Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล - Coggle Diagram
การดูแลเด็กเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ความหมายของเด็ก
คนทีมีอายุยังน้อย
อายุไม่ครบ 18 ปบริบูรณ์ และยังไม่ บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
บุคคลทีอายุเกิน 7 ปีบริบูรณ์แต่ยังไม่ เกิน 14 ปีบริบูรณ์
บุคคลทีมีอายุตังแต่ 15 ปีลงมา
บุคคลทีอายุไม่เกิน 18 ปบริบูรณ์
ความหมายด้านสุขภาพ
บุคลตังแต่แรกเกิดถึง 15 ปี
ช่วงวัยของเด็กแบ่งตามระยะพัฒนาการ
New born ทารกแรกเกิด 28 วันหลังคลอด
Infant ทารกอายุมากกว่า 28 วันถึง 1 ปี
Toddler เด็กวัยเดินอายุ 1-3 ปี
Preschool age เด็กก่อนวันเรียน 3-5 ปี
School age เด็กวัยเรียน6-12 ปี
Aldolescent วัยรุ่น 13-15 ปี
สิทธิเด็ก
20 พฤศจิกายน ของทุกปีเกือบทั้งโลก กําหนดให้เป็นวันสิทธิเด็ก
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก มีทังหมด 4 ด้าน
สิทธิในการมีชีวิต
สิทธิทีจะได้รับการปกปองคุ้มครอง
สิทธิในด้านพัฒนาการ
สิทธิในการมีส่วนร่วม
ผลกระทบของความเจ็บปวยของเด็กแต่ละช่วงวัย
วัยทารก
กินได้น้อยลง ถูกจํากัดกิจกรรม เจ็บปวด
ความสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก ขาดการกระตุ้นประสาทจากสัมผัสมารดา
พัฒนาการของเด็ก
วัยเดิน
อาจคิดว่าบิดา มารดาทิ้ง
รู้สึกหวาดกลัวหรือไม่ยอมอยู่ในอํานาจ ไม่สามารถริเริมทําอะไรได้ด้วยตนเอง
วัยก่อนเรียน
มีความยากลําบากในการเรียนรู้
อาจคิดว่าการอยู่โรงพยาบาลคือการโดนลงโทษ
วัยเรียน
หย่อนความสามารถในเรืองเรียน
สูญเสียการนับถือตนเอง รู้สึกมีปมด้อย
วัยรุ่น
ขาดความเชือมันในตนเอง ภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ
ความเข้าใจของเด็กเกี่ยวกับการตาย
วัยแรกเกิดและวัยทารก
ทารกจะเชือมโยงกับคนรอบข้างผ่านการสัมผัส กลิน เสียง
จะร้องเมือหิว เจ็บ หรือมีอาการไม่สุขสบาย
หากเด็กอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต พ่อ แม่ และบุคลากร ควรช่วยเหลือเด็กให้ผ่านช่วงเวลาของความตายโดยไม่ทุกข์ทรมาน
ไม่ปล่อยให้เด็กเผชิญความตายตามลําพัง
เด็กวัยเดินและวัยก่อนเรียน
คิดว่าตายแล้วสามารถกลับคืนมาได้ (Reversible) เหมือนการไปเทียวชัวคราว
ความตายเปรียบเหมือนการนอนหลับ ทําให้เด็กบางคนกลัวการนอน
บางคนอาจเข้าใจว่าความตายเปนจุดสุดท้ายของชีวิตเกือบสมบูรณ์ โดยเฉพาะเด็กทีเคยเผชิญการตายของสัตว์เลียงหรือผู้ใหญ่
วัยเรียน
เรียนรู้ว่าตายแล้วจะกลับคืนมาอีกไม่ได้ เข้าใจเรืองของเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต
เรียนรู้ว่าตนเองอาจมีชีวิตเติบโต หรือตายจากไป
เข้าใจว่าตนเองอาจจะตายสักวันนึง
เข้าใจพิธีการงานศพ
กลัวการสูญเสียตนเอง ละบุคคลเป็นทีรัก
วัยรุ่น
เป็นวัยทีมองว่าเรืองความตายเปนเรืองไกลตัว
ยอมรับความตายของตนเองยากทีสุดเหมือนการลงโทษ
