Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของระบบสืบพันธุ์, 78977802_474044939891817…
การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของระบบสืบพันธุ์
ความผิดปกติในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
เนื้องอกและมะเร็ง
Benign tumors
Vulva cysts
ต่อมนี้ตําแหน่งอยู่ส่วนล่างของ vulva มักเป็นปํญหาหลัก และพบบ่อยของ vulva tumor และพบว่ามีการติดเชื้อเป็นหนอง
เกิดจากสาเหตุใหญ่คือ Bartholin’s cyst
กิดความระคายเคือง ไม่สุขสบาย
การติดเชื้อมักเป็น E. coli or Staphylococcus aureus
อาการและอาการแสดง
Perineal mass
Dyspareunia
Pain redness
ปวดแสบขณะถ่ายปัสสาวะ
มีการอักเสบติดเชื้อหรือเกิดหนอง
Endometriosisอภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial tissue) ไปเจริญอยู่ในตําแหน่งอื่น ที่นอกเหนือไปจากภายในโพรงมดลูกปกติ
อาการและอาการแสดง
Classic symptoms
ปวดประจําเดือนเรื้อรังและมากขึ้นเรื่อย (progressive dysmenorrhea)
รอบประจําเดือนผิดปกติมามากและนาน
มีภาวะมีบุตรยาก (infertility)
เจ็บในช่องคลอดลึก ๆ ขณะมีเพศสัมพันธ์ (dyspareunia)
เจ็บบริเวณหัวเหน่าในช่วงที่มีประจําเดือน
ประวัติเจ็บที่ลําไส้ตรงและกลั้นอุจจาระไม่ได้ในช่วงที่มีประจําเดือนเป็น รอบๆ
พยาธิสรีรภาพ
เกิด endometriosis ที่รังไข่ก็จะเกิดการ ก่อตัวเป็นถุงน้ํา ลักษณะจึงเหมือนน้ําช็อกโกแลตจึงรียก “ถุงน้ําช็อกโกแลต(chocholate cyst)”
มีขนาดเล็กมาก เส็นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 1 เซนติเมตร ถึงโตมากเกิน 10 เซนติเมตร
มีการตอบสนองต่อฮอร์โมน estrogen และ progesteroneในช่วงมี ประจำเดือน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Laparoscopy or laparotomy พบก้อนเนื้อเยื่อบน uterosacral ligament, rectovaginal septum และพบ endometrium cysts บนรังไข่
Pelvic ultrasound พบ endometrial tissue บนรังไข่
สาเหตุ
สาเหตุไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากภาวะเลือดประจําเดือนไหลย้อนกลับ แทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อมดลูกเข้าสู่รังไข่และอุ้งเชิงกราน
ปัจจัยเสี่ยงคือประวัติบุคคลในครอบครัว เคยเป็น endometriosis และระบบภูมิคุ้มกันถูกกด
Ovarian cyst ถุงน้ําที่อยู๋ที่รังไข่ หรือก้อนเนื้องอกที่รังไข่ชนิดไม่ ร้ายแรง มีขนาดโตเกินกว่า 2 เซนติเมตร พบค่อนข้างมากในเพศหญิงวัยเจริญพันธ์ อายุ 20–30 ปี
Follicle cyst ถุงน้ําที่รังไข่ที่เกิดขึ้นเมื่อไข่เจริญเต็มที่แต่ไข่ยังไม่ตก
Corpus luteum cys tถุงน้ําที่รังไข่ที่เกิดขึ้นเมื่อไข่ตกไปแล้ว
Theca luteum cyst่ รังไข่ทั้ง 2 ข้าง มักมีขนาดเล็ก
Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS)ถุงน้ําเล็ก ๆ จํานวนมากที่ รังไข่
Dermoid cyst เนื้องอกชนิดนี้มีทั้งส่วนที่เป็นถุงน้ํา และส่วนที่เป็นไขมัน อาจมีเส้นผม มีผิวหนัง ฟัน กระดูก เข้าไปอยู่ในก้อนเนื้องอก
Cystadenoma cyst ถุงน้ําชนิดนี้อาจตรวจพบโดยบังเอิญหรือมีอาการ ผิดปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ผลการตรวจ Glucose tolerance test เป็น Type 2 DM
การทํา Laparoscopy จะตรวจพบ Ovarian cyst
ระดับ LH, FSH, serum testosterone สูงกว่าปกติ
อาการและอาการแสดง
ถ้าถุงน้ํามีขนาดใหญ่หรือมีจํานวนมากจะมีอาการ ไม่สุขสบายในช่องท้อง แน่นอึดอัดใน
ปวดท้องน้อย Dyspareunia หรือเจ็บปวดขณะมีประจําเดือน
Abnormal uterine bleeding ประจําเดือนมามาก มากระปริดกระปรอยหรือไม่มา
ถ้ามีการบิดขั้วของถุงน้ําจะมีอาการปวดท้องเฉียบพลันคล้ายอาการที่เป็นappendicitis
มีภาวะมีบุตรยาก (infertility) ภาวะอ้วน และร้อยละ 50 จะพบภาวะขนดก มักมีภาวะไข่ไม่
ตกร่วมด้วย ดังนั้นผิวเยื่อบุโพรงมดลูกมักจะหนาจากผลของการกระตุ้นโดย unopposed estrogen จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้สูง
Adenomyosis
พบมากในเพศหญิงอายุ
อาการและอาการแสดง
Hypermenorrhea ประจําเดือนมามากและนาน
Dysmenorrhea มักจะปวดในขณะมีระดูเท่านั้น
Polymenorrhea
ปวดถ่วงที่ท้องน้อย
ถ่ายปัสสาวะบ่อย เนื่องจากมดลูกที่โตขึ้นไปกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ
มีภาวะมีบุตรยาก
ประกอบด้วย glands and stroma กระจายอยูjในระหว่างชั้นกลhามเนื้อของมดลูก adenomyosis
Fibroid (Leiomyoma, Myoma)
พยาธิสรีรวิทยา
ตําแหน่งที่ก้อนเนื้องอกเกิดคือผนังมดลูก (intramural) แทรกอยู่ใน endometrial cavity (submucous) หรือแทรกอยู่ใน serosal surface (subserous)
มีลักษณะเป็นก้อนกลมแข็งชัดเจน
เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก ประกอบด้วยกล้ามเนื้อเรียบ และ fibrous connective tissue
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจเลือด พบภาวะเลือดจาง (anemia) จากการมีเลือดออกผิดปกติ
การตรวจเลือด พบภาวะเลือดจาง (anemia) จากการมีเลือดออกผิดปกติ
