อย 1 อาการ
hallucinations
disorganized speech
grossly disorganized or catatonic behaviour
delusions
negative symptoms
ลักษณะอาการของโรคจิตเภท
อาการด้านบวก (positive symptom)
อาการประสาทหลอน (hallucination)
เห็นภาพหลอน
ได้ยินเสียงคนพูดเป็นเรื่องเป็นราว และขณะที่ได้ยินก็รู้ตัวตลอดเวลา
ได้กลิ่นแปลก ๆ
รู้สึกมีรสแปลกๆ เกิดขึ้น
รู้สึกเหมือนมีอะไร มาไต่ผิวหนัง รู้สึกคันผิวหนัง โดยที่ไม่มีสิ่งเร้าจริง
อาการหวาดระแวง (paranoid)
ไวต่อการรับรู้และจะแปลเจตนาผิด
ระแวงจะคอยมองบุคคลอื่นว่าไม่เป็นมิตรกับตน หรือจะมาคุกคาม มาทำร้ายตนตลอดเวลา
อาการหลงผิด (delusion)
หลงผิดคิดว่าคู่ครองนอกใจ หรือมีชู้
หลงผิดคิดว่ามีคนปองร้าย
-หลงผิดคิดว่ามีบุคคลอื่นมาหลงรัก
อาการผิดปกติด้านการพูด (disorganized speech)
พูดคำซ้ำ เลียนเสียง (echolalia)
พููดวกวนไม่เข้าเรื่อง ไม่เข้าประเด็น (circumstantiality) หรือพูดจาไม่ต่อเนื่องกัน พูดเรื่องหนึ่งไม่ทันจบก็เปลี่ยนเรื่องทันที
อาการด้านพฤติกรรม (disorganized behavior)
ขาดความสนใจตนเองและสิ่งรอบตัว ไม่อาบน้ำ ผมเผ้ารุงรัง แต่งกายสกปรก
กลางคืนไม่นอน เดินไปเดินมา หรือมีท่าทางแปลกๆ
อาการด้านลบ (negative symptom)
Alogia or poverty of speech (content of speech)
พูดน้อยหรือไม่พูดเลย
Affective flattening
เฉยเมย ไม่แสดงออกทางอารมณ์
Anhedonia-asociality
ไม่รู้สึกสนุกสนาน และเก็บตัว ไม่เข้าสังคม ไม่ค่อยแสดงออก
Avolition
ขาดแรงจูงใจ หรือเฉื่อยชาในการทำตามเป้าหมายต่างๆ
ผู้ป่วยจะมีสมาธิแย่ลง มีปัญหาเรื่องความจำ คิดเป็นเหตุเป็นผลไม่ได้ หรือความสามารถในการบริหารจัดการเสีย (executive function) ทักษะการแก้ปัญหาไม่ดี (poor problemsolving skills) การตัดสินใจไม่ดี (poor decision – making) และเรียนรู้สิ่งใหม่ได้น้อย
กระบวนการพยาบาล
การวางแผนการพยาบาล
กางตั้งเป้าหมายการพยาบาล
ผู้ป่วยสามารถมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น
. ผู้ป่วยรับรู้สภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับอาการหลงผิดประสาทหลอนและภาวะหวาดระแวง
ผู้ป่วยมีอาการหลงผิด ประสาทหลอนและภาวะหวาดระแวงลดลง
ผู้ป่วยปลอดภัยจากการถูกทำร้ายหรือทำร้ายบุคคลอื่น
.ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลและปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสมด้วยตนเอง
ผู้ป่วยมีการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะขาดสารอาหาร และสามารถรับประทานอาหารร่วมกับบุคคลอื่นได้
ตัวอย่างการวินิจฉัย
เสี่ยงต่อการถูกบุคคลอื่นทำร้าย เนื่องจากมีพฤติกรรมก้าวร้าวและไม่ไว้วางใจบุคคลอื่น
เสี่ยงต่อการทำร้ายบุคคลอื่น เนื่องจากไม่สามารถจัดการกับประสาทหลอนทางการได้ยิน
แบบแผนการนอนหลับเปลี่ยนแปลง เนื่องจากความคิดหวาดระแวงกลัวการถูกทำร้าย
มีความคิดอยู่ในโลกของจินตนาการ หรือความเพ้อฝัน เนื่องจากไม่สามารถยอมรับและปรับตัวกับ
ความเป็นจริงได้
การประเมินผล
การประเมินผลตามพฤติกรรม
ได้รับการตอบสนองทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมอย่างเหมาะสม
อาการผิดปกติต่างๆ ลดลง
ความคิดของผู้ป่วยกลับคืนสู่สภาพความเป็นจริง
อารมณ์เหมาะสมกับเหตุผลสอดคล้องตามความเป็นจริง
พฤติกรรมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมตามความเป็นจริง
สัมพันธภาพกับพยาบาลและบุคคลอื่นดีขึ้น
