Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
จิตเวช บทที่ 4 การรักษาด้วยไฟฟ้า, Electroconvulsive Therapy : ECT …
จิตเวช บทที่ 4 การรักษาด้วยไฟฟ้า
Electroconvulsive Therapy : ECT
การรักษาด้วยไฟฟ้า
*
การเตรียมผู้ป่วยก่อนทำ ECT
การเตรียมผู้ป่วยด้านจิตใจ
ประเมินความวิตกกังวล อธิบายถึงความจำเป็นและข้อดีในกาารักษาด้วยไฟฟ้า
การเตรียมผู้ป่วยด้านร่างกาย
งดน้ำงดอหารหลังเที่ยงคืน ตรวจวัดสัญญาณชีพ ถอดฟันปลอม สิ่งของมีค่า ใส่เสื้อผ้าของโรงพยาบาล จิบน้ำแค่พอกลืนยา
การพยาบาลขณะทำการรักษาด้วยไฟฟ้า
จัดท่านอนให้อยู่ในท่านอนหงายราบบนเตียง บันทึกอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต คาดแผ่น electrode ที่ขมับใส่แผ่นยางในปากเพื่อป้องกันการอุดตันทางเดินหายใจและเกิดแผลในปาก
ข้อบ่งชี้ในการทำ
สภาวะซึมเศร้าจากสาเหตุภายใน (endogenous depression) จะให้ผลดีจากการรักษาด้วยการช็อคไฟฟ้ามากกว่าสภาวะอื่นๆ ที่ใช้บ่อยคือโรคจิตทางอารมณ์แบบเศร้า สภาวะ นี้จะได้ผลดีกว่าร้อยละ 80 และได้ผลเมื่อทำประมาณ 5-10
โรคจิตเภทแบบ catatonic และแบบเฉียบพลันที่มีอาการทางอารมณ์เป็นอาการสำคัญ
เป็น maintenance treatment ในโรคจิตเภทที่เป็นอย่างเรื้อรัง
โรคจิตทางอารมณ์แบบคลั่ง ที่มีอาการอย่างเฉียบพลัน
ข้อดีของการรักษาด้วยไฟฟ้า
สามารถคงสภาพไม่ให้อาการกำเริบซ้ำ
สามารถรักษาผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่ตอบสนองต่อยาหรือมีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเช่น ผู้ป่วยจิตเวชที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยจิตเวชสูงอายุ
จะช่วยให้อาการทางจิตของผู้ป่วยทุเลาอย่างรวดเร็ว
ความถี่ในการทำ
ทำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์จนอาการดีขึ้น ซึ่งขึ้นกับชนิดของโรค อย่างน้อยที่สุดไม่ควรทำต่ำกว่า 6 ครั้ง และมากที่สุดไม่เกิน 25 ครั้ง เฉลี่ยประมาณ 9 ครั้ง
ชนิดของการช็อคด้วยไฟฟ้า มี 2 ชนิดคือ
Unilateral ECT คือการช็อคด้วยไฟฟ้า โดยให้กระแสผ่านสมองซีกเดียว ซึ่งเป็นซีกที่ nondominant เพื่อลดอาการสับสน (confusion) และอาการลืมหลังทำ อย่างไรก็ดี แพทย์บางคนพบว่าผลไม่ดีเท่า bilateral ECT และยังพบว่า verbal learning จะเสียถ้าให้กระแสผ่านสมองซักที nondominant และ nonverbal learning เสียถ้าให้กระแสผ่านสมองซีกที dominant
Bilateral ECT คือการช็อคด้วยไฟฟ้าโดยการวางขั้วไฟฟ้า (electrode) ไว้ที่ขมับ ทั้ง 2 ข้าง ให้กระแสผ่านสมองทั้ง 2 ซีก
ความหมาย
เป็นการรักษาโดยใช้กระแสไฟฟ้าสลับ 70-150 volt ผ่านแผ่นอิเล็กโทรด(Electrodes) เข้าสู่สมองของผู้ป่วยซึ่งจะวางได้ 2 แบบคือ bilateral โดยการวางขั้วไฟฟ้าทั้ง 2 ข้างและแบบ Unilateral วางขั้วไฟฟ้าที่ขมับข้างเดียวกันที่บริเวณขมับ Fronto-temporal ผ่านสมองประมาณ 0.1-0.5 วินาที เพื่อทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการชักทั้งตัวแบบเกร็งและกระตุก (grandmal) การทำครั้งแรกมักจะเริ่มด้วยกระแสไฟฟ้า 80 โวลท์และปล่อยให้กระแสผ่าน 0.2 วินาที ถ้าไม่ชักก็เพิ่มเป็น 90 หรือ 100 โวลท์ และเพิ่มเวลาขึ้นด้วย ถ้าเพิ่มกระแสไฟฟ้า และ/หรือเวลาแล้วผู้ป่วยยังไม่ชัก เราก็มักไม่พยายามต่อไป ควรทำใหม่ในวันรุ่งขึ้นเมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านสมอง ผู้ป่วยจะหมดสติทันที
ข้อห้ามและข้อควรระวังในการรักษาด้วยไฟ้า
5.ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
โรคของหลอดเลือดและหัวใจเช่นโรค Myocardial infarction ที่เพิ่งเป็นใหม่ๆ ห้ามทำ ECT เพราะอาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ (arrhythmia) ในขณะชัก และอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายมากขึ้น แต่ถ้าคลื่นหัวใจ (ekg) และระดับเอนไซม์ของหัวใจคงที่แล้วอาจ ทำ ECT ได้ แต่ต้องทำโดยความระมัดระวัง
ห้ามเด็ดขาดในโรคเนื้องอกของสมอง เพราะการชักจะเพิ่มความดันภายในกระโหลกศีรษะ
6.โรคปอด
3.การติดเชื้อในกระเเสโลหิตเฉียบพลัน
4.ผู้สูงอายุ
การพยาบาลผู้ป่วยหลังการรักษาด้วยไฟฟ้า
เมื่อผู้ป่วยเริ่มฟื้นและรู้สึกตัวและหายใจได้เองแล้วย้ายผู้ป่วยไปห้องพักฟื้นหลังจากการทำการรักษา ตรวจวัดสัญญาณชีพ การหายใจ การสำลักเสมหะน้ำลาย ดูแลทำความสะอาดร่างกาย เหมือนกับผู้ป่วยหลังผ่าตัดทั่วไป อาจมีอาการสับสน ระวังอุบัติเหตุตกเตียง เฝ้าระวังอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ พร้อมบันทึกอาการและอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย