Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท, น.ส.ธัญญลักษณ์ พรมีสุข เลขที่ 36 …
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท
ระดับของความรู้สึกตัว (Hockenberry, 2005)
ระดับความรู้สึกตัวดี (full consciousness) ผู้ป่วยจะตื่นและรู้สึกตัวดี การรับรู้เวลา บุคคล สถานที่ แสดงออกเหมาะสมกับวัยของเด็ก
ความรู้สึกสับสน (confusion) ผู้ป่วยจะสับสนและมีความผิดปกติเกี่ยวกับการตัดสินใจ
การรับรู้ผิดปกติ (disorientation) ผู้ป่วยไม่รับรู้เวลา บุคคล และสถานที่ ระดับความรู้สึกตัวเริ่มลดลง
ระดับความรู้สึกง่วงงุน (lethargy / drowsy) ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย มีอาการง่วงงุน พูดช้า และสับสน เมื่อกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าหรือปลุกผู้ป่วยจะสามารถโต้ตอบได้ตามปกติ แต่ถ้ากระตุ้นด้วยสิ่งเร้าแล้วไม่สามารถโต้ตอบได้ เรียกว่า obtundation
ระดับความรู้สึก ไม่รู้สึกตัว (stupor) ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว หลับลึก แต่ยังตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่รุนแรงและกระตุ้นซ้ำๆกันหลายครั้ง เช่น การเคลื่อนไหว หรือ การส่งเสียงครางเบาๆ โดยการตอบสนองที่เกิดขึ้น ค่อนข้างช้า
ระดับหมดสติ (coma) ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถตอบสนองทั้งด้านการเคลื่อนไหวหรือ ทางวาจา ต่อสิ่งกระตุ้น ต่างๆ
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง
Spina Bifida
การวินิจฉัย
1.การซักประวัติ : มารดาไม่ได้รับกรดโฟลิคขณะตั้งครรภ์ , ได้ยากันชัก ประเภท Valporic acid
2.การตรวจร่างกาย : แขนขาอ่อนแรง พบก้อนหรือถุงตามแนวกระดูกสันหลัง
3.การตรวจพิเศษ : การตรวจระดับ alpha fetoprotein ขณะตั้งครรภ์ผิดปกติ
การรักษา
ชนิด Cystica ต้อง ผ่าตัดภายใน 24 – 48 ชม. ภายหลังเกิด เพื่อลดการติดเชื้อ หลังผ่าตัดความผิดปกติขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคอาจเป็นไปตามวัยหรือเป็นอัมพาตครึ่งลา่ง
ชนิด
Spina bifida occulta : ผิดปกติกระดูกสันหลังส่วน Vetebral arches ไม่รวมตัวกัน เกิดเป็นช่องโหว่ระหว่างแนวกระดูกสันหลัง เกิดบริเวณ L5 หรือ S1
Spina bifida cystica : ผิดปกติของการปิดของส่วนโค้งกระดูกสันหลัง ทำให้เห็นเป็นถุงหรือก้อน
2.1 Meningocele : ก้อนหรือถุงน้ำ ไขสันหลังอยู่ตำแหน่งปกติ ไม่เกิดอัมพาต
2.2 Myelomeningocele หรือ Meningomyelocele : กระดูกสันหลังผิดปกติ มีก้อนยื่นออกมา พบบ่อย อันตรายและเกิดความพิการ ความรุนแรง พบระบบการขับถ่ายผิดปกติ เท้าปุก การหดรั้งของข้อ สมองบวมน้ำ
อาการสำคัญ มีก้อนที่หลังหรือที่หน้าผาก ขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง ปัสสาวะ อุจจาระตลอดเวลา
การป้องกัน
ให้กรดโฟลิคแก่หญิงตั้งครรภ์จะช่วยลดการเกิดโรคได้
เป็นความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง มีถุงยื่นผ่านจากกระดูกไขสันหลัง ออกมาตามตำแหน่งที่บกพร่องนั้น
พบบ่อยที่สุดที่บริเวณ lumbosacrum
โรคไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Meningitis)
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria meningitides เป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ รูปร่างกลมคล้ายเมล็ดถั่ว
อาการ
ไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง อาจมีผื่นแดง จ้ำเลือด (pink macules) ขึ้นตามผิวหนังร่วมด้วย และอาจเกิดภาวะช็อกอย่างรวดเร็ว
Meningococcemia
Acute Meningococcemia
อาการเกิดอย่างฉับพลัน มีอาการปวดศีรษะ เจ็บ คอและไอ เป็นอาการนำตามด้วยไข้สูง หนาวสั่น ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่ขาและหลัง อาจมาด้วยไข้และมีผื่นแดงจ้ำขึ้นตามตัว ใน 2-3 วันต่อมา จะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำจนเป็นสะเก็ดสีดำ บางทีเป็นตุ่มน้ำ มีจุดแดงอยู่ตรงกลาง ส่วนใหญ่จะมีผื่นหลังไข้ขึ้น 24-48 ชม.