พ่อแม่หรือผู้ดูแล ควรให้ความรัก เอาใจใส่ถึงแม้ว่าเด็กไม่ได้ร้องขอ
ปฏิกิริยาของเด็กต่อการเจ็บปวย
ความวิตกกังวลจากการแยกจาก (Separation anxiety)
ความเจ็บปวดทางกายเนืองจากการตรวจรักษา (body injury and pain)
ความเครียดและการปรับตัวของเด็กและครอบครัว
การเปลียนแปลงภาพลักษณ์
ความตาย
ระยะของการเจ็บปวย
ระยะเฉียบพลัน (Acute)
ระยะเรื้อรัง (Chornic)
ระยะวิกฤต (Crisis)
ระยะสุดท้าย (Death/Dying)
การพยาบาล
ระยะเรืองรังและระยะสุดท้าย
Death and dying
Body image
ระยะเฉียบพลันและระยะวิกฤติ
Critical care concept
Stress and coping
Pain management
การประเมินจากการเปลียนแปลงด้านสรีรวิทยา
การประเมินการเปลียนแปลงทาบพฤติกรรม
เครืองมือทีใช้ประเมินPainในเด็ก
เครืองมือทีใช้ประเมินPainในเด็ก
ความรุนแรงของการเจ็บปวด
ตําแหน่งทีปวด
รูปแบบ ระยะเวลาความเจ็บปวด
เจ็บตลอดเวลา
เป็นๆหลายๆ
ลักษณะการเจ็บปวด
เจ็บ ปวด แสบ ปวดร้อน ปวดแสบ
ผลกระทบต่อความเจ็บปวด
หงุดหงิด ก้าวร้าว นอนไม่หลับ
CHEOPS
ใช้กับเด็ก 1-6ปี หรือไม่รู้สึกตัว
คะแนนอยู่ระหว่างหว่าง 4-13
พยาบาลเป็นผู้ประเมิน
การแปลผล
4=ไม่ปวด
5-7=ปวดน้อย
8-10=ปวดปานกลาง
11-13=ปวดมาก
FLACC
ใช้กับเด็ก 1เดือน-6ปี หรือไม่รู้สึกตัว
คะแนนอยู่ระหว่าง 0-10
พยาบาลเป็นผู้ประเมิน
Faces Scale
การใช้รูปภาพแสดงสีหน้าบอกความรู้สึกการปวด
เริมตังแต่ไม่ปวดแทนด้วยภาพสีหน้ายิมแย้มร่าเริงมีความสุข ปวดพอทนแทนด้วยภาพหน้านิวคิวขมวด
ปวดมากทีสุดแทนด้วยภาพใบหน้าทีมีนาตาไหลพราก
นิยมใช้ในเด็กเล็กหรือคนชราทีไม่สามารถสือสารด้วยคําพูดได้
Numeric rating scales
คะแนนอยู่ระหว่าง 0-10
ใช้ได้ตังแต่เด็กวัยเรียนขึนไป
การแปลผล
0=ไม่ปวด
1-3=ปวดน้อย
4-6=ปวดปานกลาง
7-10=ปวดมาก
Cries Pain Scale, Neonatal Infants Pain Scale
หลักการประเมินความปวด
ประเมินก่อนให้การพยาบาล เพือเป็นสมมติฐานปละหลังให้การพยาบาล เพือประเมินผล
ควรประเมินอย่างสมาเสมอและต่อเนือง โดยประเมินทังขณะพัก และขณะทํากิจกรรม
เลือกวิธีทีเหมาะสมกับผู้ปวยแต่ละราย และควรใช่วิธีเดียวกันตลอดให้การพยาบาล
เด็กเล็ก ควรได้รับการดูแลเปนพิเศษ เนืองจากการประเมินอาจได้ข้อมูลไม่ครอบคลุมหรือถูกต้องทังหมด
มีการบันทึกเป็นหลักฐาน
หลีกเลียงคําถามอันเปนเหตุให้บดบังข้อเท็จจริง หรือคําถามทีกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เศร้าเสียใจ
บทบาทพยาบาลกับการประเมินความปวด
สร้างสัมพันธ์ทีดีใช้คําพูดสุภาพ เข้าใจง่าย
ให้ความสนใจโดยเปนผู้ฟงทีดี และเชือในคําบอกเล่าของผู้ปวย
ระหว่างการประเมินควรบันทึกพฤติกรรม แนวคิด สภาพอารมณ์จิตใจ และบุคลิกภาพของผู้ปวยเพือเปนข้อมูล
ถ้าผู้ปวยไม่สามารถตอบข้อซักถามได้ อาจใช้วิธีการสัมภาษณ์จากผู้ดูแล หรือสังเกตพฤติกรรมและผลกระทบทีเกิดจากความเจ็บปวด
Separation anxiety
ระยะปฏิเสธ(Denial)
