Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาทางระบบประสาท, นางสาวธมรวรรณ บุญนิ่ม เลขที่ 34…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาทางระบบประสาท
บทบาทของพยาบาลในการดูแลเด็ก
การรวมรวบข้อมูลภาวะสุขภาพ
การประเมินสัญญาณชีพ
การประเมินทางระบบประสาท
การตรวจพิเศษต่างๆ
การดูแลเด็กที่มีความผิดปกติทางระบบประสาท
การให้คำแนะนำบิดามารดา
ระดับความรู้สึกตัว
ระดับความรู้สึกตัวดี (full consciousness) ตื่นและรู้สึกตัวดี รับรู้ต่อเวลา บุคคล และสถานที่เป็นปกติ พฤติกรรมแสดงออกเหมาะสมกับวัยเด็ก
ความรู้สึกสบสัน (Confusion) มีความสบสันและมีความผิดปกติทางด้านการตัดสินใจ
การรับรู้ผิดปกติ (disorientation) ไม่รับรู้ต่อเวลา บุคคล และสถานที่ ระดับความรู้สึกตัวเริ่มลดลง
ระดับความรู้สึกง่วงงุน (drowsy) ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้เล่นน้อย งุนงง พูดช้า สับสน เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นจะสามารถตอบสนองได้ตามปกติ
ระดับความรู้สึก stupor ไม่รู้สึกตัว หลับลึก แต่ยังสามารถตอบสนองได้ถ้ามีสิ่งเร้ารุนแรงและกระตุ้นหลายๆครั้ง จะส่งเสียงครางเบาๆ
ระดับหมดสติ (coma) ไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ
ท่าทางของเด็กภาวะไม่รู้สึกตัว
Decorticate posturing เป็นท่านอนที่เด็กนอนหงาย งอแขนทั้ง 2 ข้าง เข้าหาตัว ในระดับไหล่ กำมือแน่นและงอข้อมือทั้ง 2 ข้าง ส่วนขาทั้ง 2 ข้าง เหยียดปลายเท้าออก และงอปลายเท้าเข้าหากันพบในเด็กหมดสติ ที่มีการทำลายของเนื้อสมองส่วน cerebral cortex อย่างรุนแรง
Decerebrate posturing เป็นท่านอนที่เด็กนอนหงาย แขนทั้ง 2 ข้างเกร็ง เหยียดออกและคว่ าแขนลงโดยบิดข้อมือออก
ด้านข้าง ขาทั้ง 2 ข้างเกร็ง เหยียดออกและแยกออกจากกัน พบในเด็กหมดสติที่สมองส่วน Midbrain ไม่สามารถท างานได้ตามปกติ
ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ (Reflexes)
ในช่วงหมดสติระดับลึก (deep coma) จะพบว่า reflexes ต่างๆ ของเด็กจะหายไป
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับการเคลื่อนไหวผิดปกติ
อาการสำคัญ คือ ชักเกร็ง ซึม ไม่ดูดนม
กรณีที่ 1 ไม่มีไข้ นึกถึง ความผิดปกติของสมองที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บ (Head Injury) เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor) โรคลมชัก (Epilepsy)
กรณีที่ 2 มีไข้ นึกถึง ความผิดปกติที่สมองทีเกิดจากการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง สมองและไขสันหลัง (Meningitis ;Encephalitis; Tetanus)
กรณีที่ 3 มีไข้สูง เกิน 38 °c อายุ ประมาณ 6 เดือน – 5 ปี ไม่มีการติดเชื้อของระบบประสาทนึกถึง Febrile convulsion
การตรวจกำลังกล้ามเนื้อ
ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือการหดตัวของกล้ามเนื้อเลย = 0
มีการหดตัวของกล้ามเนื อบ้างเล็กน้อย แขน ขา ขยับได้บ้างเล็กน้อย = 1
มีการหดตัวของกล้ามเนื้อมากกว่าระดับ 1 แต่ยกแขน หรือขาไม่ได้ = 2