การประเมินผลตามปัญหา
การปฏิบัติการพยาบาลตามแผนที่วางไว้
การประเมินภาวะสุขภาพของผู้ป่วยในด้าน ต่างๆ
ภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
สมองทำหน้าที่ผิดปกติเกิดความเสื่อมถอยทำให้การทำงานด้านความจำ ความคิด การใช้เหตุผล การใช้ภาษา และการรับรู้สิ่งแวดล้อมผิดปกติ
สาเหตุ
เสื่อมของสมองโดยตรง
ดื่มสุรา หรือ ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดสารอาหาร สารอาหารบางชนิดโดยเฉพาะวิตามินซึ่งช่วยในการทำงานของเซลล์สมอง
อาการและอาการแสดง
การมุ่งจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่าง ต่อเนื่องลดลง
พูดคลุมเครือวกวนหรือพูดไม่ได้เลย
ไม่สามารถวางแผนการทำงาน ตัดสินใจ และติดตามงานให้สำเร็จตามแผนได้
มีปัญหาทั้งความจำระยะสั้นและระยะยาว ไม่สามารถระลึกได้ มีปัญหาด้านเข้าใจ และการ แยกแยะสิ่งของ
มีความผิดปกติในการประสานงานระหว่าง การรับรู้กับการเคลื่อนไหว
ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ มักไม่คำนึงถึง ความรู้สึกของผู้อื่น
อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายและรวดเร็ว เช่น เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวก็สงบนิ่ง
ความบกพร่องของการรู้คิด (cognitive disturbance)
agnosia (ไม่สามารถจำหรือรู้จักสิ่งต่างๆ แม้จะมีประสาทรับรู้ปกติ)
apraxia (บกพร่องในการประกอบกิจกรรมถึงแม้ความสามารถในการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อปกติ)
aphasia (ความผิดปกติด้านภาษา)
การรักษา
จัดสิ่งแวดล้อมให้มีการกระตุ้นความจำ ความสนใจ และความรู้สึกคุ้นเคย
กระตุ้นให้ผู้ป่วยปฏิบัติ กิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง และมอบหมายให้มีการดูแลตนเองอย่างง่ายให้ มีการชมเชยและให้กำลังใจ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาครบตามแผนการรักษา
จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ระลึกถึงความทรงจำดีๆในอดีต
จัดกิจกรรมส่งเสริมการทำงานของสมอง
ควรฝึกให้ผู้ป่วยมีการเข้านอนตรงเวลา และตื่นตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ
ดูแลให้ได้รับน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
แนะนำให้ครอบครัวและผู้ดูแลยอมรับอาการหลงลืมของผู้ป่วย ไม่กดดันผู้ป่วยจากการ สูญเสียความจำ
สื่อสารกับผู้ป่วยด้วยความอดทน ไม่ใช้เสียงดัง พูดสั้นๆทีละเรื่องด้วยประโยคเข้าใจง่าย และ ไม่ควรเร่งรัดคำตอบ
กลุ่มโรคดิสโซซิเอทีฟ (dissociative disorders)
อาการ
อาการด้านบวก(Positive symptom)
ขาดช่วงของบุคลิกลักษณะขาดความเป็นตัวตน รู้สึกแปลกแยกจากอารมณ์ หรือรู้สึกว่ากำลังดูหนังเกี่ยวกับตนเอง (Depersonalization หรือ Derealization)
อาการด้านลบ(Negative symptom)
จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ การสูญเสียความทรงจำที่สำคัญและเฉพาะจงที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลา หรือบุคคล หรือเหตุการณ์
Depersonalization/Derealization Disorder
ลักษณะอาการ Depersonalization Disorder
รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมการพูดหรือการเคลื่อนไหวของตนเองได้
รับรู้เกี่ยวกับร่างกาย แขน ขาของตนเองบิดเบือน
รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้สังเกตความคิด ความรู้สึก และร่างกายของตนเองจากภายนอก