◦
Chronic Meningococcemia
พบได้น้อย มักมีไข้ ผื่นตามผิวหนัง อาจเป็น ผื่นแดงจ้ำ ปวดและเจ็บข้ออยู่เป็นเดือน ไข้จะเป็นๆ หายๆ
◦
Fulminant Meningococcemia
เป็นอย่างรุนแรง ระบบไหลเวียนโลหิตไม่ทำงาน อาจช็อคถึงเสียชีวิตได้ ส่วนมากเริ่มมีอาการไข้สูงทันที อ่อนเพลียมาก แล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีหลอดเลือดตีบทั่วร่างกาย มักจะไม่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เพราะเป็นระยะสั้นๆ
Meningitis
มีไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง ซึมและสับสน อาการจะแย่ลงอย่างรวด อาจพบอาการที่แสดงถึงการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะมีจ้ำเลอืดออกตามผิวหนัง
การติดต่อ
เชื้อนี้ติดต่อจากคนไปสู่คน โดยเชื้อจะออกมาทางละอองน้ำมูก น้ำลาย (droplet) จากปากหรือจมูกของผู้ที่เป็นพาหะ (ผู้ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ) หรือผู้ป่วย โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 2-10 วัน (เฉลี่ย 3-4 วัน)
การรักษา
Glucocorticoid therapy ก่อนการให้ยาปฏิชีวนะ 15 นาที - ยาปฏิชีวนะ เช่น Ceftriaxone /PGS/Chloramphenicol - การรักษาแบบประคบัประคองและตามอาการอื่นๆ
การป้องกันผู้สัมผัสโรค
บุคคลที่อยู่ร่วมกับผู้ป่วยในบ้านเดียวกัน และผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ต้องได้รับยาป้องกัน ได้แก่ Rifampicin หรือ ceftriaxone หรือ ciprofloxacin
การควบคุมป้องกันโรค
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับละอองน้ำมูก น้ำลายจากปากหรือจมูกของผู้ป่วย ไม่ควรเข้าไปอยู่ในที่แออัด ผู้คนหนาแน่น อากาศถ่ายเทไม่สะดวกเป็นเวลานาน
แนะนำให้ฉีดในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่อยู่หรือเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดการระบาด พิธีฮัจย์ กลุ่มทหาร และกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ
สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ที่จะเดินทางไปในที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ และอยู่ในพื้นที่เป็นนาน ควรการฉีดวัคซีน
การป้องกันสำหรับผู้สัมผัสโรค รีบให้ยาฆ่าเชื้อแก่ผู้สัมผัสที่ใกล้ชิดทันที โดยใช้ยาที่ไวต่อเชื้อ เช่น rifampicin
การรักษายา penicillin และ chloramphenical มีประสิทธิผลดีต่อการรักษาโรค
ภาวะชักจากไข้สูง (Febrile convulsion)
ปัจจัยเสี่ยง
1.อายุ โดยเฉพาะเด็กที่มีอาการชักครั้งแรกในช่วงอายุก่อน 1 ปี
2.มีความผิดปกติของระบบประสาทก่อนมีอาการชัก
3.ประวัติการชักของสมาชิกในครอบครัว
4.ไข้ที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อ