Ultrasound, MRI พบก้อนเนื้องอก
สาเหตุ สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบชัด แต่มีส่วนสัมพันธ์กับการได้รับยากลุ่มส เตียรอยด์ ฮอร์โมน estrogen, progesterone
อาการและอาการแสดง
มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
อาการกดต่ออวัยวะข้างเคียง
อาการปวด มีได้หลายรูปแบบ
มีภาวะมีบุตรยาก (infertility)
คลําก้อนได้บริเวณท้องน้อย
หายใจลําบาก (dyspnea) พบได้แต่ไม่บ่อยนัก
ตกขาว การตกเลือดในช่องท้อง
Vulva dystrophy
พยาธิสรีรวิทยา
การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทําให้ vulva ฝ่อเล็ก ปากช่องคลอดแคบมากผนังช่องคลอดสีซีด ผิวเรียบและฉีกขาดง่าย เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ทําให้มีการ อักเสบของช่องคลอด
การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทําให้น้ําหล่อลื่นในช่อง คลอดลดลง ผนังช่องคลอดแห้งและมีบางตัวของผนังช่องคลอด pH ในช่องคลอดเปลี่ยนไป (ความ เป็นกรดลดลง)
อาการและอาการแสดง
แสบคัน ปวดแสบปวดร้อนบริเวณช่องคลอด
มีตกขาวจาก ๆ บางครั้งคล้ายหนอง
มีการอักเสบเป็นจุดแดง ๆ เนื่องจากมีจุดเลือดออกใต้เยื่อบุช่องคลอดทั่วไป
มีอาการเจ็บปวดขณะร่วมเพศ (Dyspareunia)
ความต้านทานต่อการติดเชื้อในช่องคลอดลดลงเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นเป็นโรค ที่ต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่องเพราะมักเป็นสาเหตุของการเกิด vulva cancer
พบในสตรีสูงอายุหรือวัยหมดประจําเดือนหรือสตรี ที่ถูกตัดรังไข่ออกทั้งสองข้าง
Malignant condition
Cancer of cervix หรือ Cervical cancer (มะเร็งปากมดลูก)
สาเหตุ
สัมพันธ์กับการติดเชื้อ HPV (Human papilloma virus) มากที่สุด
ปัจจัยเสี่ยง
ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม
สารก่อมะเร็ง สารก่อมะเร็งจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่สตรีที่มีภูมิต้านทานต่ํา การสูบบุหรี่ การใช้ยาคุมกําเนิดเป็นระยะเวลานานเกิน 5 ปี และจากกรรมพันธุ์ เป็นต้น
เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม
อายุและพฤติกรรมทางเพศ
สตรีอายุมากเสี่ยงมากกว่าสตรีที่มีอายุน้อย
สตรีที่แต่งงานมีโอกาสเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มที่ไม่แต่งงาน
พบมากขึ้นในสตรีที่แต่งงานหรือมีการร่วมเพศตั้งแต่อายุน้อยโดยเฉพาะก่อนอายุ 16 ปี
พบมากในกลุ่มที่มีชีวิตคู่ที่ไม่ยั่งยืน มีความถี่การร่วมเพศบ่อยครั้ง
กลุ่มที่มีการส่ําส่อนทางเพศ มีคู่นอนหลายคน
การมีบุตร
พยาธิสรีรวิทยา
การเปลี่ยนแปลงลักษณะเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ในช่วงระยะ preinvasive ลักษณะเซลล์จะเป็นชนิด carcinoma in situ หรืออาจเรียกว่า cervical intraepithelial neoplasia and squamous intraepithelial lesion
หากทิ้งไว้ไม่รักษาจะกลายเป็น invasive cervical cancer
ชื้อ HPV จะเข้าไปยังบริเวณปากมดลูก
มะเร็งปาก มดลูกส่วนใหญ่ประมาณ 95% จะเป็นชนิด squamous cell carcinoma
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Cone biopsy, conization การตัดปากมดลูกเป็นรูปกรวย
Organ and bone scan เพื่อตรวจการแพร่กระจายของโรค
Colposcopy การส่องกล้องจะพบตําแหน่งเริ่มต้นของเซลล์ผิดปกติที่พบ จากการตรวจ Pap test
Papanicolaou (Pap) test พบเซลล์ผิดปกติ ถือเป็นการ screening test ที่ดีที่สุด
อาการและอาการแสดงมักพบจากการมาตรวจเช็คมะเร็งด้วย การทํา Pap smear
ระยะก่อนลุกลาม (Preinvasive) มักไม่มีอาการผิดปกติ
ระยะลุกลาม (Early invasive cervical cancer)
Abnormal vaginal bleeding ออกภายหลังหรือขณะร่วมเพศ (post coital bleeding) หรือเลือดออกภายหลังวัยหมดประจําเดือน
Persistent vaginal discharge (การตกขาว)
อาการของมะเร็งระยะสุดท้าย (Advanced disease)
อาการเจ็บปวด เกิดขึ้นในระยะท้าย
มีปัสสาวะอุจจาระรั่วออกทางช่องคลอด
อาการทั่วไป คือ เบื่ออาหาร ซีด น้ําหนักลด ผอมแห้ง อ่อนเพลียมาก
อาการที่เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะต่างๆ
แพร่กระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะ ทําให้เกิดปัสสาวะบ่อย และมีเลือดออก
แพร่กระจายไปยังลําไส้ใหญ่ช่วงปลาย
แพร่กระจายไปอุดกั้นบริเวณหลอดไต ทําให้เกิดภาวะ Hydronephrosis
แพร่กระจายไปยังต่อมน้ําเหลือง
แพร่กระจายไปยังตับทําให้เกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
แพร่กระจายไปยังปอด ทําให้เกิดอาการไอ เหนื่อยหอบ ไอเป็นเลือด
แพร่กระจายไปยังกระดูกทําให้เกิดอาการเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก
Cancer of the uterus, Endometrial carcinoma, uterine cancer (มะเร็งตัวมดลูกหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก)
พยาธิสรีรภาพ
เริ่มต้นตรงบริเวณ fundus และลุกลามไปยังชั้น กล้ามเนื้อมดลูก และอวัยวะของระบบสืบพันธ์ ตรงท่อรังไข่ รังไข่ และช่องท้องแล้วลุกลามไปยังปอด ตับ และกระดูก
