Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาหลังคลอด, นางสาวรุจิตรา โพธิสวัสดิ์ เลขที่3 ห้องA, อ้างอิง:…
การพยาบาลมารดาหลังคลอด
การเปลี่ยนเเปลงด้านจิตสังคมของมารดาในระยะหลัง คลอด
การเกิดอารมณ์แปรปรวนหลังคลอด
ภาวะซึมเศร้าภายหลังคลอด (Postpartum Depression)
การของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมการนอนหลับ ความอยากอาหาร มีอารมณ์เศร้า หงุดหงิด มีความวิตกกังวล จัดการปัญหาไม่ได้ มีความคิดเชิงลบ กลัวเมื่อต้องอยู่คนเดียว สับสน
คือมีอาการรุนแรงมากกว่าจนถึงขั้นรบกวนความเป็นอยู่ การเลี้ยงดูทารก และอาการอยู่นาน เกิน 2 สัปดาห์
อารมณ์เศร้าหลังคลอด (postpartum blues)
อารมณ์ที่มีระยะเวลาการเกิดอาการสั้น อาการไม่รุนแรง ไม่ต้องรักษาใดๆ และอาการจะ กลับคืนสู่สภาวะเดิม
อาการแสดง ได้แก่ มีอารมณ์หงุดหงิด ร้องไห้ วิตกกังวล
ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวของมารดาหลังคลอด
อายุ
ระดับการศึกษาและ รายได้ครอบครัว
ด้านครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อม
ภาวะสุขภาพ ของมารดา
ภาวะสุขภาพ ของบุตร
สัมพันธภาพ ระหว่างคู่สมรส
ระยะหลังคลอดเป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านบทบาท (transitional role)
ระยะพึ่งพา
เป็นระยะที่ต้องการพึ่งพา ผู้อื่นทั้งด้านร่างกายและ จิตใจ
การพยาบาล ควรส่งเสริมให้มารดาได้รับ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดูแลให้มารดามีความสุข สบาย เปิดโอกาสให้มารดา ระบายความรู้สึก
เป็นระยะที่เริ่มเป็นตัวของ
ระยะกึ่งพึ่งพา
่เริ่มเป็นตัวของ ตัวเองมากขึ้น เกิดขึ้นในช่วง 3-10 วันหลังคลอด
มารดา เริ่มสนใจที่จะเรียนรู้และ ฝึกทักษะการดูแลบุตร
การพยาบาลควรให้ ค าแนะน าในการดูแลบุตร กระตุ้นให้มารดาฝึกบทบาท ในการดูแลบุตร เพื่อลดความ กังวลและสร้างความมั่นใจ
ระยะพึ่งตนเอง
ระยะที่มารดามีความ เป็นตัวเองมากขึ้น เกิดขึ้น ประมาณ 2 สัปดาห์
ปรับตัวต่อบทบาท การเป็นมารดาและภรรยา ควรส่งเสริมให้มารดามีการ ตอบสนองความต้องการของ ทารกที่เหมาะสม
การส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอด
การพักผ่อนมีความสำคัญสำหรับมารดาหลังคลอดที่ให้นมบุตร เนื่องจากความวิตกกังวล ความไม่สุขสบายจะยับยั้งการหลั่งน้ำนม ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ดังนั้นมารดาควรนอนหลับพักผ่อนในเวลากลางคืนประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง ส่วนตอนกลางวันควรนอนพักผ่อนประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง อาจใช้เวลาให้ตรงกับช่วงที่บุตรนอนหลับ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนการนอนหลับ เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การทำงานหรือการออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป และความเครียด เป็นต้น ในระยะ 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด อาจทำงานบ้านเบาๆ ไม่หักโหมเกินไป และเมื่อสภาพร่างกายไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ สามารถทำงานได้ตามปกติตั้งแต่ 4 - 6 สัปดาห์หลังคลอด หรือภายหลังได้รับการตรวจร่างกายหลังคลอด 6 สัปดาห์
มารดาวัยรุ่นควรอาบน้ำ วันละ 2 ครั้ง สระผมได้ตามปกติ และไม่ควรแช่ในอ่างหรือแม่น้ำลำคลอง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ทางช่องคลอด เพราะในระยะหลังคลอดร่างกาย ได้รับบาดเจ็บจากการคลอดจึงมีช่องทางจากบาดแผลที่เชื้อโรคสามารถเข้าไปฟักตัวและก่อให้เกิดโรคได้ ในบางกรณีอาจพบพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงการอาบน้ำ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากความเชื่อในท้องถิ่นว่า หากตนเองอาบน้ำจะเป็นเหตุให้ร่างกายตกอยู่ในสภาพที่มีความเย็น ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย ส่วนบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก มารดาวัยรุ่นควรทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยล้างทุกครั้งหลังขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ ควรล้างจากหัวหน่าวไปยังทวารหนัก ไม่ควรล้างย้อนไปมา จากนั้นจึงซับให้แห้ง ถ้ายังมีน้ำคาวปลาอยู่ หมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยเมื่อชุ่มทุกครั้ง หรือไม่ควรใส่นานเกิน 4 ชั่วโมง และควรทิ้งผ้าอนามัยในที่ที่เหมาะสมทุกครั้ง และสังเกตสี กลิ่น ลักษณะของน้ำคาวปลา
การมีเพศสัมพันธ์ ระยะหลังคลอดไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 สัปดาห์ เนื่องจากหลังคลอดแผลภายในโพรงมดลูกยังไม่หายดี ผนังช่องคลอดบาง แผลฝีเย็บยังมีความไวต่อความเจ็บปวดและปากมดลูกยังปิดไม่สนิท เสี่ยงต่อการติดเชื้อภายในโพรงมดลูกมากขึ้น ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น มารดาวัยรุ่นจึงควรงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 6 - 8 สัปดาห์หลังคลอด หรือภายหลังได้รับการประเมินสภาพการหายของแผลฝีเย็บ และมดลูกจากการตรวจหลังคลอด 6 สัปดาห์
อาการผิดปกติที่ควรมาโรงพยาบาล ควรมีการสังเกตถึงอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ อาการไข้ น้ำคาวปลาสีผิดปกติ เป็นสีแดงตลอดไม่จางลง และมีกลิ่นเหม็นเน่า มีเลือดสดๆ ออกทางช่องคลอดจำนวนมาก หลังคลอด 2 สัปดาห์ ยังคลำก้อนทางหน้าท้องได้ เต้านมอักเสบ บวม แดง และมีการกดเจ็บ ถ่ายปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ตาพร่ามัว มีภาวะซึมเศร้า หากสังเกตพบอาการผิดปกติดังกล่าวนี้ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที ดังการศึกษาของมัทสุยามา และโมจิ พบว่า ในระยะหลังคลอดมักพบปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้ และการสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตนเองช้าเกินไป และจากการศึกษาของอุทัยวรรณ สุกิมานิล พบว่า คุณแม่หลังคลอดไม่มีการสังเกตอาการหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังคลอด เช่น การลดลงของขนาดมดลูก หรือสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง เป็นต้น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดได้
การวางแผนครอบครัว ระยะหลังคลอดควรมีการคุมกำเนิด เพื่อเว้นระยะห่างของการมีบุตร โดยปรึกษาสามีเกี่ยวกับจำนวนบุตรที่ต้องการ หรือปรึกษาบุคลากรสุขภาพ ในขณะที่มารดาวัยรุ่นยังไม่มีประจำเดือน แต่รังไข่สามารถผลิตไข่และมีการตกไข่ได้ เมื่อมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นควรมีการคุมกำเนิดก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าต้องการมีบุตรคนต่อไป ควรเว้นระยะห่างของการมีบุตรอย่างน้อย 2 ปี เพื่อสามารถเลี้ยงดูบุตรได้อย่างเหมาะสม การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวมีหลายวิธี ได้แก่ ยาฝังคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ใส่ห่วงอนามัย และการใช้ถุงยางอนามัย ในมารดาวัยรุ่นพบปัญหาการตั้งครรภ์ซ้ำเร็วเกินไป เห็นได้จากการศึกษาของเชนและคณะพบว่ามารดาวัยรุ่นในประเทศไต้หวันมากกว่า 1 ใน 3 ไม่ได้คุมกำเนิดในระยะหลังคลอด เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ซ้ำในมารดาวัยรุ่น หากมีการตั้งครรภ์ซ้ำเกิดขึ้นจะเป็นเหตุให้ เกิดผลกระทบต่อทารกได้
การตรวจร่างกายภายหลังคลอด ปกติจะนัดตรวจเมื่อครบ 6 สัปดาห์หลังคลอด เพื่อตรวจดูการกลับคืนสู่สภาพปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ ตรวจหามะเร็งปากมดลูก รับบริการวางแผนครอบครัว ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาการเลี้ยงดูบุตร และการดูแลสุขภาพหลังคลอด ดังนั้นจึงต้องเน้นให้คุณแม่เห็นความสำคัญของการมาตรวจตามนัด
นางสาวรุจิตรา โพธิสวัสดิ์ เลขที่3 ห้องA
อ้างอิง: เพ็ชรัตน์ เตชาทวีวรรณ .(2556).การพยาบาลมารดาหลังคลอด .ออนไลน์. สืบค้นจาก
http://www.elnurse.ssru.ac.th/petcharat_te/pluginfile.php/58/block_html/content/.pdf
สืบค้นวันที่28 พฤษภาคม 2563
พฤติกรรมที่ส่งเสริมคุณเเม่หลังคลอด.(2561).สืบค้นออนไลน์. สืบค้นจาก
https://www.thaihealth.or.th/blog/myblog/topic/943/thitipong
สืบค้นวันที่28 พฤษจิกายน 2563