สาเหตุ
การติดเชื้อในระบบต่างๆ ที่ไม่ใช่ระบบประสาท เช่น ติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร , ทางเดินปัสสาวะ , ทางเดินหายใจ
อาการ
เด็กจะมีอาการชักเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 39 c อาการชัก เกิดขึ้นภายใน 24 ชม.แรกที่เริ่มมีไข้ มักเกิดในเด็กอายุ 3 เดือน - 5 ปี พบมากช่วงอายุ 17 – 24 เดือน
ชนิด
Simple febrile seizure (primary febrile seizure)
มีไข้ร่วมกับชักในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี
การชักเป็นแบบทั้งตัว (generalized seizure)
ระยะเวลาการชักเกิดช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 15 นาที
ไม่มีการชักซ้ำในการเจ็บป่วยครั้งเดียวกัน
ก่อน – หลัง ชักไม่มีอาการทางระบบประสาท
Complex febrile seizure
การชักเป็นแบบเฉพาะที่หรือทั้งตัว (Local or Generalized seizure)
ระยะเวลาการชักเกิดนานมากกวา่ 15 นาที
เกิดการชักซ้ำในการเจ็บป่วยครั้งเดียวกัน
หลังชักจะมีความผิดปกติของระบบประสาท เด็กที่ชักชนิด complex มีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคลมชัก แพทย์ จะให้ยาป้องกันการชัก เช่น Phenobarbital หรือ Valproic acid
การประเมินสภาพ
การซักประวัติ
ไข้ , การติดเชื อ , ประวัติครอบครัว , การได้รับวัคซีน , โรประจำตัว, ประวัติการชัก , ระยะเวลาของการชัก เป็นต้น 2. ประเมินสภาพร่างกาย การตรวจร่างกาย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ 4. การตรวจพิเศษอื่น ๆ
ความไม่รู้สึกตัว
เป็นภาวะการทำงานของสมองที่ไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า แม้ว่าสิ่งเร้านั้นจะรุนแรงหรือก่อให้เกิดความเจ็บปวดก็ตาม
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
อาการ
มีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะรุนแรง ปวดข้อ ชักและซึมลงจนหมดสติ มีอาการคอแข็ง ตรวจพบ Kernig sign และ Brudzinski sign ให้ผลบวก รีเฟล็กซ์ลึกไวเกิน มีอาการที่แสดงว่าเส้นประสาทสมองถูกรบกวนหรือทำลาย (คู่ที่ 3, 4, 5, 6, 7, 8) ตรวจ Babinski ได้ผลบวก
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย 3 ตัว คือ Haemophilus influenzae, Neisseria meningitidis, Streptococcus peumoniae
มักจะเกิดในช่วงหน้าหนาว พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เชื้อ H.influenzae มักก่อให้เกิดโรค
การอักเสบเฉียบพลันของเยื่อหุ้มสมองชั้นในสุดและอแรคนอยด์ที่อยู่รอบๆ สมองและไขสันหลังและเยื่อหุ้มสมองถูกทำลาย ส่วนมากพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
การตรวจน้ำไขสันหลัง (CSF)