อาการและอาการแสดง
ตกเลือดหรือมีเลือดออกผิดปกติ จะเป็นอาการแสดงที่พบมากที่สุด
Vaginal dischargeอาจพบว่ามีน้ําใส ๆ สีเหลืองหรือสีน้ําตาลไหลออกทาง ช่องคลอดบางรายอาจมีการติดเชื้อทําให้มีการตกขาวมีกลิ่นเหม็น
Uterine enlargement
ปัจจัยเสี่ยง
ประวัติการมีประจําเดือนไม่สม่ําเสมอ
Polycystic ovarian syndrome
Anovulation, abnormal uterine bleeding
ปัจจัยเกี่ยวกับเอสโตรเจน
Obesity, hypertension, diabetes
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Biopsy การตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อตรวจสอบชนิดของเซลล์
Dilation and curette เพื่อแยกโรคในรายที่ผลการตรวจชิ้นเนื้อเป็นผลลบ
สาเหตุ สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบ
Cancer of the ovary มะเร็งรังไข่
พยาธิสรีรวิทยา
เซลล์ epithelial tumor มักจะเริ่มต้นในรังไข่ และเจริญอย่าง รวดเร็วเข้าสู่เยื่อบุช่องท้อง และอาจแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ําเหลืองและกระแสเลือด แล้วลุกลามไป ยังปอด ทําให้เกิดน้ําท่วมปอดได้
ปัจจัยเสี่ยง
ถ้าเป็นมะเร็งเต้านมจะมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่
การทํางานของรังไข่ผิดปกติ ประจําเดือนมาไม่สม่ําเสมอ
เป็นหมันหรือมีบุตรยาก มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งรังไข่
การสัมผัสมลภาวะ เช่น asbestos, talc
อาหารไขมันสูง
การรับประทานยาคุมกําเนิด หรือการได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนบําบัด
สาเหตุ สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบ
อาการและอาการแสดง
Early stage
ปัสสาวะบ่อย ปวดท้องน้อย
ท้องผูก
คลื่นไส้ อาเจียน มีลมในช่องท้อง
มีเลือดออกช่องคลอด
ไม่สุขสบายในช่องท้อง อึดอัดแน่นท้อง ท้องอืด ปวดหลัง
น้ําหนักลด
Late stage
ถ้าก้อนมะเร็งแตก มีการบิด หรืออักเสบ จะมีอาการปวดยอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ
Granulosa cell tumor จะทําให้ระดับเอสโทรเจนเพิ่มทําให้มีเลือดออกระหว่างรอบประจําเดือน
Advanced ovarian cancer
Ascites
Postmenopausal bleeding and pain
อาการแพร่กระจายของมะเร็งไปอวัยวะอื่น ที่พบบ่อยคือ น้ําท่วมปอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Ultrasound, CT, MRI
Aspiration ascitic fluid ในผู้ป่วยระยะ Advanced ovarian cancer
Carcinoma of Vulva (มะเร็งอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก)
อาการและอาการแสดง
คลําพบก่อนหรือมีแผลบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
อาจคลําพบต่อมน้ําเหลืองที่ขาหนีบโตร่วมด้วยในรายที่มีการแพร่กระจายของมะเร็ง
อาการคัน เลือดออกบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ปัจจัยเสี่ยง
อายุ พบมากในสตรีวัยหมดประจําเดือนและในกลุ่มที่มีประจําเดือนเร็วหรือไม่บุตร
Leukoplakia (white epithelial hyperplasia) บริเวณ vulva
Chronic vulvar granulomatous disease
มีการระคายเคือง คันเรื้อรัง บริเวณปากช่องคลอด
Pigment moles จากการเสียดสีของผ้าที่สวมใส่และผ้าอนามัย
มีประวัติการติดเชื้อ human papilloma virus
พบในสตรีกลุ่ม Poor hygiene, Low economic
Obesity, hypertension, diabetes
Breast cancer โรคมะเร็งเต้านมเป็นปํญหาสุขภาพที่สําคัญของสตรี ในหลาย ๆ ประเทศ และพบมากขึ้น ปัจจุบันสตรีไทยมีความสนใจกับโรคนี้มากขึ้น อายแพทย์น้อยลง และรู้จักตรวจเต้านมด้วยตนเอง
ปัจจัยเสี่ยง
มีประวัติประจําเดือนมาครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี ประจําเดือนหมดหลังอายุ 55 ปี (early menarche, late menopause)
ไม่เคยมีบุตร หรือมีบุตรหลังอายุ 30 ปี
การได้รับหรือสัมผัสรังสีจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมมาก
ฮอร์โมน
Positive test for genetic mutation (BRCA 1 and BRCA2)
ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานาน ๆ
ประวัติคนในครอบครัวหรือญาติที่ใกล้ชิดเป็นมะเร็งเต้านม
ความเครียด
พยาธิสรีรวิทยา
เซลล์มะเร็งเต้านมมักเกิดข้างซ้ายมากกว่าข้างขวาบริเวณ outer upper quadrant การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งจะเริ่มอย่างช้า ๆ
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ปัจจุบันพบว่า อาหารจําพวกไขมันสูง และคนอ้วนจะเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด
อาการและอาการแสดง
ผิวหนังอุ่นหรือร้อน แดง
มีอาการดึงรั้งของผิวหนังหรือหัวนมให้บุ๋มลง
อาการบวมเกิดจากก้อนเนื้องอกขัดขวางทางเดินน้ําเหลืองในเต้านม
มีของเหลวออกจากหัวนม เป็นเลือดหรือสีน้ําล้างเนื้อ
มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาดและโครงสร้างของเต้านม
Pathological bone fracture, hypercalcemia
แขนบวม ต่อมน้ําเหลืองใต้รักแร้บวม