กล้ามเนื้อมีแรงพอที่จะยกแขน ขา ได้โดยไม่ตก = 3
มีแรงยกแขน ขา ต้านแรงผู้ตรวจได้บ้าง = 4
-กล้ามเนื้อมีแรงปกติเหมือนคนทั่วไป = 5
ภาวะชักจากไข้สูง Febrile convulsion
ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อของระบบ ประสาทหรือความไม่สมดุลย์ของเกลือแร่
ปัจจัยเสี่ยงของการชักซ้ำ
อายุ
มีความผิดปกติของระบบประสาทก่อนมีอาการชัก
ประวัติการชักของสมาชิกในครอบครัว
ไข้ที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อ
สาเหตุ
การติดเชื อในระบบต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ระบบประสาท
อาการ
อุณหภูมิสูงกว่า 39 องศาเซลเซียส
เกิดขึ้นภายใน 24 ชม.แรกที่เริ่มมีไข้
มักเกิดในเด็กอายุ 3 เดือน ถึง 5 ปี พบมากช่วงอายุ 17 – 24 เดือน
ชนิดของอาการชักจากไข้สูง
Simple febrile seizure (primary febrile seizure)
มีไข้ร่วมกับชักในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี
การชักเป็นแบบทั้งตัว (generalized seizure)
ระยะเวลาการชักเกิดช่วงสั้นๆไม่เกิน 15 นาที
ไม่มีการชักซ้ำในการเจ็บป่วยครั้งเดียวกัน
ก่อน – หลัง ชักไม่มีอาการทางระบบประสาท
Complex febrile seizure
การชักเป็นแบบเฉพาะที่หรือทั้งตัว
ระยะเวลาการชักเกิดนานมากกว่า 15 นาที
เกิดการชักซ้ำในการเจ็บป่วยครั้งเดียวกัน
หลังชักจะมีความผิดปกติของระบบประสาท
มีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคลมชัก
การประเมินสภาพ
การซักประวัติ
ประเมินสภาพร่างกาย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจพิเศษอื่น ๆ
โรคลมชัก
อาการชักซ้ำๆ อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไป และอาการชักครั้งที่ 2 ต้องห่างกันมากกว่า 24 ชั่วโมงไม่ได้เกิดจากสาเหตุมีปัจจัยกระตุ้นเกิดเป็นครั้งคราวทันทีทันใดและรุนแรง
สาเหตุ
ทราบสาเหตุ
ติดเชื้อระบบประสาทส่วนกลาง ความผิดปกติของสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ความผิดปกติพัฒนาการทางสมอง สารพิษและยา
ไม่ทราบสาเหตุ
จากความผิดปกติของ Neurotransmission ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของยีน
กลุ่มที่หาสาเหตุไม่ได้
มีพยาธิสภาพภายในสมอง จัดอยู่ในกลุ่ม Symtomatic epilepsy
อาการและอาการแสดง
Preictal period ระยะก่อนอาการชัก
อาการนำ (Seizure prodromes) อาการบางอย่างที่นำมาก่อนมีอาการชัก นานหลายนาที ชั่วโมงก่อนชัก
อาการเตือน (Aura) ลักษณะอาการเตือนแตกต่างกันตามต าแหน่งของสมอง
Peri-ictal period
ระยะที่เกิดอาการชัก
มีระยะเวลาตั้งแต่วินาที-นาทีไม่นานเกินครึ่งชั่วโมง
เกิดขึ้นทันทีทันใด
เกิดในระยะเวลาสั้น ๆ
เกิดขึ้นเองแต่บางครั้งมีปัจจัยกระตุ้น
ส่วนใหญ่มีลักษณะเหมือนกันทุกครั้ง
Postictal peroid
ระยะเวลาเมื่อการชักสิ้นสุดลง ระยะนี้อาจเกิดนานหลายวินาทีถึงหลายวันก็ได้ ส่วนใหญ่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
Postical paralysis กล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่
Automatism การเคลื่อนไหวร่างกายไปโดยอัตโนมัติขณะชัก
Interictal peroid
