Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) - Coggle Diagram
ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
คือ โรคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อมของข้อเข่า โดยพบการทา้ลาย กระดูกอ่อนผิวข้อซึ่งเกิดขึ นอย่างช้า ๆ อย่างต่อเนื่องตามเวลาท่ีผ่านไป รวมถึงกระดูกบริเวณ ใกล้เคียง เช่น ขอบกระดูกในข้อ (subchondral bone) หนาตัวขึ น มีการ เปลี่ยนแปลงของน ้าไขข้อทา้ให้คุณสมบัติการหล่อลื่นลดลง
ลักษณะทางคลีนิกที่สำคัญ
ปวดข้อ ปวดตื้อ ๆ ทั่ว ๆ ไปบริเวณข้อ ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ชัดแเจน อาการปวดมักเป็นเรื้อรังและมากขึ้นเมื่อใช้งานนาน ๆ และอาการจะทุเลาเมื่อพักการใช้งาน
มีปุ่มกระดูกบริเวณข้อ
การทำงานของข้อเสียไป
หากขบวนการนี้ดำเนินการต่อไปจะมีผลทำให้ข้อผิดรูปและพิการในที่สุด
การเคลื่อนไหวของข้อลดลง
ข้อฝืด พบได้บ่อย มักเป็นตอนเช้าแต่มักไม่เกิน 30 นาที อาการฝืดอาจเกิดขึ้นชั่วคราวในช่วงแรกของการเคลื่อนไหวหลังจากพักเป็นเวลานาน เรียกว่า ปรากฏการณ์ข้อหนืด (gelling phenomnon)
การตรวจร่างกาย
น้ำหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลร่างกาย
ความดันโลหิต
ลักษณะการเดิน
ข้อบวมและข้อผิดรูป
กล้ามเนื้อเรียบ
จุดกดเจ็บ การหนาตัวของเยื่อบุข้อ
ปริมาณน้ำในข้อ กระดูกงอก
ลักษณะที่แสดงถึงการอักเสบ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน
เสียงดังกรอบแกรบในข้อเวลาเคลื่อนไหว (joint crepitation)
พิสัยการเคลื่อนไหว (range of motion)
ความมั่นคงแข็งแรงของข้อ (range of motion)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ส่งตรวจภาพถ่ายรังสีในท่ายืน
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ไม่มีความจำเป็น เว้นแต่กรณีที่ต้องการวินิจฉัยแยกโรค สงสัยว่าจะมีภาวะแทรกซ้อน หรือเป็นการตรวจประเมินก่อนผ่าตัด เช่น การตรวจน้ำไขข้อ ESR, CT-Scan, MRI เป็นต้น
เป้าหมายการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
ชะลอการดำเนินโรค
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันเกิดจากตัวโรคและการรักษาทัังในระยะ เฉียบพลันและเรื้อรัง
แก้ไข คงสภาพ หรือฟื้นฟูสภาพ การท้างานของข้อให้ปกติหรือ ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
รักษาและบรรเทาอาการปวด
ฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยและญาติมีความรู้เรื่องโรค การปฏิบัติตัว การรักษาโรค และภาวะแทรกซ้อน
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมโดยไม่ใช้ยา (NONPHARMOCOLOGIC MODALITIES)
การให้ความรู้
ควรให้ความรู้แก่ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และผู้ดูแลในประเด็นของ ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น อาชีพ อุบัติเหตุ หรือประวัติโรคข้อเสื่อมในครอบครัว
จัดตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการให้คำปรึกษาในประเด็นต่าง ๆ เช่น การเจ็บปวด การใช้ยา ผลข้างเคียง เป็นต้น
การลดน้ำหนัก
ผู้ป่วยที่มีดัชนีมวลกายเกิน 23 ควรลด น้ำหนักลงให้อยู่ในระดับใกล้เคียงมาตรฐาน หรือ อย่างน้อยร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักขณะที่มีอาการปวดข้อ
กายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด
ให้ค้าแนะน้าการบริหารกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อและเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อ
ประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจ้าวันพื้นฐานและการใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจ้าวัน
จัดหากายอุปกรณ์เสริม และเครื่องช่วยเดิน
ปรับเปลี่ยนการด้าเนินชีวิตประจ้าวันและสภาพแวดล้อม
การบริหาร (Therapeutic exercise)
รูปแบบและวิธีการบริหารต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล ขึ้นกับความรุนแรง ระยะของโรค โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี
เพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อรอบข้อ
เพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวและป้องกันการติดของข้อ
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมโดยใช้ยา (PHARMOCOLOGIC MODALITIES)
Acetaminophen
ข้อบ่งใช้
ลดอาการปวด
ขนาดยา
500 มล. ( 10-15 มม./กก./ครั้ง ) ทุก 6 ชั่วโมง วันละไม่เกิน 4 กรัม
ข้อควรระวังในการใช้ยา
ในผู้ป่วยที่มีโรคตับเรื้อรังหรือดื่มสุรา จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพิษต่อตับ
ไม่ควรใช้ยาในขนาดสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
ข้อห้าม
แพ้ยากลุ่มนี้
ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ชนิดไม่จำเพาะ ( Non-selective NSAIDs )
ข้อบ่งใช้
ลดอาการปวดของข้อ
ลดอาการอักเสบของข้อ
หลักในการใช้ยา
เริ่มขนาดต่ำที่สุดที่มีผลในการรักษา เมื่อไม่ได้ผลจึงพิจารณาเพิ่มขนาดของยา
เลือกใช้ยาเพียงชนิดเดียวในแต่ละครั้ง
ใช้ยาด้วยความระมัดระวังในกรณีต่อไปนี้
-ผู้ป่วยโรคตับควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะยาที่มี enter hepatic reciriu-lation (indomethacin) ยาที่เป็น prodrug (sulindac, nabumetone)
ผลข้างเคียงของยา (กลุ่ม NSAIDs)
ระบบทางเดินอาหารและตับ
ปวดจุกลิ้นปี่ ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียนแผลในกระเพาะอาหารและล้าไส้ส่วนต้น เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหารและล้าไส้ และล้าไส้อุดตันกระเพาะอาหาร ทะลุ
การทำงานของตับผิดปกติ ดีซ่าน ตับอักเสบ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
เนื้อไตอักเสบ กรวยไตตาย (papillary necrosis) มีการคั่งของน้ำและเกลือแร่ จากการทำงานของไตบกพร่อง
ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
มีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ ประจำเดือนมามาก หรือนานผิดปกติ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วหรือผิดจังหวะ เจ็บแน่นหน้าอก หัวใจวาย
การนำกระแสไฟฟ้าในหัวใจถูกปิดกั้น (Heart block)
เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดอุดตัน (cardiovascular risk)
ระบบประสาทส่วนกลาง
ปวดหัว มึนหัว เวียนหัว ซึมเศร้า กระสับกระส่าย หงุดหงิด สับสน นอนไม่หลับ
ระบบการได้ยินและการทรงตัว
มีเสียงดังในหู
ระบบโลหิตวิทยา
กดการทำงานของไขกระดูก ทำให้ซีด เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดไม่จับกลุ่ม เกล็ดเลือดต่ำ
ระบบทางเดินหายใจ
หอบหืด
ระบบผิวหนัง
ผื่นแพ้ยา คันตามผิวหนัง ไวต่อแสง (photosensitivity) โรค Porphyria utanea Tarda
ข้อควรระวังของการใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
ในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (established ischaemic heart disease),โรคหลอดเลือดสมอง (cerebrovascular disease[stroke]) และ peripheral arterial disease ห้ามใช้ยาในกลุ่ม COX-2 inhibitors ส่วนยา NSAIDs อื่น อาจใช้ได้ด้วยความระมัดระวัง •
ในผู้ป่วยที่เคยมีประวัติมีแผลหรือเลือดออกในระบบทางเดิน อาหาร ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหากจ้าเป็นต้องใช้ก็ควรจะใช้ ขนาดต่่ำสุด และระยะเวลาสั้นที่สุดเพื่อการรักษา
ผู้ป่วยที่มีอาการหอบหืด (asthma) ลมพิษ(urticaria) หรือมีอาการ แพ้ หลังจากได้รับยากลุ่มแอสไพรินหรือยากลุ่มต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
ไม่ควรใช้ยาในขนาดสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ มีภาวะการทำงานของไตบกพร่อง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หัวใจวายperipheral arterial disease โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (established ischaemic heartdisease) หรือโรคหลอดเลือดสมอง (cerebrovascular disease [stroke])