มีก้อนไม่เจ็บ แข็ง เป็นอาการนําที่สําคัญมากที่สุด
หลอดเลือดที่มาเลี้ยงเต้านมขยายตัวมองเห็นที่ผิวหนัง
การแบ่งระยะ (Staging) ของมะเร็งเต้านม ตาม American Joint Committee
ระยะที่ 2 ก่อนมะเร็งมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร แต่ไม่มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ําเหลืองที่รักแร้และอวัยวะที่ห่างไกล
ระยะที่ 3 ก้อนมะเร็งมีขนาดใด ๆ ก็ได้ มีการลุกลามมายังผิวหนังหรือ กล้ามเนื้อ Pectoralและกลุ่มของ internal mammary แต่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่ห่างไกล
ระยะที่ 1 ก่อนมะเร็งเต้านมมีขนาดเล็กกว่า 2 เซนติเมตร ที่ไม่มีการแพร่กระจาย
การตรวจวินิจฉัย
การซักประวัติ
การตรวจเต้านมและต่อมน้ําเหลือง
การดู ตรวจได้ทั้งท่านั่งและยืน
การคลํา ทําได้ทั้งท่านั่งและนอน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Biopsy ได้แก่ Frozen section, needle biopsy, aspiration
การตรวจหา Tumor marker ใช้ได้เฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะ metastasis disease เท่านั้น
Mammography
ระยะที่ 4 มะเร็งชนิดใดก็ได้ที่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่ห่างไกล
การอักเสบและการติดเชื้อ
Vulvovaginal infection
การอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดและอวัยวะ สืบพันธ์ภายนอก
Trichomoniasis
เพศ หญิงอวัยวะที่ติดเชื้อพบที่ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ endocervix กระเพาะปัสสาวะ Bartholin’s gland, Skene’s gland
เพศชายพบที่ท่อปัสสาวะส่วนล่าง ต่อมลูกหมาก ท่อนําอสุจิ
การเกิดพบ 15% ในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์บ่อย พบ 10% ในผู็ชายที่มีเพศสัมพันธ์บ่อย
อาการและอาการแสดง
ไม่แสดงอาการ พบมากถึง 70 % ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย
ในเพศหญิงที่มีการติดเชื้อเฉียบพลัน จะมีตกขาวมาก discharge จะมี ลักษณะเป็นฟองสีขาว
ฟองสีเหลืองเขียว (yellow – green) หรือเป็นฟองสีเขียวปนเทา (greenish gray) ออกมาก มีกลิ่นเหม็น
มีอาการคัน และปวดแสบปวดร้อนช่องคลอดมาก
ช่องคลอดบวมแดง ถ้าตรวจภายในจะพบจุดสีแดงรอบๆ ปากมดลูก
Dyspareunia, dysuria, poscoital spotting, menorrhagia และ dysmenorrhea
ภาวะติดเชื้อ Trichomonas vaginalis
Atrophic vaginitis
ภาวะช่องคลอดอักเสบวัยชรา
เกิดจากการขาด ฮอร์โมนเอสโตรเจน
พบในสตรีวัยหลังหมดประจําเดือนหรือสตรีที่ตัดรังไข่ออกทั้งสองข้าง
ผนังช่องคลอดบางเรียบ น้ําหล่อลื่นในช่องคลอดลดลง pH ในช่องคลอดเปลี่ยนไป (ความเป็นกรดลดลง)ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
มีอาการปวดแสบ ปวดร้อนในบริเวณช่องคลอด และมีอาการมากขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่มีอาการคันหรือกลิ่นเหม็น
Bacterial vaginosis
มี discharge สีเหลืองเทา กลิ่นเหม็นเหมือนปลาเน่าออกระหว่างมีประจําเดือน หรือ หลังมีเพศสัมพันธ์
มีอาการคันในช่องคลอด และช่องคลอดบวมแดง
ภาวะที่แบคทีเรียในช่องคลอดเจริญเติบโตมาก ผิดปกติ
Vulvitis การอักเสบติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธ์ภายนอก
สาเหตุจากผล สืบเนื่องของการอักเสบติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธ์ภายในหรือจากการได้รับสารระคายเคืองที่สัมผัส
สบู่ แป้ง สารทําความสะอาดเสื้อผ้า การสวมเสื้อผ้าคับเสียดสีอวัยวะเพศตลอดเวลา ฯลฯ
อาการและอาการแสดง
Burning sensation รู้สึกแสบร้อน
Vulva tissue – red and swollen, abrasions นื้อเยื่อช่องคลอด - สีแดงและบวมถลอก
Pruritis
Secondary infection การติดเชื้อทุติยภูมิ
Vagina discharge ถ้ามี vaginitis
Vulvovaginal Candidiasis
พบได้ในช่องปาก คอ ลําไส้ใหญ่และช่องคลอด และไม่ทําให้เกิดโรคหรือการผิดปกติ
พบการอักเสบติดเชื้อนี้ได้ในผู้ที่รับประทานยาปฏิชีวนะ เป็นเวลานาน หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่รับประทานยา steroid หรือยาคุมกําเนิดนาน ๆ
เป็นเชื้อ Candida albicans
อาการและอาการแสดง
Vaginal discharge ลักษณะคล้าย cottage cheese, curd like หรือนม บูด บางรายอาจตกขาวข้นสีขาวจัดคล้ายตะกอนนมอยู่เป็นกลุ่มติดผนังช่องคลอด ไม่มีกลิ่น
Pruritus ระคายเคืองมาก ผิวหนังบริเวณ labia และ vulva บวม มีลักษณะคล้ายผื่นแดง
ปวดแสบปวดร้อนหลังถ่ายปัสสาวะ อาการมากขึ้นก่อนมีประจําเดือน
การอักเสบติดเชื้อราในช่องคลอด
Bartholinitis
เกิดอาการอักเสบบวม แดงบริเวณต่อม บางครั้งอาจมีหนองซึ่งแตกออกมาได้เองหรือต้องได้รับการผ่าตัดกรีดหนองออก
รักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ การประคบร้อนหรือ Sitz bath
เกิดจากเชื้อ Gonococci, Streptococci, Staphylococci and E. Coli
ภายหลังรับการรักษาแล้วผู้ป่วยอาจมีปัญหาการอุดตันของท่อที่หลั่งสารจากต่อม
การอักเสบติดเชื้อของต่อม Bartholin