รู้สึกมึนงงทั้งร่างกายและจิตใจ หรือมีการตอบสนองต่อโลกรอบตัวเอง
รู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองขาดอารมณ์
ลักษณะอาการ Derealization Disorder
ขาดความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับคนที่ตนเองใส่ใจ ราวกับตัวเองว่าถูกแยก/กันออกไป
มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวปรากฏขึ้นในลักษณะบิดเบือน เบลอ(ไม่ชัด) มีสีน้อย/ไม่มีสี
รู้สึกแปลกแยกหรือไม่คุ้นเคยกับสิ่งรอบตัว
รับรู้เวลาบิดเบือนจากความจริง
รับรู้ระยะทาง ขนาด และ รูปร่างของวัตถุบิดเบือนจากความจริง
Dissociative identity disorder
ลักษณะอาการ
รู้สึก เหมือนมีคนที่แตกต่างอยู่ภายในตัวเอง อ้างถึงตัวเองโดยใช้คำว่า “เรา”
มีการแสดงของพฤติกรรมเป็นคนอื่น มีการเขียน ลายมือที่แตกต่างกัน
ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากับตัวเอง
Dissociative Amnesia
ลักษณะอาการ
Selective Amnesia ระลึกเหตุการณ์ที่เจ็บปวดนั้นได้บางส่วนในช่วงเวลาหนึ่ง
Generalized Amnesia เป็นการลืมอย่างสมบูรณ์
Localized Amnesia ไม่สามารถระลึกถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงได้
การพยาบาล
ฟื้นฟูอวัยวะที่ paralysis การสูญเสียการพูด และการเดินลำบาก
SSRIs ,CBT,DBT
การให้การปรึกษา การบำบัดทางจิต
ความผิดปกติในเด็กที่พบบ่อย
Conduct disorders(CD)
อาการ
ทำลายทรัพย์สิน
หลอกลวง หรือลักขโมย
ก้าวร้าวและทำร้ายบุคคลอื่น หรือสัตว์
ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์อย่างร้ายแรง หรือหนีโรงเรียนก่อนอายุ 13 ปี
พฤติกรรมเกเร
การรักษา
พฤติกรรมบำบัด
ครอบครัวบำบัด
ควรฝึกให้ผู้ป่วยมีความชำนาญทางด้านวิชาชีพจะช่วยให้เพื่อนยอมรับผู้ป่วยดีขึ้น แล
Lithium: รักษาพฤติกรรมก้าวร้าว โดยเฉพาะ
Stimulants:รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคสมาธิสั้น
SSRls:รักษาผู้ป่วยที่มีอาการ lmpulsivity
Haloperidol:รักษาพฤติกรรมก้าวร้าว
Neurodevelopmental disorders
Autism Spectrum Disorder(ASD)
การรักษา
การกระตุ้นให้เด็กASDได้เข้ากลุ่มในเด็กวัยเดียวกัน การฝึกให้เด็กพูด การฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กASD โดยการ ใช้กิจกรรมต่างๆเช่นกิจกรรมเข้าจังหวะ ละคร บำบัด ดนตรี การออกกำลังกาย
ปัญหาในการเข้าสังคม เด็กไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบิดามารดาหรือคนอื่นไม่มีการยิ้มแย้มขณะเข้าสังคม ไม่มีการสบตา ไม่สามารถจำและแยกคนสำคัญในชีวิต
Attention Deficit/Hyperactivity Disorder(ADHD)
โรคคนสมาธิสั้น
ขาดสมาธิ อยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น
การรักษา
ใช้ Dextroamphetamine เด็กอายุมากกว่า3ปี
Methyphenidate ในเด็กอายุมากกว่า5 ปี
CBT ,จิตบำบัด, กิจกรรมบำบัด
Specific Learning Disorder(SLD)
การบกพร่องด้านการเรียน
อาการ
Dyslexia: เด็กจะมีความสามารถในการอ่านต่ำกว่าเด็กทั่วไปที่อยู่ในชั้นเดียวกัน
Dyscalculia: เด็กจะมีความสามารถในการคิดคำนวณ ต่ำกว่าเด็กทั่วไปที่อยู่ในชั้นเดียวกัน ไม่สามารถ (บวก ลบ คูณ หาร) หรือสูตรต่างๆได้
Dysgraphia: เด็กจะมีความสามารถในการเขียนต่ำกว่าเด็กทั่วไปในชั้นเดียวกัน สะกดคำผิด หรือเขียนผิดหลักไวยากรณ์
การรักษา
การให้การศึกษาพิเศษ ควรเริ่มตั้งแต่เข้าโรงเรียน การได้รับการศึกษาพิเศษช้าจะทำให้ไม่สามารถเรียนทันเด็กอื่น
