Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาที่มีภาวะมดลูกปลิ้น (Inversion of the uterus or uterine…
การพยาบาลมารดาที่มีภาวะมดลูกปลิ้น
(Inversion of the uterus or uterine inversion)
ความหมาย
ภาวะที่ยอดมดลูกรั้งลงมา ส่วนล่างของโพรงมดลูก ซึ่งอาจพ้นปากมดลูกออกมา หรือโผล่ออกมาถึงปากช่องคลอด
อุบัติการณ์
อัตราการเกิดมดลูกปลิ้นพบได้ประมาณ 1 : 2,000 ของการคลอด เกือบทั้งหมดเกิดจากการดึงสาย สะดือในการช่วยทำคลอดรก
ชนิดของมดลูกปลิ้น
แบ่งตามระดับความรุนแรง
มดลูกปลิ้นแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete inversion) ยอดมดลูกเคลื่อนต่ำลง แต่ยังไม่พ้นปากมดลูก
มดลูกปลิ้นแบบสมบูรณ์ (complete inversion) ยอดมดลูกเคลื่อนพ้นปากมดลูก แต่ยังไม่ถึง ปากช่องคลอด
มดลูกปลิ้นแบบสมบูรณ์ และเคลื่อนต่ำลงมานอกปากช่องคลอด (prolapsed of complete inverted uterus)
แบ่งตามระยะเวลาของการเกิด
Subacute uterine inversion คือ เกิด 24 ชม.หลังคลอด จนถึง 1 เดือนหลังคลอด
Chronic uterine inversion คือ เกิดตั้งแต่ 1 เดือนหลังคลอด
Acute uterine inversion คือ เกิดภายใน 24 ชม.หลังคลอด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มารดามีโอกาสเกิดมดลูกปลิ้น เนื่องจากทำคลอดรกไม่ถูกวิธี และ/หรือการฝังตัวของรกแน่น
กว่าปกติ
มารดามีโอกาสตกเลือดหรือช็อค เนื่องจากมีภาวะมดลูกปลิ้น
มารดาปวดมดลูกมาก เนื่องจากมดลูกปลิ้น
มารดาและครอบครัวมีความวิตกกังวลและกลัว เนื่องจากภาวะมดลูกปลิ้น
ผลกระทบ
ผลกระทบต่อมารดา
เลือดออกอย่างรุนแรง เจ็บปวดมาก หรือช็อคจากการเสียชีวิต
เป็นอัตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
ผลกระทบต่อทารก
ทำให้ทารกได้รับความอบอุ่นจากมารดาล่าช้า รวมถึงการ สร้างเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารกล่าช้า
สาเหตุ
สาเหตุส่งเสริม
ผนังมดลูกหย่อน พบมดลูกปลิ้นภายหลังคลอดที่มีความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มดลูกคลายตัว
มีพยาธิสภาพที่มดลูก เช่น ผนังมดลูกบางและยืดมาก
สาเหตุฉุกเฉิน (Exciting casue)
การล้วงรก (Manual removal of placenta)
การเพิ่มแรงดันในช่องท้อง เช่น การเบ่งคลอดรก
รกเกาะแน่น (An abnormally adherent placenta)
การปฏิบัติการคลอดระยะที่ 3 ไม่ถูกต้อง เช่น การกดบริเวณยอดมดลูกมากเกินไป/ดึงสายสะดือแรงเกินไป/ทำคลอดรกในขณะที่รกยังไม่ลอกตัว/ทำคลอดเด็กที่มีสายสะดือสั้นโดยเฉพาะเมื่อใช้คีมช่วยคลอด
มดลูกและปากมดลูกอยู่ในภาวะคลายตัว
อาการและอาการแสดง
การตรวจภายใน จะคลำได้ก้อนเนื้อบริเวณปากมดลูก หรือคลำได้ก้อนในช่องคลอดหรือก้อนโผล่ ออกมานอกช่องคลอด ถ้ารกยังไม่หลุดก็จะเห็นรกติดกับก้อนเนื้อนั้น
ในรายที่เรื้อรัง ผนังมดลูกจะแห้ง และเป็นแผลเป็นทำให้เกิดตกขาว เลือดออกกระปริกระปรอย อาจมีอาการปวดหลังถึงอุ้งเชิงกรานและถ่ายปัสสาวะขัดหรือรู้สึกถ่วงที่ช่องคลอด
จะมีอาการปวด ช็อค ตกเลือดทางช่องคลอดอย่สงเฉียบพลันและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง >>>รกยังไม่ลอกตัว/รกติดแน่น ช่วยไม่ทันผู้คลอดเสียชีวิต
พบยอดมดลูกเป็นแอ่งคล้ายปล่องภูเขาไฟหรือไม่พบยอดมดลูก
การรักษา
1.การป้องกัน>>> การช่วยเหลือการคลอดรกอย่างถูกวิธี การตรวจภายในหลังจาก ทำคลอดรก และหลังการเย็บแผลสามารถประเมินสภาพได้รวดเร็ว
ให้การรักษาสภาพทั่วไป เช่น ให้สารน้ำและให้เลือดอย่างเพียงพอ หรือการฉีดมอร์ฟีนเพื่อระงับ อาการปวด
3.การรักษาเมื่อเกิดภาวะมดลูกปลิ้น
1.แจ้งให้ผู้ป่วยทราบว่า เกิดภาวะมดลูกปลิ้นต้องทำการดันมดลูกกลับเข้าที่
2.ให้ยาสลบ(General anesthesia) โดยวิสัญญีแพทย์
3.รีบแกไขภาวะช็อค
ให้สารน้ำ Ringer's lactated solution หรือ normal saline solution 1,000 ml. เข้าหลอดเลือดดำ