ช่วงเวลาระหว่างการชัก เริ่มตั้งแต่ระยะเวลาหลังการชักหนึ่งสิ้นสุดลงไปจนถึงเริ่มเกิดชักครั้งใหม่ ไม่มีอาการแสดง
ชนิดของโรคลมชัก
อาการชักเฉพาะที่ (Partial / Focal seizure)
อาการชักเฉพาะที่แบบมีสติ ขณะชักผู้ป่วยรู้ตัวตลอดเวลา
อาการชักเฉพาะที่แบบขาดสติ ขณะชักจะสูญเสียการรับรู้สติ
อาการชักเฉพาะที่ตามด้วยอาการชักทั้งตัว อาการชักแกร็งกระตุกทั้งตัว
อาการชักทั้งตัว
อาการชักเหม่อ มีลักษณะเหม่อลอย ไม่รู้สึกตัวชั่วครู่
กลุ่มอาการชักเหม่อแบบตรง ไม่รู้สึกตัว
อาการชักเหม่อที่ไม่รู้ตัวหรือไรส้ติ
อาการชักเหม่อที่มีอาการกระตุกหรือสะดุ้งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
อาการชักเหม่อที่มีอาการตัวอ่อนร่วม
อาการชักเหม่อที่มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อ
อาการเกร็งกระตุก เกร็งกระตุกทั้งตัว ผู้ป่วยหมดสติ มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อ ไม่เกิน 30 วินาที
อาการชักกระตุก กระตุกเป็นจังหวะของอาการชัก
อาการชักเกร็ง เกร็งแข็ง จากกล้ามเนื้อมีความตึงตัวมากขึ้น เกิดนานประมาณ 2 – 10 วินาที
อาการชักตัวอ่อน เสียความตึงตัวของกล้ามเนื้ออย่างทันที
อาการชักสะดุ้ง สะดุ้ง มีการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงและรวดเร็วมาก
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การอักเสบเฉียบพลันของเยื่อหุ้มสมอง ชั้นในสุดและอแรคนอยด์ที่อยู่รอบๆ สมองและไขสันหลังและเยื่อหุ้ม สมองถูกทำลาย
เชื้อแบคทีเรีย
Haemophilus influenzae
ก่อให้เกิดโรคในเด็กอายุ ระหว่าง 2 เดือน ถึง 7 ปี จะเข้าทางหูชั้นกลางอักเสบ
Neisseria meningitidis
พบได้ทั้งในเด็กและวัยรุ่นติดต่อทางเดินหายใจ น้ำมูก น้ำลาย
Streptococcus peumoniae
อาการและอาการแสดง
มีอาการไข้สูง
หนาวสั่น
ปวดศีรษะรุนแรง ปวดข้อ
ชักและซึมลงจนหมดสติ
ตรวจพบ Kernig sign และ Brudzinski sign ให้ผลบวก
ตรวจพบผื่นแดงที่ผิวหนัง จุดเลือดออก
Neutrophilถึง ร้อยละ 85- 95 ใน CSFประมาณ 1,000-100,000 เซลล์/คิวบิคมิลลิเมตร
การประเมินสภาพ
การตรวจน้ำไขสันหลัง
CSF
ค่าปกติของน้้ำไขสันหลัง ปกติจะไม่มีสี
ความดันระหว่าง 75 – 180 มม.น้ำ(5 – 15 มม.ปรอท)
ไม่มีเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว
โปรตีน 15 – 45 mg / 100 ml (1% ของ serum protein)
กลูโคส 50 – 75 mg / 100 ml
คลอไรด์ 700 – 750 mg / 100 ml
Culture & Latex agglutination
ชนิดของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เฉียบพลันจากแบคทีเรีย
กลูโคส ต่ำ
โปรตีน สูง
เซลล์พีเอ็มเอ็น, มัก > 300/mm³
เฉียบพลันจากไวรัส
กลูโคส ปกติ
โปรตีน ปกติหรือสูง
เซลล์ โมโนนิวเคลียร์, < 300/mm³
วัณโรค
กลูโคส ต่ำ
โปรตีน สูง
โมโนนิวเคลียร์และ พีเอ็ม เอ็น, < 300/mm³
โรคไข้กาฬหลังแอ่น
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria meningitides เป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ รูปร่างกลมคล้ายเมล็ดถั่ว เรียงตัวกันอยู่เป็นคู่ๆ โดยหันด้านเรียบเข้าหากัน