ให้ความรู้แก่พ่อแม่และครูเกี่ยวกับลักษณะอาการและสาเหตุของโรค
จัดแผนการศึกษารายบุคคล(IEP) ให้เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
Motor disorders
การประสานงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ
กล้ามเนื้อกระตุก
พูดคำต่างๆซ้า
ดูดนิ้ว กัดเล็บ
Intellectual Disorders (ID)
IQ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 70
เกิดก่อ่น อายุ 18 ปี
ความสามารถปรับตัวบกพร่องเมื่อเทียบกับวัยใกล้เคียง
สติปัญญาบกพร่อง
การรักษา
กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด พฤติกรรมบำบัด การศึกษาพิเศษ จิตบำบัด จิตบำบัดกลุ่ม
อาการ
Mild ID สามารถประกอบการงานหรืออาชีพ และสามารถช่วยเหลือตนเองขั้นพื้นฐานได้ แต่เด็กกลุ่มนี้ ยังจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ เมื่อมีปัญหาบางประการ
Moderate ID มักมีปัญหาด้านสังคมและพฤติกรรมมาก แต่สามารถฝึกอาชีพที่ไม่ต้องอาศัยทักษะมากนักได้ และช่วยเหลือตนเองได้ ดำเนินชีวิตในสังคมได้โดยมีผู้ค่อยดูแล
Severe ID สามารถสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของรูปร่างหน้าตาได้อย่างชัดเจน มีพฤติกรรมทำร้ายตนเองและอาการคล้ายออทิสติกร่วมด้วย เด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีอายุขัยต่ำกว่าประชากรทั่วไป
Profound ID จะมีพัฒนาการทุกด้านล่าช้าอย่างชัดเจนตั้งแต่วัยทารก มักเป็นโรคทางกายที่ค่อนข้างรุนแรงร่วมด้วย
communication Disorder
มีปัญหาในเรื่องของภาษาและการสื่อสาร
Feeding and eating disorders
ความผิดปกติทางการรับประทานอาหาร
โรคคลั่งผอม (Anorexia nervosa)
ลักษณะ
ไม่มีการรับรู้น้ำหนักตัวหรือรูปร่างของตนเองผิดปกติ
กลัวน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือกลัวอ้วนอย่างมาก
จำกัดการบริโภคอาหารเมื่อเทียบกับความต้องการของร่างกาย
อาการ
ไม่พึ่งพอใจ ในรูปร่างและภาพลักษณ์ของตนเอง
แยกตัวหรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร
น้ำหนักลดลง อย่างเห็นได้ชัดผอมจนผิวหนังหุ้มกระดูก ผิวหนังแห้งเป็นแผ่นหรือเป็นจ้ำๆผมร่วง
โรคล้วงคอ (Bulimia Nervosa)
ลักษณะ
มีพฤติกรรมที่ชดเชยเพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักที่ไม่เหมาะสม
ทั้งพฤติกรรมการกินอาหารที่มากผิดปกติและพฤติกรรมชดเชยที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยอย่างน้อย 1ครั้งต่อสัปดาห์ในระยะเวลา 3เดือน
มีพฤติกรรมการกินอาหารที่มากผิดปกติ
มีการประเมินตนเองขึ้นอยู่กับเรื่องน้ำหนักตัวหรือรูปร่างเป็นอย่างมาก
ความผิดปกตินี้ไม่ได้เกิดเฉพาะช่วงที่เป็น Anorexia Nervosaเท่านั้น
อาการ
น้ำหนักเปลี่ยนแปลงขึ้นๆลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง
อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ซึมเศร้า การมีคุณค่าในตนเองขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก
มีพฤติกรรมการกินอย่างมากมาย และควบคุมตนเองไม่ได้ในระยะหนึ่ง หลังจากผู้ป่วยจะพยายามควบคุมน้ำหนักโดยการล้วงคอให้อาเจียน
การรักษา
ชั่งน้ำหนักปัจจุบัน
ดูแลผู้ป่วยให้ได้รับสารอาหาร และสารน้ำ อย่างเพียงพอ
ประเมินสภาพจิต ทำจิตบำบัดรายบุคคล ทำจิตบำบัดรายกลุ่มร่วมกับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติแบบเดียวกัน
วางแผนจัดโปรแกรมการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม