Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดปอด (Amniotic fluid embolism/AFM) - Coggle…
ภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดปอด
(Amniotic fluid embolism/AFM)
อุบัติการณ์
1:20,000ของการคลอดทั้งหมด
หากเกิดภาวะนี้อัตราการตาย
ของมารดาและทารกร้อยละ80
อาการและอารแสดง
มีอาการหนาวสั่น
เหงื่อออกมาก
คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล
หายใจลำบาก
Pulmonary edema
เส้นเลือดที่หัวใจตีบ
ชัก หมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ถ้าเกิดอาการนานกว่า1ชั่วโมง ผู้คลอดยังมีชีวิตอยู่จะเกิดภาวะกลไกการแข็งตัวของเลือดเสียไป และเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการแก้ไขภาวะการหดรัดตัวของมดลูกที่ดีพอ
ผลกระทบ
มารดา
เสียชีวิตจากการเสียเลือด ช็อค
มีอาการทางระบบประสาท
เนื่องจากมีภาวะขาดออกซิเจนรุนแรง
ทารก
เสียชีวิต
มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาท
การพยาบาล
เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
หากมีอาการชักเกร็งโดยไม่มีภาวะHTมาก่อน
ภาวะเขียวทั้งตัว หรือเริ่มเขียวเป็นบางส่วนของร่างกาย
จัดให้มารดานอนในท่าfowler
ให้ออกซิิเจน
ให้สารน้ำและเลือดตามแผนการรักษา
เฝ้าระวังการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก
เตรียมช่วยเหลือการคลอดโดยคีมหรือC/S
เตรียมช่วยฟื้นคืนชีพ ในรายที่เกิดหัวใจล้มเหลว
ใช้เครื่องช่วยหายใจใน2-3วันแรก(ICU)
ดูแลและให้กำลังใจต่อครอบครัว ถ้ามารดาและทารกเสียชีวิต
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด เนื่องจากมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นกลอดเลือดในปอด เช่น การให้ยาเร่งคลอด การเจ็บครรภ์คลอดที่รุนแรง การเจาะถุงน้ำ และการตกเลือดหลังคลอด
เสี่ยงต่อการตกเลือดอย่างรุนแรงและเกิดภาวะช็อค เนื่องจากขาดกลไกการแข็งตัวของเลือดและมดลูกไม่หดรัดตัว
เกิดภาวะขาดออกซิเจนทั้งมารดาและทารก
เนื่องจากการหดเกร็งของหลอดเลือดที่ปอดมารดา
ปัจจัยส่งเสริม
การเร่งคลอดโดยใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ทารกตายในครรภ์ เป็นเวลนาน ทำให้มีการเปื่อยยุ่ย ขาดง่าย
อาจเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือด ทำให้น้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด
การคลอดเฉียบพลัน
รกเกาะต่ำ
รกลอกตัวก่อนกำหนด
มดลูกแตก
การบาดเจ็บในช่องท้อง
การผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
มารดามีบุตรหลายคน
มารดาตั้งครรภ์อายุมากกว่า35ปี
น้ำคร่ำมีขี้เทาปน
การเบ่งคลอดขณะถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
การเจาะถุงน้ำคร่ำ
การรูดเพื่อเปิดขยายปากมดลูก
การตรวจวินิจฉัยน้ำคร่ำก่อนคลอด
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายในและภายนอกครรภ์
การรักษา
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
จัดท่านอนFowler's position ให้ออกซิเจน100%
ดูแลระบบการไหลเวียนเลือด เพื่อแก้ไขภาวะความดันโลหิดต่ำ
ดูแลการหดรัดตัวของมดลูก โดยให้ยาoxytocinหรือmethergin IV
ถ้าทารกยังไม่คลอดประเมินFHS และรีบให้การช่วยเหลือC/S
เตรียมยาในการช่วยชีวิตผู้คลอดถ้ามีความดันโลหิตต่ำ
เช่น Dopamine,Norepinephrin,Epinephrin
เจาะเลือดเพื่มประเมินHctและการแข็งตัวของเลือด
รักษาภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ โดยให้ยา Heparin
ประเมินการเสียเลือดทางช่องคลอด
การวินิจฉัย
วินิจฉัยจากอาการและอาการแสดง
ไม่รู้สติ
อาการเขียว
Respiratory distress
Cardiovascular collapse
เลิอดออก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจหาเซลล์ผิวหนัง ขนอ่อน
การชันสูตรศพ พบได้ร้อยละ75
เลือดจากกระแสเลือดในปอดของมารดา พบร้อยละ50
เสมหะ
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
Perfusion defect
การตรวจหาSialy 1TH antigen
ความหมาย
ภาวะที่มีน้ำคร่ำผ่านเข้าสู่กระเลือดของมารดา
เข้าหลอดลมผอยในปอดไปอุดกั้นบริิเวณหลอดเลือดดำ
ภาวะฉุกเฉินทางการคลอด
Hypoxia
Consumptive coagulopathy
Hypotention
การป้องกัน
ขณะเจ็บครรภ์คลอด ไม่ควรเร่งให้มดลูกหดรัดตัวถี่เกินไป
การเจาะถุงน้ำคร่ำควรทำอย่างระมัดระวังไม่ให้ถูกปากมดลูก
การกระตุ้นการเจ็บครรภ์ ควรทำอย่างระมัดระวัง
ไม่ควรกระตุ้นการเจ็บครรภ์
ด้วยวิธีเลาะเเยกเยื่อถุงน้ำคร่ำจากคอมดลูก
ในรายที่มีภาวะรกเกาะต่ำ PVอย่างระมัดระวัง
ถ้าผู้คลอดเจ็บครรภ์ถี่มากเกินกำหนด ผู้คลอดพักได้น้อย
ควรรายงานแพทย์เวรทราบทุกครั้ง
พยาธิสรีรวิทยา
น้ำคร่ำประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังทารก ผม ขนอ่อน ไข ขี้เทา ในรายที่ML/MR ส่วนประกอบของน้ำคร่ำจะเข้าสู่กระแสเลือดแม่ผ่านไปบริเวณที่รกลอกตัว หัวใจ ปอด ทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดฝอยปอด หลอดเลือดมีการหดเกร็ง เลือดผ่านไปยังหัวใจซีกซ้ายลดลง เกิดcardiogenic shock ความดันในหลอดเลือดปอดเพิ่มขึ้น หัวใจซีกขวาไม่สามารถบีบดันเลือดผ่านปอดไปได้ ทำให้เกิดความดันภายในปอดสูง เกิดปอดบวมน้ำ เกิดการต่อต้านการไหลเวียนของเลือดในปอดลดลง เกิดภาวะขาดออกซิเจนและภาวะDIC ผู้คลอดเสียเลือดมากและเสียชีวิตได้ จากภาวะระบบหายใจหัวใจล้มเหลว