สังเกตได้จากอาการเจ็บ ขณะเดินหรือขณะมีเพศสัมพันธ์ (dyspareunia) หรือคลําท่อพบรอยพังผืด
Leukorrhea (อาการตกขาว / ระดูขาว / ประจําเดือนขาว / มุตตกิต)
ระดูขาวผิดปกติ
การตกขาวที่เกิดจากการติดเชื้อรา แบคทีเรีย พยาธิหรือไวรัส หรือเชื้อโรคที่ติดจากการมีเพศสัมพันธ์
หนองใน ซิฟิลิส ฯลฯ
ระดูขาวปกติ
ลักษณะตกขาวบริเวณปากช่องคลอดจะขาวใส ไม่มีสี มีฤทธิ์เป็นด่าง
ประกอบด้วย tissue fluid, electrolyte, protein, lactic acid มีฤทธิ์เป็นกรด pH = 3.5 – 4.5
การตกขาวธรรมชาติ ระยะที่เกิดก่อน-หลังมีประจําเดือนและในขณะมีครรภ์
Pelvic inflammatory disease (PID)
ชนิดเฉียบพลันจะเกิดตามหลังการอักเสบเฉียบพลันถ้าได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง
ชนิดเรื้อรัง เกิดจากการรักษาช้าเกินไป หรือติดเชื้อซ้ํามีผลทําให้เกิดท่อรังไข่อุดตัน หลอดมดลูกคดงอ และมีพังผืดเกิดขึ้นบริเวณรอบอุ้งเชิง กราน เกิดภาวะแทรกซ้อนคือเป็นหมันหรือท้องนอกมดลูกได้
การอักเสบติดเชื้อของอวัยวะ สืบพันธ์ภายในอุ้งเชิงกราน ตั้งแต่มดลูก ปีกมดลูก และรังไข่
สาเหตุติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae, Chlamydia trachomatis, Staphylococci, Streptococci, diphtheroids, Psuedomonas, Escherichia coli
ปัจจัยเสี่ยง
การใส่ห่วงคุมกําเนิด
การแท้งบุตร การผ่าตัดอุ้งเชิงกราน การติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
Conization or cauterization
พยาธิสรีรวิทยา
เกิดการอักเสบ ติดเชื้อของเยื่อบุโพรงมดลูกและเมื่อเข้าสู่ท่อนําไข่ก็จะทําให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของท่อนําไข่
การอักเสบรุนแรงขึ้นอาจมีหนองไหลเข้าสู่อุ้งเชิงกรานจะทําให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุช่องท้องในอุ้งเชิง กรานและต่อมาอาจเกิดเป็นพังผืดยึดติดอวัยวะในอุ้งเชิงกราน
ติดเชื้อลุกลามจากช่องคลอดและปากมดลูก เข้าไปในโพรง มดลูกและแพร่กระจายออกทางท่อนําไข่ทั้งสองข้าง
อาการแสดง
ถ้าเป็นมากขึ้นจะมีอาการ
Lower abdominal pelvic pain (acute, sharp, severe aching pain both side of abdomen) ปวดหลังมีประจําเดือน และหรือปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ อาการปวดจะเพิ่ม มากขึ้นขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ หรือขณะปัสสาวะ
Chronic PID จะมีประวัติการติดเชื้อ มีอาการแบบเฉียบพลันมาก่อน ปวด ท้องน้อยเป็นระยะ และปวดมากขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์ ร่วมกับมีอาการตกขาวมาก
Heavy, purulent and odorous vaginal discharge
systemic symptom เช่น ไข้ต่ํา ๆ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดศีรษะ อาเจียน
ระยะแรกจะไม่แสดงอาการ แต่ต่อมาจะเริ่มมีอาการปวดท้องน้อยข้างเดียวหรือ สองข้าง มักปวดหลังมีประจําเดือน ตกขาวมีกลิ่นเป็นหนอง เลือดออกกระปริดกระปรอย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Culture and sensitivity, gram stain ตรวจพบเชื้อสาเหตุ
Culdocentesis ตรวจพบเชื้อสาเหตุ
ความผิดปกติของฮอร์โมนและประจําเดือน
คําศัพท์ที่ควรทราบ
ประจําเดือนมาถี่ (Polynenorrhea )
ประจําเดือนมาห่าง (Oligomenorrhea)
มีประจําเดือนปริมาณจํานวนน้อย (Hypomenorrhea)
ประจําเดือนมานานวัน (Menorrhagia)
มีประจําเดือนปริมาณจํานวนมาก (Hypermenorrhea)
ประจําเดือนมากระปริดกระปรอย (Metrorrhagia)
ไม่มีประจําเดือน ขาดประจําเดือน (Amennorrhea)
ปวดประจําเดือน (Dysmenorrhea)
Premenstrual syndrome (PMS)อาการต่าง ๆ ทั้งทางร่างกายและ จิตใจของสตรีที่เกิด ในช่วงก่อนมีประจําเดือน ถ้าประจําเดือนหายไปกลุ่มอาการเหล่านี้ก็จะหายไป เช่น อาการหงุดหงิด ซึมเศร้า บวม คัดตึงเต้านม เป็นต้น
พยาธิสรีรวิทยา
มีระดับฮอร์โมน prolactin, aldersterone ที่ สูงขึ้น ในช่วงระหว่าง luteal phase ของรอบประจําเดือนทําให้เกิด การคั่งของเกลือและน้ํา ส่งงผลให้เกิดอาการบวม
การหลั่ง neurotransmitters จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และ ความรู้สึก การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของ ระดับฮอร์โมน estrogen และprogesterone
สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบ ปัจจัยเสี่ยงคือ major life stressor ภาวะเครียด ซึมเศร้า และขาดการออกกําลังกาย มักพบในวัยอายุ 30 ปีขึ้นไป
มีภาวะฮอร์โมน prolactin สูง, hypothyroidism หรือ hypoglycemia
ภาวะโภชนาการ คือ การขาดวิตามิน B6 แมกนีเซียม (Magnesium, Mg) หรือ ขาดพร้อมกันทั้งสองอย่าง
เป็นการเกิดปฏิกิริยาระหว่างฮอร์โมน estrogen, progesterone และaldersterone
แบบแผนการดําเนินชีวิตที่มีภาวะเครียดและขาดสารอาหาร
ภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมน estrogen และ progesterone มีระดับ estrogen สูง แต่มีระดับ progesterone ต่ํา หรือเป็นเฉพาะมีระดับ estrogen ต่ําเท่านั้น