เด็กจะหันกลับมาสนใจสิงแวดล้อมรอบตัว เหมือนเด็กปรับตัวได้ แต่เพียงเก็บกดความรู้สึกทีมีต่อมารดาไว้
หลีกเลียงทีจะไปใกล้ชิดกับคนใดคนหนึง ไม่กล้าเสียงทีจะไว้วางใจบิดามารดาอีกต่อไป
ระยะสินหวัง (despair)
อาการโศกเศร้า เสียใจอย่างลึกซึง แยกตัวอยู่เงียบๆ ร้องไห้น้อยลงมีพฤติกรรมถดถอย
ดึงผม ขาวนหน้าตนเอง เอาศีรษะฟาดเตียง
เด็กจะยอมร่วมมือในการรักษาทีเจ็บปวด ต่อต้านเพียงเล็กน้อย ยอมกินอาหาร
เมือมารดามาเยียมจะร้องไห้รุนแรง
แนวคิดและหลักการพยาบาลใช้ครอบครัวเปนศูนย์กลาง
องค์ประกอบทีสําคัญ
กระตุ้นและสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายผู้ปกครอง
ให้คุณค่าความสําคัญของการชาวยเหลือระหว่างครอบครัว
สนับสนุนความร่วมมือของเครือข่ายระหว่างกลุ่มแพทย์และเครือข่ายผู้ปกครอง
ส่งต่อครอบครัวไปยังเครือข่ายผู้ปกครอง
เคารพและยอมรับในความหลากหลายของเชือชาติ วัฒนธรรม ค่านิยม ความเชือ และสังคม เศรษฐกิจ ครอบครัว
จัดบริการให้มีความยืดหยุ่น เข้าถึงได้และตอบสนองความต้องการของครอบครัว
จัดหาวิธีการและทางเลือกของการรักษาให้กับบิดามารดา
สนับสนุน/กระตุ้นให้เกิดการดูแลแบบสหสาขาเพือแลกเปลียนข้อมูลทีสํา คัญเกียวกับการดูแลเด็กกับวิชาชีพอืน
ยอมรับว่าครอบครัวมีจุดแข็งและมีลักษณะเฉพาะ รวมทั้งเคารพวิธีการเเผชิญปัญหาทีแตกต่างกัน
ประเมินจุดแข็ง และมีวิธีการเผชิญปญหาของครอบครัว
เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของครอบครับ ค่านิยม ความเชือ และการตัดสินใจของครอบครัว
ลงมือปฏิบัติสนับสนุนและช่วยเหลือครอบครัวทีมีปญหาทางด้านอารมณ์ และเศรษฐกิจ
ส่งปรึกษาสังคมสงเคราะห์เรืองเงิน
ส่งหน่วยปรึกษาเมือเกิดปญหา การปรับตัวหรือความคับข้องใจ
เข้าใจและผสานความต้องการตามระยะพัฒนาการของบุคคลและครอบ ครัวในระบบบริการสุขภาพ
การสนับสนุน
อธิบายคําศัพท์ทางการแพทย์ให้ครอบครัวได้เข้าใจ
ให้ข้อมูลบิดามารดาทังวาจาและลายลักษณ์อักษร
อธิบายเป้าหมายและเหตุผลของการพยาบาล
ตอบข้อสงสัยของบิดามารดา
ความร่วมมือ
มีการสือสารทีดี เปิดเผย และต่อเนือง
ให้เกียรติซึงกันและกัน และให้ความไว้วางใจ
สือสารทําความเข้าใจถึงบทบาท และความคาดหวังของกันและกัน วางแผนการแลรักษา และตัดสินใจร่วมกัน
การตระหนักและการเคารพ
ให้ความสําคัญในการตัดสินใจของ สมาชิกในครอบครัว
ให้ความสําคัญกับสิงทีครอบครัวกังวลหรือเห็นว่าสําคัญ
สนับสนุนให้ครอบครัวทําหน้าทีดูแลเด็กขณะปวยอยู่ใน โรงพยาบาล
ร่วมกับครอบครัวหาทางเลือกต่างๆในการดูแล
เด็กป่วยกับการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ต้องมีการปรับตัวของเด็กและครอบครัวขึ้น
พัฒนาการตามวัยของเด็ก
ประสบการณ์เดิมของเด็กที่เคยได้รับความเจ็บปวยในครั้งก่อน
ความสามารถของเด็กต่อการปรับตัวและเผชิญความเครียด
ความรุนแรงของความเจ็บปวย
ระบบการดูแลและการช่วยเหลือเด็ก