ค่าปกติ ปกติจะไม่มีสี ความดันระหว่าง 75 – 180 mmH2O (5 – 15 mmHg) ไม่มีเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว โปรตีน 15 – 45 mg / 100 ml (1% ของ serum protein) กลูโคส 50 – 75 mg / 100 ml คลอไรด์ 700 – 750 mg / 100 ml Culture & Latex agglutination
การประเมิณสภาพ
meningeal irritation sign
โรคลมชัก (Epilepsy)
อาการ
ระยะก่อนอาการชัก (Preictal period)
อาการเตือน (Aura) อาจมีอาการปวด ชา เห็นภาพหลอน
อาการนำ (Seizure prodromes)
ระยะที่เกิดอาการชัก
(Ictal event / Peri-ictal period)
ระยะเวลาเมื่อการชักสิ้นสุดลง (Postictal peroid)
1.Postical paralysis /Todd’s paralysis กล้ามเนื้อ อ่อนแรงเฉพาะที่ 2.Automatism การเคลื่อนไหวร่างกายไปโดยอัตโนมัติขณะชัก เช่น เคี้ยวปาก กระพริบตาถี่ๆ ตีมือคว่ำหงายสลับกัน
ช่วงเวลาระหว่างการชัก (Interictal peroid)
ชนิด
อาการชักเฉพาะที่ (Partial / Focal seizure)
แบบมีสติ (Simple partial seizures /Simple focal seizure) ขณะชักผู้ป่วยรู้ตัวตลอดเวลา บอกได้ว่าการที่เกิดมีลักษณะอย่างไร
แบบขาดสติ (Complex partial seizures /Complex focal seizure) ขณะชักจะสูญเสียการรับรู้สติ เมื่อสิ้นสุดการชักจะจำเหตุการณ์ในช่วงชักไม่ได้
แบบชักเฉพาะที่ตามดว้ยอาการชักทั้งตัว (Focal with secondarily generalized seizures) อาการชักแกร็งกระตุกทั้งตัว เป็นอาการชักเฉพาะที่ซึ่งมีอาการเริ่มจากส่วนหนึ่งของร่างกายแล้วค่อยๆ กระจายไปยังส่วนที่อยู่ใกล้ต่อไปเรื่อยๆ
อาการชักทั้งตัว (Generalized seizures) เกิดการเสียหน้าที่ของสมองทั้ง 2 ซีก
อาการชักเหม่อ (Absence) มีลักษณะเหม่อลอย ไม่รู้สึกตัวชั่วครู เกิดขึ้นทันทีเป็นระยะเวลาสั้นๆ
อาการชักตัวอ่อน (Atonic seizures) เป็นอาการชักที่มีการเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้ออย่างทันที เมื่อเกิดอาการชัก เวลาประมาณ 1-2 วินาที มักพบในผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 5 ปี และในรายที่มีพัฒนาการช้า
อาการชักสะดุ้ง (Myoclonic seizures) การชักที่มีลักษณะสะดุ้ง มีการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงและรวดเร็วมาก อาการคล้ายสะดุ้งตกใจ อาการชักแต่ละครั้งสั้นมากใช้เวลาไม่กี่วินาที
ภาวะทางระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการชักซ้ำๆ อย่าง น้อย 2 ครั้งขึ้นไป และอาการชักครั้งที่ 2 ต้องห่างกันมากกว่า 24 ชม. โดยไม่ได้เกิดจากสาเหตุมีปัจจัยกระตุ้น
พบได้บ่อยในเด็กโรคระบบประสาท พบได้ร้อยละ 4-10 ของเด็กทั่วไป พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับความดันในสมองสูง
โรคอุทกเศียร : น้้าไขสันหลังคั่งในโพรงสมอง : ภาวะน้้าคั่งในกะโหลกศีรษะ (Hydrocephalus)
อาการสำคัญ
ศีรษะโตแต่กำเนิด,กระหม่อมหน้าโป่ง,ศีรษะโตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับทรวงอก,ปวดศีรษะ ซึม ไม่ดูดนม อาเจียนพุ่ง
การรักษา
1.การรักษาด้วยยา ยาขับปัสสาวะ Acetazolamide ช่วยลดการสร้างน้ำหล่อสมองและไขสันหลัง ประมาณ 25-50% 2.การรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองออกนอกร่างกาย (EVD,Ventriculostomy)
การผ่าตัดใส่สายระบายน้ำในโพรงสมองสู่ช่องในร่างกาย
IICP
1.รักษาเฉพาะ : รักษาสาเหตุที่ทำใหเ้กิด IICP เช่น เนื้องอก การอุดกั้นทางเดินน้ำไขสันหลัง
2.การรักษาเบื้องต้น กรณีมี IICP สูงอย่างเฉียบพลัน
การจัดท่านอนนอนราบศรีษะสูง 15 – 30 องศา
กรณีผู้ป่วย ซึม ไม่รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว แพทย์จะรักษาโดยการใส่ท่อหลอดลมคอและช่วยหายใจ
การให้ยาขับปัสสาวะ (Diuretic) ทางหลอดเลือดดำ
การรักษาความผิดปกติที่เกิดต่อเนื่องจากพยาธิสภาพเดิมหรือที่เกิดร่วม
อาการแสดงทางคลินิก
1.หัวบาตร 2.หัวโตกว่าปกติเมื่อเทียบกับGrowth curve ปกติ 3.รอยต่อกะโหลกศีรษะแยกออกจากกัน 4.รอยเปิดกะโหลกโป่งตึง 5.หนังศีรษะบางและเห็นเส้นเลือดดำ 6.เสียงเคาะกะโหลกเหมือนหม้อแตก 7.อาการแสดงของความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น ปวดศีรษะ , ตามัว , อาเจียน 8.ตากลอกลงล่าง กลอกขึ้นบนไม่ได้ 9.ตาเขเข้าในมองไปด้านข้างไม่ได้ มองเห็นภาพซ้อน 10.รีเฟลกซ์ไวเกิน 11.การหายใจผิดปกติ 12.การพัฒนาการช้ากว่าปกติ 13.สติปัญญาต่ำกว่าปกติ,ปัญญาอ่อน 14.เด็กเลี้ยงยากไม่รับประทานอาหาร
Congenital Hydrocephalus ความผิดปกติในการสร้างน้ำไขสันหลัง
Obstructive Hydrocephalus ความผิดปกติในการอุดกั้นทางเดินน้ำไขสันหลัง
Communicate Hydrocephalus ความผิดปกติในการดูดซึมน้ำไขสัน หลัง post meningitis
Glasgow Coma Scale
การตอบสนองการพูด (Verbral response : V)
เด็กอายุ 5 – 18 ปี
ยิ้ม ฟัง มองตาม/ร้องเสียงดัง/พูดจ้อ 5 คะแนน
เปล่งเสียงตามพัฒนาการ/พูดคุยเป็นคำและประโยคร้องไห้เมื่อถูกทำให้ระคายเคือง/ ร้องไห้แต่หยุด 4 คะแนน
ร้องไห้ตลอด/กรีดร้องเมื่อเจ็บ 3 คะแนน
ส่งเสียงครางเมื่อเจ็บหรือกระวนกระวาย พักไม่ได้ 2 คะแนน
ไม่เปล่งเสียงหรือไม่ตอบสนอง 1 คะแนน
เด็กอายุ 0 – 4 ปี
ยิ้ม ฟัง มองตาม/ร้องเสียงดัง/พูดจ้อ 5 คะแนน
เปล่งเสียงตามพัฒนาการ/พูดคุยเป็นคำและประโยคร้องไห้
เมื่อถูกทำให้ระคายเคือง/ร้องไห้แต่หยุด 4 คะแนน
ร้องไห้ตลอด/กรีดร้องเมื่อเจ็บ 3 คะแนน
ส่งเสียงครางเมื่อเจ็บหรือกระวนกระวายพักไม่ได้ 2 คะแนน