อาการและอาการแสดงมักเกิด 7 – 10 วัน ก่อนการมีประจําเดือนและดีขึ้นเมื่อเริ่มมี ประจําเดือน
Physical symptoms อาการทางกายภาพ
Backache, peripheral edema, joint pain ปวดหลัง, อาการบวมน้ำ, ปวดข้อ
Vertigo, nausea / vomiting, abdominal bloating or diarrhea วิงเวียน, คลื่นไส้ / อาเจียน, ท้องอืดหรือท้องเสีย
Migraine, headache with menstruation ไมเกรนปวดศีรษะพร้อมมีประจำเดือน
Sleep disturbance รบกวนการนอนหลับ
Acne, food cravings, constipation สิว,ความอยากอาหาร,ท้องผูก
fluid retention ex. bloating, breast tenderness Wt. gain การกักเก็บของเหลว เช่น ท้องอืด
Emotional symptoms อาการทางอารมณ์
Emotional irritability, loneliness, cry easily ความหงุดหงิดทางอารมณ์,ซึมเศร้า,ร้องไห้ง่าย ๆ
Hostility, depressing, anxiety ความเกลียดชัง, ความหดหู่, ความวิตกกังวล
Irritability, mood change, insomnia หงุดหงิด,เปลี่ยนอารมณ์,นอนไม่หลับ
Lethargy ความง่วง
Dysmenorrhea ภาวะปวดประจําเดือนมีสาเหตุจากการหลั่งฮอร์โมน prostaglandins มากกว่าปกติ
พยาธิสรีรวิทยา
กล้ามเนื้อมดลูกหดตัวทำให้เกิดมีการบีบเกร็งตัวของกล้ามเนื้อมดลูกตั้งแต่ระดับเล็กน้อยถึง ระดับรุนแรง
่กล้ามเนื้อหดตัวเลือดที่มาเลี้ยงมดลูกก็จะลดลงทําให้เกิดอาการ ปวดจากการขาดเลือดมาเลี้ยงของกล้ามเนื้อ
การหลั่งฮอร์โมน prostaglandins มากกว่าปกติ
ปัจจัยเสี่ยง
Primary
พบใน คนอ้วน ไม่เคยมีบุตร
อายุ < 20 ปี
อาการปวดประจําเดือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับพยาธิสภาพของโรค
Secondary
endometriosis
ovarian tumor เนื้องอกรังไข่
PID
อาการปวดประจําเดือนที่เกิดจากความผิดปกติของมดลูก
อาการแสดง
พบน้อย คือ ปวดศีรษะ ท้องอืด คัดตึงเต้านม ท้องเสีย หงุดหงิด อ่อนเพลีย
คลื่นไส้ อาเจียน
อาการปวดช่องท้องด้านล่างอาจร้าวไปหลังและต้นขา
อาการปวดท้องจะเริ่มพร้อมกับการมีประจําเดือนและปวดนานถึง 12–48 ชม. หรือ 48–72 ชม.
Amenorrheaภาวะไม่มีประจําเดือน หรือภาวะขาดประจําเดือน
อาการและอาการแสดง
Infertility
Acne (Secondary amennorrhea)
Hirsutism ขนดก
Vaginal atrophy ฝ่อในช่องคลอด
Vasomotor flushes
ไม่มีประจําเดือน
สาเหตุ
ภาวะทุพโภชนาการและการออกกําลังกายอย่างหนัก จะกดการหลั่งฮอร์โมน จาก hypothalamus
Pregnancy การตั้งครรภ์
Emotional disorder มักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะ depression หรือ anorexia nervosa
Weight loss ลดน้ำหนัก
Ovarian, adrenal, pituitary tumor รังไข่,ต่อมหมวกไต,เนื้องอกในต่อมใต้สมอง
Endometrial adhesions (Asherman syndrome
ระดับฮอร์โมน progesterone คงที่ หรือมีความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ
รังไข่ไม่มีการตอบสนองต่อฮอร์โมน gonadotropins
ไม่มีการตกไข้เนื่องจากมีความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมน estrogen, gonadotropins, lutinizing, FSH
พยาธิสรีรวิทยา
Secondary amennorrhea เป็นผลจากหลายกลไก
กลไกการเกิดขึ้นอยู่กับสาเหตุ สตรีที่มีระดับฮอร์โมน estrogen ปกติแต่มีภาวะพร่อง progesterone จะไม่มีการตกไข่และเป็นหมัน
Uterine - Asherman syndrome ทําให้เกิดพังผืดในชั้น endometrium ของมดลูก
Premature ovarian failure
Central – hypogonadotropic hypoestrogenic anovulation
Secondary amennorrhea สตรีที่เคยมีประจําเดือนมาแล้ว และ ประจําเดือนขาดหายไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 – 6 เดือน ในสตรีที่เคยมีรอบประจําเดือนปกติ และประจําเดือนขาดหายนานเกินกว่า 12 เดือนในสตรีที่มีรอบประจําเดือนผิดปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Blood and urine studies พบว่าระดับฮอร์โมน pituitary gonadotropin อาจสูงหรือต่ํา ระดับฮอร์โมน thyroid ผิดปกติ
X-ray, CT scan, MRI, laparoscopy, biopsy เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคของ มะเร็งรังไข่ ต่อมหมวกไตและต่อม pituitary
Primary amenorrhea สตรีที่ไม่เคยมีประจําเดือนเมื่อถึงอายุ 14 ปีไม่มีพัฒนาการลักษณะทางเพศปรากฏและเมื่อถึงอายุ 16 ปียังไม่มีประจําเดือน แต่มีพัฒนาการ ลักษณะทางเพศปรากฏ
Dysfunctional uterine bleeding (เลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก) เกิดจากความไม่สมดุลของการหลั่งฮอร์โมน Estrogen และ/หรือ Progesterone ในร่างกาย ทําให้เลือดออกผิดปกติในช่วงจังหวะระหว่างการมีประจําเดือน ระยะเวลา การมีเลือดออกมากกว่า 7 วัน และ/หรือจํานวนเลือดออกปริมาณมากจนส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง และอาจเกิดร่วมกับโรคเลือดหรือต่อมธัยรอยด์ผิดปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจ Thyroid studies จะพบ abnormal thyroid hormone
การตรวจ Dilatation and curettage หรือ endometrial biopsy-จะพบ endometrial hyperplasia หรือ carcinoma
ตรวจพบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (prolong bleeding time) ในผู้ป่วยโรคเลือด
CBC จะพบภาวะเลือดจางถ้าประจําเดือนมามากและนานวัน
ผลการตรวจระดับ progesterone ลดลง
อาการและอาการแสดง
Fatigue จากภาวะเลือดจาง
Oligomenorrhea and infertile จากภาวะไม่มีไข่ตก
Oligomenorrhea ประจําเดือนมาห่าง
Chronic polymenorrhea ประจําเดือนมาถี่ ประมาณ 18 วันต่อหนึ่งรอบ
Hypermenorrhea ประจําเดือนมามากหรือนาน (Menorrhagia) มากกว่า 8 วัน
Metrorrhagia มีเลือดออกในช่วงระหว่างรอบประจําเดือน
พยาธิสรีรภาพ
ระดับฮอร์โมน progesterone ไม่เพียงพอ ส่งผลต่อกลไกการควบคุมเยื่อบุโพรงมดลูก เช่น จังหวะการเกิดหลอดเลือดตีบ
การหลั่งฮอร์โมน estrogen อยู่ตลอดเวลาอย่างเดียวเป็นเวลานาน ทําให้เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตหนาขึ้นผิดปกติ ถ้าภาวะนี้เกิดขึ้นนาน ๆ เป็นปีจะกลายเป็นมะเร็งมดลูก
เยื่อบุโพรงมดลูกตอบสนองต่อความไม่สมดุลของการหลั่งฮอร์โมนและภาวะไม่มีไข่ตก(anovulation)
สาเหตุ
Hormone producing ovarian tumor
Endometriosis
Anovulation พบในช่วงอายุประมาณ 30 ปีกว่า หรืออายุ 40 ปีต้น ๆ
Sexual assault
กลไกการทํางานของ Hypothalamic-pituitary-ovarian ไม่สมบูรณ์ (postpubertalteenagers)
Trauma
Obesity – เอนไซม์ในเนื้อเยื่อไขมันเปลี่ยน androgen androstenedione เป็น estrogen
Pelvic inflammatory disease
Polycystic ovarian syndrome
Coagulopathy
ความผิดปกติในอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
ส่วนองคชาติ: Phimosis, Balanitis, Penile cancer
Penile cancer or Cancer of the penis (มะเร็งองคชาติ) พบมากในผู้ชาย อายุ 45- 60 ปีขึ้นไป
ปัจจัยเสี่ยงคือ มีประวัติเคยติดเชื้อ HPV การสูบบุหรี่
การป้องกัน ทําได้โดยรูดหนังองคชาติ ให้เปิดและล้างทําความสะอาดอย่างสม่ําเสมอทุกครั้งที่อาบน้ํา
สาเหตุเกิดจากการหมักหมมของสิ่งสกปรกบริเวณใต้หนังหุ้มปลาย
Priapism ภาวะอวัยวะเพศชายไม่อ่อนตัว
สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง
เกิดจากโรคเลือดบางชนิด เช่น Sickle cell disease, Leukemia, Metastatic cancer, Spinal trauma
ผลจากยาบางชนิด เช่น Papaverine, Psychotropic drug, Alcohol, Marijuana
การรักษา
ระยะแรกคือให้ยาแก้ปวด ยาชา และ สารน้ํา ถ้าพบอาการในผู้ป่วยที่เป็น Sickle cell disease ควรให้ออกซิเจนด้วย
ประคบเย็นบริเวณฝี เย็บ ถ้าให้การรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้นให้รักษาโดยการผ่าตัด
Balanitis and Posthitis การอักเสบของ glans penis and mucous membrane บริเวณรอบ ๆ องคชาติ
อาการผื่นแดงบริเวณปลายองคชาติ มีหนองไหลมีกลิ่นเหม็น
รักษาควรแนะนําให้ทําความสะอาดบ่อย ๆ และซับให้แห้ง ให้ยาปฏิชีวนะถ้ามีการอักเสบมาก
สาเหตุเกิดจากการระคาย เคืองเสียดสีจนเกิดรอยถลอกและมีการติดเชื้อซ้ํา ร่วมกับการไม่รักษาความสะอาด
Peyronie’ diseaseงภาวะที่มี fibrous plaques มาเกาะที่ปลายหนังหุ้มองคชาติ
ผลกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์ทําให้ล้มเหลวได้
พบได้ในอายุวัยกลางคนขึ้นไป
รักษาโดยการผ่าตัด
Phimosis ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาติมีรูเปิดแคบ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการอักเสบ บวม ปวดบริเวณ หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
รักษาโดยการขลิบหนังหุ้ม ปลายองคชาติออกเล็กน้อยเพื่อเปิดส่วนหัวขององคชาติให้ปัสสาวะได้สะดวก
สาเหตุเกิดจากการไม่รักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ ให้ดีพอ
อาการไม่มากควร แนะนําให้ทําความสะอาดบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาติให้สะอาด
ส่วนอัณฑะ: Orchitis, Testicular torsion
Orchitis, Epididymitis อัณฑะและท่อนําอสุจิอักเสบ
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อจากต่อมลูกหมาก
มักเกิดจากเชื้อ E.coli
เกิดจากการติดเชื้อในระบบ ทางเดินปัสสาวะหรือต่อมลูกหมากอักเสบ
อาการแสดง
ปวดถุงอัณฑะและขาหนีบข้างเดียวตามตําแหน่งของ Vas deferens จะปวด มากขึ้นเวลาเดิน
อาการค่อยเป็นค่อยไป
หากเกิดหลังเป็นคางทูม 3-4 วัน จะมีอาการไข้ ปวดและบวมบริเวณอัณฑะ
อาการที่หลงเหลือจากการหายแล้ว อาจมีการฝ่อของอัณฑะ การสร้างอสุจิลดลง ถ้าเป็นที่อัณฑะทั้งสองข้างอาจเป็นหมันได้
Testicular torsion การบิดของท่ออสุจิ
สาเหตุ
การยึดติดกันของ spermatic fascia
การออกกําลังกายอย่างหนักทําให้ cremaster muscle เกิดแรงดึงรั้งมากจนท่ออสุจิบิดตัว
ความผิดปกติของถุงหุ้มลูกอัณฑะและตําแหน่งถุงอัณฑะ
พยาธิสรีรวิทยา
ในภาวะปกติ Tunica vaginalis จะห่อหุ้มอัณฑะและยึดติดกับท่อนําอสุจิ การหดตัวตามปกติของ cremaster muscle จะทําให้อัณฑะข้างซ้ายหดตัวในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
ในภาวะ testicular torsion อัณฑะจะหดตัวตาม ขั้วหลอดเลือดทําให้มีเลือดคั่ง บวม และเกิดภาวะขาดเลือดได้