การเก็บและส่งตัวอย่างตรวจ
ข้อบ่งชี้การตรวจ
meningitis
น้ำไขสันหลัง
เลือด
น้ำจากผิวหนังที่เป็นผื่นเลือด
Nasopharyngea 1 swab
meningitiococcemia
เลือด
น้ำจากผิวหนังที่เป็นผื่นเลือด
Nasopharyngea 1 swab
การตรวจวิเคราะห์ยืนยันเชื้อ
วิธีทางชีวเคมี และวิธี PCR
วิธีตรวจหาค่า MIC
วิธี seminested-PCR
วิธีการติดต่อ
คนไปสู่คน โดยเชื้อจะออกมาทางละอองน้ำมูก น้ำลาย
ผ่านระบบทางเดิน หายใจ เชื้อนี้ทำให้เกิดโรคได้ 3 แบบ
แบบไม่มีอาการหรืออาการน้อย
แบบเชื้อแพร่เข้ากระแสเลือดหรือเลือดเป็นพิษ
แบบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
อาการและอาการแสดง
ไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง อาจมีผื่นแดง จ้ำเลือด ขึ้นตามผิวหนังร่วม อาจเกิดภาวะช็อกอย่าง รวดเร็ว
Meningococcemia
Acute Meningococcemia
อาการเกิดอย่างฉับพลัน
อาการปวดศีรษะ เจ็บ คอและไอ เป็นอาการนำ
ไข้สูง หนาวสั่น ปวดตามข้อและตาม กล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่ขาและหลัง
Chronic Meningococcemia
มักมีไข้ ผื่นตามผิวหนัง อาจเป็น ผื่นแดงจ้ำ ปวดและเจ็บข้ออยู่เป็นเดือน ไข้จะเป็นๆ หายๆ
พบได้น้อย
Fulminant Meningococcemia
ช็อคถึงเสียชีวิตได้ ส่วนมากเริ่มมี อาการไข้สูงทันทีอ่อนเพลียมาก แล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
มักจะไม่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เพราะเป็นระยะสั้นๆ แล้ว เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
Meningitis
อาการไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง ซึมและสับสน อาการจะแย่ ลงอย่างรวด
การระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะมีจ้ำเลือดออกตามผิวหนัง
การรักษา
Glucocorticoid therapy ก่อนการให้ยาปฏิชีวนะ 15 นาที
ยาปฏิชีวนะ
การรักษาแบบประคับประคองและตามอาการอื่นๆ
การป้องกันผู้สัมผัสโรค บุคคลที่อยู่ร่วมกับผู้ป่วยในบ้านเดียวกัน ต้องได้รับยาป้องกันได้แก่ Rifampicin หรือ ceftriaxone หรือ ciprofloxacin
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับความดันในสมองสูง
ภาวะน้้าคั่งในกะโหลกศีรษะ (Hydrocephalus)
อาการ
ศีรษะโตแต่กำเนิด
กระหม่อมหน้าโป่ง
ศีรษะโตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับทรวงอก (OF circumference > C circumference
ปวดศีรษะ ซึม ไม่ดูดนม อาเจียนพุ่ง
Congenital Hydrocephalus ความผิดปกติในการสร้างน้ำไขสันหลัง
Obstructive Hydrocephalus ความผิดปกติในการอุดกั้นทางเดินน้ำไขสันหลัง
Communicate Hydrocephalus ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสัน หลัง post meningitis
อาการแสดงทางคลินิก
หัวบาตร(Cranium enlargement)
หัวโตกว่าปกติเมื่อเทียบกับGrowth curve ปกติ
รอยต่อกะโหลกศีรษะแยกออกจากกัน
รอยเปิดกะโหลกโป่งตึง
หนังศีรษะบางและเห็นเส้นเลือดดำ
เสียงเคาะกะโหลกเหมือนหม้อแตก
ปวดศีรษะ , ตามัว , อาเจียน
ตากลอกลงล่าง กลอกขึ้นบนไม่ได้
ตาเขเข้าในมองไปด้านข้างไม่ได้เนื่องจากCN 6TH Palsy มองเห็นภาพ ซ้อน