ไม่เปล่งเสียงหรือไม่ตอบสนอง 1 คะแนน
การตอบสนองด้วยการเคลื่อนไหว (Motor response : M)
เด็กอายุ 0 – 4 ปี
เคลื่อนไหวได้เอง 6 คะแนน
ชักแขนขาหนีเมื่อจับ 5 คะแนน
ชักแขนขาหนีเมื่อเจ็บ 4 คะแนน
แขนขามีอาการเกร็งแบบศอกงอ (Decorticate) 3 คะแนน
แขนมีการเกร็งแบบศอกเหยียด (Decerebrate) 2 คะแนน
ไม่มีปฏิกิริยาใดๆหรือไม่เคลื่อนไหวเลย 1 คะแนน
เด็กอายุ 5 – 18 ปี
ทำตามคำสั่งได้ 6 คะแนน
เคลื่อนไหวเมื่อรู้สึกเจ็บหรือทราบตำแหน่งที่เจ็บ 5 คะแนน
ชักแขนขาหนีเมื่อเจ็บ 4 คะแน
แขนขามีอาการเกร็งแบบศอกงอ (Decorticate) 3 คะแนน
แขนมีการเกร็งแบบศอกเหยียด (Decerebrate) 2 คะแนน
ไม่มีปฏิกิริยาใดๆหรือไม่เคลื่อนไหวเลย 1 คะแนน
การสนองตอบด้วยการลืมตา (Eye opening : E)
ลืมตาเอง 4 คะแนน
ลืมตาเมื่อเรียกหรือได้ยินเสียงพูด 3 คะแนน
ลืมตาเมื่อเจ็บปวด 2 คะแนน
ไม่ลืมตาเมื่อได้รับการกระตุ้น 1 คะแนน
ภาวะไม่รู้สึกตัวร่วมกับสติปัญญาบกพร่อง
สมองพิการ
(CP : Cerebral palsy)
มีประวัติ สมองขาดออกซิเจน
ชนิด
1.Splastic กล้ามเนื้อหดเกร็ง
Splastic quadriplegia มีความผิดปกติกล้ามเนื้อแขนขา ทั้ง 2 ข้าง คอและลำตัวอ่อนผิดปกติ ศีรษะเล็ก น้ำลายไหล
Splastic diplegia มีความผิดปกติกล้ามเนื้อแขนขาทั้ง 2 ข้าง ขาเป็นมากกว่าแขน
Splastic hemiplegia ผิดปกติที่แขนขาซีกใดซีกหนึ่ง
2.Extrapyramidol cerebral palsy (athetoidsis) การ เคลื่อนไหวผิดปกติตลอดเวลาขณะตื่น กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก
3.Ataxia cerebral palsy มีเดินเซ ล้มง่าย กล้ามเนื้อตึงตัว น้อย ทรงตัวได้ไม่ดี สติปัญญาปกติ
4.Mixed type หลายอย่างร่วมกัน
อาการ
มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการช้า โดยเฉพาะด้านการเคลื่อนไหว การทรงตัวผิดปกติ
ปัญญาอ่อน
อาการอื่นๆ ร่วม เช่น ชัก หูหนวก ตาบอด การรับรู้ผิดปกติปัญหาด้านการพูด
การประเมินสภาพ
ซักประวัติ : มารดามีการติดเชื้อขณะคลอด เช่น เป็นหัดเยอรมัน คลอดท่าก้น เด็กมีพัฒนาการช้ากว่าวัย ตัวเกร็งแข็ง 2. ประเมินร่างกาย : เส้นรอบศีรษะไม่เพิ่มขึ้น ท่าทางการเคลื่อนไหวผิดปกติ พัฒนาการไม่เป็นไปตามวัย
เป้าหมายการพยาบาล
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง
แรงดันในสมองต้องไม่เพิ่ม
ได้รับการดูแลขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ครอบครัวผู้ป่วยได้รับความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับความเจ็บป่วย
ไม่รู้สึกตัว เกร็งเมื่อกระตุ้น หายใจไม่มีประสิทธิภาพ การดูดกลืนบกพร่อง เลี้ยงไม่โต ข้อติดแข็ง พัฒนาการล่าช้า
น.ส.ธัญญลักษณ์ พรมีสุข เลขที่ 36 ห้อง 2A
รหัส 613601037