เจาะหาหมู่เลือดและให้เลือดทดแทน
พิจราณาให้มอร์ฟีน 2-4 mg. ทางหลอดเลือดดำในกรณีที่ปวดมาก
*กรณีที่รกยังไม่คลอด ให้ทำคลอดรกก่อน แต่หากรกยังติดกับมดลูกที่ปลิ้นไม่ควรทำคลอดรก ควรแก้ไขภาวะช็อคและให้ดมยาสลบก่อน เพื่อป้องกันการเสียเลือด
*หากมดลูกมีการหดเกร็ง (Spasm) ให้ Terbutaline หรือ Magnesium sulfate เพื่อให้มดลูกคลายตัว ก่อนดันมดลูกกลับเข้าที่
ถ้ารกลอกตัวและแยกออกจากมดลูกแล้วให้ดันมดลูกกลับเข้าที่ ทันที ทำได้ 2 วิธี
วิธีไม่ผ่าตัด : Johnson maneuver ด้วยการดันมดลูกโดยให้อุ้งมืออยู่บริเวณยอดมดลูกและคอมดลูก ใช้อุ้งมือดันมดลูดขึ้นไปตามทิศทางแนวของอุ้งเชิงกรานจนกระทั่งมดลูกเคลื่อนขึ้นไปพ้นช่องเชิงกราน>>>ทำได้ง่าย สำเร็จสูง 82%
วิธีผ่าตัด : Huntington ,Haultain ,Ocejo,Spinelli
เมื่อดันเข้าที่แล้วให้ Oxytocin 20 unit ใน NSS 1,000 ml.หรือ Methergin 0.2 mg เข้าหลอดเลือดดำ
ตรวจช่องคลอดและเย็บซ่อมแซม
ตรวจสัญญาณชีพ และเฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด
ให้ยาป้องกันการติดเชื้อและยาพวกเหล็ก รักษาภาวะเลือดจาง
การวินิจฉัย
การตรวจหน้าท้อง
มดลูกปลิ้นชนิดไม่สมบูรณ์ : ยอดมดลูกมีรอยบุ๋มเป็นหลุมหรือคล้ายปล่องภูเขาไฟ
รายที่มดลูกปลิ้นสมบูรณ์ : จะคลำไม่พบยอดมดลูก
การตรวจภายใน
จะคลำได้ก้อนเนื้อบริเวณปากมดลูก หรือ คลำได้ก้อนในช่องคลอดหรือก้อนโผล่ออกมานอกช่องคลอด ถ้ารกยังไม่หลุดก็จะเห็นรกติดกับก้อนนั้น
อาการและอาการแสดง
การตกเลือด พบได้ประมาณร้อยละ94
อาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง เพราะเมื่อมดลูกปลิ้นเกิดการกระตุ้นปลายประสาทบริเวณ Ligamenta Lata กล้ามเนื้อมดลูกหรือบริเวณเยื่อบุช่องท้อง
อาการช็อค พบได้ประมาณร้อยละ 40 : สัมพันธหรือไม่สัมพันธกับอาการเสียเลือดก็ได้
การพยาบาล
การพยาบาล
เมื่อเกิดภาวะมดลูกปลิ้น
4.ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและให้เลือด เพื่อทดแทนเลือดที่สูญเสียไปและแก้ไขภาวะช็อค
5.ภายหลังแก้ไขภาวะช็อคได้แล้ว จัดท่าให้ผู้คลอดนอนท่า Lithotomy เพื่อให้ผู้คลอดได้รับการดมยาสลบและดันมดลูกกลับเข้าที่และล้วงรก
3.ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา เช่น Pethidine หรือ Morphine เพื่อลดความเจ็บปวด
6.ดูแลให้ได้รับยาออกซิโตซิน 20 unit ใน NSS 1,000 ml./Methergin 0.2 mg. เข้าหลอดเลือดดำ
2.ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเกลือ NSS / น้ำยา Hibitane solution คลุมมดลูกบริเวณที่ปลิ้นออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้มดลูกแห้ง
7.เฝ้าระวังภาวะตกเลือดหลังคลอด โดย
-ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกเป็นระยะๆทุก 4 ชม.
-สังเกตและบัญทักปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด
-บันทึกสัญญาณชีพทุกๆ2-4 ชม.
1.จัดท่าให้ผู้คลอดเพื่อลดการดึงรั้งของรังไข่ โดยยกปลายเตียงให้สูงขึ้น หรือจัดนอนท่า Trendelenberg's position / Knee chest position
การพยาบาลเพื่อป้องกัน
การเกิดภาวะมดลูกปลิ้น
1.ห้ามดึงสายสะดือ เพื่อให้รกคลอดก่อนการตรวจสอบว่ารกมีการลอกตัวสมบูรณ์แล้ว
2.ก่อนทำคลอดรก ต้องตรวจสอบว่ารกมีการลอกตัวสมบูรณ์แล้วทุกครั้ง จากนั้นหากมีอาการ แสดงของรกลอกตัว ให้คลึงมดลูกให้มีการหดรัดตัวกลมแข็ง ก่อนทำคลอดรกและ/หรือไล่ก้อนเลือด
3.ในการช่วยทำคลอดรกไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม เมื่อรกคลอดออกมาแต่เยื่อหุ้มรกยังค้างอยู่ ผู้ทำคลอดควรคลำยอดมดลูกว่าหดรัดตัวแข็ง ก่อนที่จะดึงรกเพื่อรั้งให้เยื่อหุ้มรกส่วนที่เหลือลอกออกมา
4.หลังทำคลอดรก คลึงให้มดลูกหดรัดตัวกลมแข็ง เพื่อป้องกันการตกเลือด
นายศรายุทธ์ มีแก้ว รหัส 601001115