COX–2 inhibitors
ข้อบ่งใช้
ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินอาหารจากยากลุ่ม NSAIDs
ข้อห้ามใช้
Celecoxib และ Etoricoxib
ผู้ป่วยที่เคยมีประวัติแพ้ยา Celecoxibและ Etoricoxib- ผู้ป่วยที่เคย มีประวัติแพ้ยา Sulfonamide (เฉพาะใน Celecoxib)
ผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดสมอง และหลอดเลือดหัวใจตีบ (สำหรับการใช้ conventional NSAIDs ในผู้ป่วยเหล่านีจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง)
ขนาดและรูปแบบของยา
Celecoxib 200 มก./วัน ให้วันละครั้ง
Etoricoxib 60 มก./วัน ให้วันละครั้ง
ผลข้างเคียงของยากลุ่ม COX-2 inhibitors
อาการทั่วไป
บวมทั่วตัว หน้าบวม อ่อนเพลีย มีไข้ อาการคล้ายไข้หวัด ปกติพบได้น้อย เกิดประมาณ ร้อยละ 0.1-1.9
ระบบทางเดินอาหาร
ท้องผูก กลืนอาหารลำบาก หลอดอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ ล้าไส้อักเสบ gastroesophageal reflux ริดสีดวงทวาร hiatal hernia ถ่ายอุจจาระดำ ถ่ายอุจจาระลำบาก คลื่นไส้อาเจียน
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ความดันโลหิตสูง เจ็บหน้าอกจาก หัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด ใจสั่นหัว ใจเต้นผิดจังหวะ
ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
เนื องอกที่เต้านม ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาผิดปกติ เลือดออกจากช่องคลอดช่องคลอดอักเสบ
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ต่อมลูกหมากผิดปกติ
ระบบการได้ยินและการทรงตัว
หูหนวก ปวดหู มีเสียงผิดปกติในหู (tinnitus)
ตับและทางเดินน้ำดี
มีความผิดปกติในการทำงานของตับมีการเพิ่มของ AST (SGOT), ALT (SGPT)
ไต
มีโปรตีนในปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ นิ่วในไต ติดเชื้อ ทางเดินปัสสาวะ
กระดูกและกล้ามเนื้อ
ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ คอแข็งเกร็งเอ็นอักเสบ เยื่อบุข้ออักเสบ
ระบบทางเดินหายใจ
หลอดลมอักเสบ หลอดลมเกร็งตัว ไอหอบเหนื่อย กล่องเสียงอักเสบ ปอด อักเสบ
ผิวหนัง ผม เล็บ
ผมร่วง เล็บผิดปกติ ผิวหนังอักเสบ แพ้แสงแดด คัน ผื่น แดงนูน ผิวแห้ง เหงื่อออกมาก
ระบบโลหิต
จ้ำเลือด เลือดกำเดาไหล ซีด
ตา
มองไม่ชัด ต้อกระจก ต้อหิน เยื่อบุตาอักเสบ ปวดตา
การรับรส
รับรสเปลี่ยนไป
การฉีดสเตียรอยด์เข้าข้อ (INTRAARTICULAR STEROIDS)
ข้อบ่งใช้
• มีการอักเสบของข้อ หรือมีน้ำในข้อ
• ผู้ป่วยที่มีข้อห้ามในการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
• ใช้เสริมฤทธิ์ร่วมกับยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
ข้อห้าม
• ภาวะติดเชื้อในข้อหรือเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อ
• ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
• ข้อหลวมคลอน (unstable joint)
• กระดูกในข้อหัก (intraarticular fracture)
กระดูกรอบข้อบางหรือผุ (juxta-articular osteoporosis)
ไม่ตอบสนองต่อการฉีดสเตียรอยด์เข้าข้อ
ผลข้างเคียง
ติดเชื้อในข้อ
ข้อสึกกร่อนรุนแรง (Charcot’s liked arthropathy)
กระดูกขาดเลือด (osteonecrosis)
ข้ออักเสบจากผลึกสเตียรอยด์
การฉีดน้ำไขข้อเทียม (INTRAARTICULARHYALURONIC ACID INJECTION)
ข้อบ่งใช้
• ข้อเข่าเสื่อมปานกลาง (grade 2-3)
• ผู้ป่วยที่ยังคงมีอาการปวดข้อหลังจากได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยา และยาแก้ปวด
• มีข้อห้ามในการใช้ยา Non-selective NSAIDs และ COX-2 inhibitors
• ผู้ป่วยที่มีโรคร่วมและไม่สามารถรับการ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม
ข้อห้าม
• มีการติดเชื้อในข้อหรือบริเวณรอบข้อ
• มีประวัติแพ้โปรตีนจากสัตว์ปีก (เฉพาะยาที่สกัดจากหงอนไก่)
• ข้อเข่าเสื่อ