Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด, นางสาวธนภรณ์ ไตรทิพย์ เลขที่ 51…
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด
พฤติกรรมปฏิสัมพันธระหว่างมารดาและทารก
จังหวะชีวภาพ (biorhythmcity)
มารดาจะช่วยทารกให้สร้างจังหวะชีวภาพได้ โดยขณะที่ทารกร้องไห้ มารดาอุ้มทารกไว้แนบอก ทารกจะรับรู้เสียงการเต้นของหัวใจ มารดา ซึ่งทารกจะคุ้นเคยตั้งแต่ในครรภ์ ทำให้ทารกมีความรู้สึกมั่นคงยิ่งขึ้น
การรับกลิ่น (odor)
มารดาจำกลิ่นกายของทารกได้ตั้งแต่แรกคลอด และแยกกลิ่น ทารกออกจากทารกอื่นได้ภายใน 3-4 วันหลังคลอด ส่วนทารกสามารถแยกกลิ่นมารดา และหันเข้าหากลิ่นน้ำนมมารดาได้ภายในเวลา 6 –10วันหลังคลอด
การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะตามเสียงพูด (entrainment)
ทารกจะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นจังหวะสัมพันธ์กับเสียงพูดสูงต่ำของมารดา เช่น ขยับแขน ขา ยิ้ม หัวเราะ เป็นต้น
การใช้เสียง (voice)
การตอบสนดงเริ่มทันทีที่ทารกเกิด มารดาจะรดฟังเสียงทารกร้อง ครั้งแรก เพื่อยืนยันภาวะสุขภาพของทารก และทารกแรกเกิดจะตอบสนองต่อระดับเสียง สูง (High pitch voice) ได้ดีกว่าเสียงต่ำ (Deep loud voice)
การให้ความอบอุ่น (body warmth หรือ heat)
มีการศึกษาพบว่า หลังทารกคลอดทันทีได้รับการเช็ดตัวให้แห้ง ห่อตัวทารกและนำทารกให้มารดาโอบกอด ทันที ทารกจะไม่เกิดการสูญเสียความร้อน และทารกจะเกิดความผ่อนคลาย เมื่อได้รับความอบอุ่นจากมารดา
การประสานสายตา (eye-to-eye contact)
เป็นสื่อที่สำคัญต่อการเริ่มต้นพัฒนาการด้าน ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น มารดาจะรู้สึกผกูพันใกล้ชิด มากขึ้นเมื่อทารกลืมตาและสบตาตนเอง
การให้ภูมิคุ้มกันทางน้ำนม (T and Blymphocyte)
ทารกจะได้รับภูมิคุ้มกันในนมแม่ ได้แก่ T lymphocyte, B lymphocyte และ Immunoglobulin A ช่วยป้องกันและทำลายเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร
การสัมผัส (touch, tactile sense
ความสนใจของมารดาในการสัมผัสบุตร โดยจะเริ่มสัมผัสบุตรด้วยการใช้นิ้วสัมผัสแขน ขา จากนั้นจะบีบนวดสัมผัสตามลำตัว ทารกจะมีการจับมือและดึงผมมารดาเป็นการ ตอบสนอง
การให้ภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจ (bacterianasal flora)
ขณะที่มารดาอุ้ม โอบ กอดทารก จะมีการถ่ายทอดเชื้ดโรคในระบบทางเดินหายใจ (normal flora) ของมารดาสู่ทารก เกิดภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันทารกติดเชื้ดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
การประเมินสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
แนวทางการประเมินสัมพันธภาพ
พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก
ความสามารถในการปฏิบัติบทบาทการเป็นมารดา
ความสามารถในการตอบสสองความต้องการของทารก
ความสนใจในการดูแลตนเองของตนเองและทารก
พฤติกรรมของมารดาและทารกที่แสดงถึงการขาดสัมพันธภาพ (Lack of attachment)
ไม่ตอบสนองต่อบุตร เช่น ไม่สัมผัส ไม่ยิ้ม ไม่อุ้มกอดทารก เป็นต้น
พดูถึงบุตรในทางลบ
ไม่สนใจมองบุตร สีหน้าเมินเฉยหรือหันหน้าหนี
แสดงท่าทางหรือคำพูดที่ไม่พึงพอใจขณะดูแลบุตร
ขาดความสนใจในการซักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมขดงบุตรและการเลี้ยงดูบุตร
การพัฒนาสัมพันธภาพในระยะหลังคลอด
ในระยะแรกหลังคลอดทันที มารดาจะแสดงความรักความผูกพันกับลูก ตั้งแต่นาทีแรกหลังคลอดจนกระทั่งถึง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เป็นช่วงเวลาที่มารดามี ความรู้สึกไวที่สุด (Sensitive period) และทารกมีความตื่นตัว จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ก่อให้เกิดความรักใคร่ผูกพันระหว่างมารดาทารก
Attachment (สัมพนัธาภาพ)
หมายถึง ความรู้สึกรักใคร่ผูกพันระหว่างทารกกับพ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดู เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นพิเศษและคงอยู่ถาวร จะเกิดขึ้น ทีละเล็กละน้อยจากความใกล้ชิด ห่วงใย อาทร เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นความผูกพันทางใจจะใช้เวลาในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
Bonding (ความผูกพัน)
หมายถึง กระบวนการผกูพันทางอารมณ์ที่พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูมีต่อทารกฝ่ายเดียว เกิดขึ้นตั้งแต่วางแผนตั้งครรภ์ ทราบว่าตั้งครรภ์หรือเกิดขึ้นชัดเจน เมื่อรับรู้ว่าลูกดิ้นและเพิ่มสูงสุดเมื่อทารกคลอดออกมา
กระบวนการพัฒนาสัมพันธาภาพระหว่างมารดากับทารก
ระยะตั้งครรภ์
ขั้นที่ 2การยืนยันการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 3การยอมรับการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 4การรับรู้การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
ขั้นที่ 5การยอมรับว่าทารกในครรภ์เป็นบุคคลคนหนึ่ง
ระยะคลอดและระยะหลังคลอด
ขั้นที่ 6การสนใจดูแลสุขภาพตนเองและทารกในครรภ์และการแสวงหาการคลอดที่ปลอดภัย
ขั้นที่ 7การมองดูทารก
ขั้นที่ 8การสัมผัสทารก
ขั้นที่ 9การดูแลทารกและใหทารกดูดนม
ระยะก่อนการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 1การวางแผนการตั้งครรภ์
บทบาทของพยาบาลผดุงครรภ์ในการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
ระยะคลอด
สร้างบรรยากาศให้เกิด ความไวว้างใจ
ลดความวิตกกังวลของผู้คลอด
ใหข้อมูล เป็นสื่อกลาง ระหว่างผู้คลอดและ ครอบครัว
ส่งเสริมให้การคลอด ผ่านไปดย่างปลอดภัย
ระยะหลังคลอด
Rooming inโดยเร็วที่สุด
ให้คำแนะนำในการดูแลบุตร
ส่งเสริมให้มารดาสัมผัสโดยกอดทารกทันทีหลังคลอดในระยะ sensitive period
ตอบสนองความต้องการของมารดา
กระตุ้นให้มีปฏิสัมพันธ์กับทารก
เป็นตัวแบบในการสร้างสัมพันธภาพกับทารก
ให้มารดาทารกบิดาได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
ระยะตั้งครรภ์
ครอบครัวคอยให้กำลังใจ
การปรับบทบาทการเป็น บิดา มารดา
ยอมรับการตั้งครรภ์
ยอมรับความเป็นบุคคล ขดงทารกในครรภ์
การกระตุ้นพัฒนาการ ทารกในครรภ์
นางสาวธนภรณ์ ไตรทิพย์ เลขที่ 51 ห้อง A
นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณทิตชั้นปีที่ 2 รุ่นที่ 26