รีเฟลกซ์ไวเกิน
การหายใจผิดปกติ
การพัฒนาการช้ากว่าปกติ
สติปัญญาต่ำกว่าปกติ,ปัญญาอ่อน
เด็กเลี้ยงยากไม่รับประทานอาหาร
การรักษา
.การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองออกนอกร่างกาย
การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองสู่ช่องในร่างกาย
โพรงสมองลงช่องท้อง
โพรงสมองลงช่องหัวใจ
โพรงสมองลงช่องปอด
โพรงสมองลงช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง
โพรงสมองทารกในครรภ์ลงถุงน้ำคร่ำ
สายระบายน้ำในโพรงสมอง(CSF Shunt)
สายระบายจากโพรงสมอง
วาล์ว(Valve)และส่วนที่เก็บน้ำหล่อสมอง
สายระบายลงช่องท้อง
โรคแทรกซ้อน
การทำงานผิดปกติของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
การติดเชื้อของสายระบายน้ำในโพรงสมอง
การอุดตันสายระบายน้ำในโพรงสมอง
ภาวะระบายน้ำในโพรงสมองมากเกิน
ภาวะโพรงสมองตีบแคบ
ภาวะเลือดออกในศีรษะ เกิดเลือดออกในโพรงสมอง
ไตอักเสบ
การรักษาIICP
รักษาเฉพาะ : รักษาสาเหตุที่ท าใหเ้กิด IICP เช่น เนื้องอก การอุดกั้น ทางเดินน้ำไขสันหลัง
การรักษาเบื้องต้น กรณีมีIICPสูงอย่างเฉียบพลัน
การจัดท่านอนนอนราบศรีษะสูง 15 – 30 องศา
แพทย์จะรักษาโดยการใส่ท่อหลอดลมคอและช่วยหายใจ เพื่อลดความดัน PaCO2 ในหลอดเลือดแดงให้อยู่ระหว่าง 30 – 35 mmHg
การให้ยาขับปัสสาวะ (Diuretic) ทางหลอดเลือดดำ
การรักษาความผิดปกติที่เกิดต่อเนื่องจากพยาธิสภาพเดิมหรือที่เกิดร่วม
ภาวะไม่รู้ตัวร่วมกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาการสำคัญ
มีก้อนที่หลัง หรือที่หน้าผาก ขาอ่อน แรงทั้งสองข้าง ปัสสาวะ อุจจาระ ตลอดเวลา
ไข้ร่วมกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีประวัติ ไม่ได้รับวัคซีน ไม่มีประวัติการคลอดในรพ. เป็นชนต่างด้าว
Spina bifida
เป็นความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง มีถุงยื่นผ่านจากกระดูกไขสันหลัง ออกมาตามตำแหน่งที่บกพร่องนั้น พบบ่อยที่สุดที่บริเวณ lumbosacrum
แบ่งเป็น 2 ชนิด
Spina bifida occulta เกิดเป็นช่องโหว่ระหว่างแนวกระดูกสันหลัง เกิดบริเวณ L5 หรือ S1 ไขสันหลังและเยื่อหุ้มสมองยังอยู่ในกระดูกสันหลัง
Spina bifida cystica ผิดปกติของการปิดของส่วนโค้งกระดูกสันหลัง ทำให้มีการยื่นของไขสันหลังเป็น ถุงหรือก้อน มี 2 ชนิด
Meningocele
Myelomeningocele
การวินิฉัย
การซักประวัติ : มารดาไม่ได้รับกรดโฟลิคขณะตั้งครรภ์ , ได้ยากันชัก ประเภท Valporic acid
การตรวจร่างกาย : แขนขาอ่อนแรง พบก้อนหรือถุงตามแนวกระดูก สันหลัง
การตรวจพิเศษ
การรักษา
ไม่จำเป็นต้องรักษาแต่ชนิด Cystica ต้อง ผ่าตัดภายใน 24 – 48 ชั่วโมงภายหลังเกิด เพื่อลดการติดเชื้อ
พัฒนาการอาจ เป็นไปตามวัย หรือเป็นอัมพาตครึ่งลา่ง มักท า V P Shunt ภายหลัง ทารกมักต้องผ่าตัดหลายครั้ง
การป้องกัน
ให้กรดโฟลิคแก่หญิงตั้งครรภ์จะช่วยลดการเกิดโรคได้
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับสติปัญญาบ่งพร่อง
อาการสำคัญ
ไม่รู้สึกตัว เกร็งเมื่อกระตุ้น หายใจไม่มีประสิทธิภาพ การดูดกลืนบกพร่อง เลี้ยงไม่โต ข้อ ติดแข็ง พัฒนาการล่าช้า
มีประวัติ สมองขาดออกซิเจน
สมองพิการ
ทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว การทรงตัว
กล้ามเนื้อหดเกร็ง (Splastic)
Splastic quadriplegia มีความผิดปกติกล้ามเนื้อแขนขา ทั้ง 2 ข้าง คอและลำตัวอ่อนผิดปกติ ศีรษะเล็ก น้ำลายไหล
Splastic diplegia มีความผิดปกติกล้ามเนื้อแขนขาทั้ง 2 ข้างขาเป็นมากกว่าแขน
Splastic hemiplegia ผิดปกติที่แขนขาซีกใดซีกหนึ่ง
Extrapyramidol cerebral palsy (athetoidsis) เคลื่อนไหวผิดปกติตลอดเวลาขณะตื่น
Ataxia cerebral palsy มีเดินเซ ล้มง่าย กล้ามเนื้อตึงตัว น้อย ทรงตัวได้ไม่ดี สติปัญญาปกติ
Mixed type หลายอย่างร่วมกัน
อาการและอาการแสดง
มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการช้า โดยเฉพาะด้านการเคลื่อนไหว การทรงตัวผิดปกติ
ปัญญาอ่อน
อาการอื่นๆ ร่วม
การประเมินสภาพ
ซักประวัติ : มารดามีการติดเชื้อขณะคลอด
ประเมินร่างกาย : เส้นรอบศีรษะไม่เพิ่มขึ้น ท่าทางการเคลื่อนไหวผิดปกติ พัฒนาการไม่เป็นไปตามวัย
เป้าหมายการพยาบาลเด็กที่ไม่รู้สึกตัว
ทำระทางเดินระบบหายใจโล่ง
จัดท่านอนของเด็กให้เหมาะสมโดยให้นอนตะแคงข้างเพื่อป้องกันการสำลัก
ดูแลไม่ให้มีอาหาร หรือเศษอาหารอยู่ในช่องปากเพราะเด็กอาจสำลักได้
ดูดเสมหะให้เด็กเป็นระยะๆ
เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือให้พร้อมหากมีปัญหาเกี่ยวกับการอุด กั้นทางเดินหายใจ จะได้ให้การช่วยเหลือได้ทันที
แรงดันภายในสมองต้องไม่เพิ่มขึ้น
จัดให้เด็กนอนศีรษะสูง ประมาณ 15 – 30 องศา
หลีกเลี่ยงท่านอนหรือกิจกรรม ที่จะท าให้แรงดันภายใน สมองเพิ่ม
จัดท่านอนให้ข้อสะโพกงอไม่เกิน 90 องศา
ป้องกันไม่ให้ท้องผูก
ถ้าพบว่า เด็กแสดงอาการเจ็บปวด พยาบาลควรดูแลให้ยา แก้ปวดตามแผนการรักษา
วางแผนการพยาบาล โดยให้มีการรบกวนเด็กให้น้อยที่สุด
ติดตามอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าเด็กมีการเปลี่ยนแปลงของแรงดัน ภายในสมอง
ได้รับการดูแลขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ
ด้านอาหาร
ดูแลให้เด็กได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน
ดูแลให้เด็กได้รับอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
บันทึกปริมาณน้ำดื่มและปัสสาวะทุกวัน
ควรชั่งน้ำหนักทุกวันหรือตามแผนการรักษา
ด้านการขับถ่าย
ดูแลให้เด็กได้รับน้ำอย่างเพียงพอและสอดคล้องกับแผนการรักษา
ประเมินบริเวณหน้าท้องเพื่อตรวจสอบว่ากระเพาะปัสสาวะตึงหรือไม่
ดูแลให้ยาระบาย เพื่อป้องกันอาการท้องผูกตามแผนการรักษา
ด้านความสะอาด
ดูแลความสะอาดของปาก ฟัน ผิวหนัง และเล็บ อย่างสม่่ำเสมอ
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเคลื่อนไหวไม่ได้
หมั่นพลิกตะแคงตัวเด็กทุก 2 ชั่วโมง
ดูแลไม่ให้ผู้ที่มีอาการติดเชื้อทางระบบหายใจ เข้าไปใกล้ชิดเด็ก
ก่อนและหลังสัมผัสเด็กควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
นางสาวธมรวรรณ บุญนิ่ม เลขที่ 34 ห้องA
รหัสนักศึกษา 613601035