การรักษาภายใน 6 ชั่วโมงที่เกิด สามารถกลับมาทําหน้าที่ได้ตามปกติ แต่ถ้าเกิน 12 ชั่วโมงไปแล้วจะ เกิดภาวะเนื้อตายของอัณฑะ
อาการและอาการแสดง
ปวดร้าวลงอัณฑะข้างที่บาดเจ็บหรือขาหนีบข้างนั้น
อัณฑะบวม ช้ํา
ไม่มี cremasteric reflex ของอัณฑะข้างที่บาดเจ็บ
ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
Lightheadedness (วิงเวียนศีรษะ)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Doppler ultrasonography ได้ยินเสียงการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงอัณฑะ ข้างที่บาดเจ็บลดลง
ส่วนท่อปัสสาวะ: Urethritis, Urethra stricture
Urethritis การอักเสบของท่อปัสสาวะ พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
สาเหตุ
Ascending infection จากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น E. coli, Klebsiella, Proteus, Enterobacter, Pseudomonas
การติดเชื้อเรื้อรังอาจเกิดจาก โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง
พยาธิสรีรวิทยา
เชื้อโรคจะเจริญเติบโตได้ในกระเพาะปัสสาวะ และเกิดการอักเสบติดเชื้อตามกลไกการอักเสบของร่างกาย
อาการและอาการแสดง
กระเพาะปัสสาวะบีบเกร็ง
ปวดแสบปวดร้อนขณะถ่ายปัสสาวะหรือคันในท่อปัสสาวะ
Nocturia
มีมูกหรือหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ
Urgency, frequency, dysuria
Hematuria, Fever, chill
อาการทั่วไป ได้แก่ malaise, nausea, vomiting, low back pain, flank pain
ปวดหน่วงบริเวณอวัยวะเพศหรืออัณฑะ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Urinalysis (U/A) เพื่อตรวจหา หนอง เลือด และแบคทีเรียในปัสสาวะ
Clean–catch midstream urine พบเชื้อแบคทีเรียมากกว่า 100,000/milliliter
Urethra stricture การตีบแคบของท่อปัสสาวะเนื่องจากการมีแผลเป็น
พยาธิสรีรวิทยา
มีการไหลย้อนกลับของปัสสาวะ ส่งผลเกิดให้ต่อมลูกหมาก อักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และทําให้ไตเสียหน้าที่ได้
อาการและอาการแสดง
เบ่งถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะลําเล็กลง double stream, sprayi
ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด ปวดเล็กน้อยเวลาถ่ายปัสสาวะ
อาการเฉียบพลันจะมีการคั่งค้างของปัสสาวะจากการปัสสาวะไม่ออก
สาเหตุ
อาจเป็นแต่กําเนิด
จากการได้รับบาดเจ็บที่ทอทางเดินปัสสาวะและขาดการรักษาที่ดีพอ
การอักเสบติดเชื้ออย่างแรง
การใส่สายสวนปัสสาวะนานจนท่อปัสสาวะเกิดเนื้อตาย
การใส่เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีขนาดใหญ
การเป็นมะเร็งท๋อปัสสาวะ
การตรวจทางห้องทดลอง
Ultrasound
Voiding cystourethrogram
ส่วนต่อมลูกหมาก: Benign prostate hypertrophy (BPH), Prostatitis, Prostate cancer
Benign prostate hypertrophy (BPH) ภาวะต่อมลูกหมากโต โดยไม่ใช่มะเร็ง
สาเหตุ
Arteriosclerosis
การอักเสบ
อายุที่เพิ่มมากขึ้นทําให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การเผาผลาญและภาวะโภชนาการเปลี่ยนแปลง
พยาธิสรีรวิทยา
มีระดับฮอร์โมน dihydrotestosterone สูงแล้วเจริญเป็นfibroadenomatous
อาการและอาการแสดง
ระยะแรก
รู้สึกว่าถ่ายปัสสาวะไม่หมด ปัสสาวะสะดุด
ปัสสาวะลําบาก ลําปัสสาวะเล็กลง
ระยะอุดกั้น
ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะตอนกลางคืน
ป้สสาวะค้าง ปัสสาวะเป็นหยด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
อาจมีปัสสาวะเป็นเลือด
ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Blood urea nitrogen (BUN), creatinine สูงจากภาวะไตเสียหน้าที่
Urinalysis พบ hematuria, pyuria, bacteria > 100,000/ µL
Cystoscopy
Prostatitis เกิดจาก การติดเชื้อแบคทีเรีย Fungi, mycoplasma เชื้อที่ทําให้เกิดการอักเสบที่พบบ่อยคือ E. coli
ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง
มีอาการปวดเวลาถ่ายปัสสาวะเล็กน้อย ถ่ายปัสสาวะบ่อย และมี Discharge ไหลออกจากท่อปัสสาวะ มักทําให้เกิดภาวะอักเสบติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ภาวะแทรกซ้อน
ต่อมลูกหมากบวมโต ปัสสาวะคั่งค้าง
Epididymitis (ท่อนําอสุจิอักเสบ)
Bacteremia (การอักเสบติดเชื้อในกระแสเลือด)
Pyelonephritis (กรวยไตอักเสบ)
ต่อมลูกหมากอักเสบเฉียบพลัน
จะมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดบริเวณฝีเย็บ ทวารหนัก และหลัง ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ ถ่ายปัสสาวะบ่อย และถ่ายปัสสาวะตอนกลางคืน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจทางช่องทวารหนักกดที่ต่อมลูกหมากจะปวดมาก และรีดเอาน้ําจากต่อม ลูกหมากมาตรวจจะพบเม็ดเลือดขาวจํานวนมาก และอาจเพาะเชื้อขึ้น
ตรวจการอักเสบติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง
จะใช้วิธี 4 glass bottle แต่วิธีนี้จะยุ่งยากจึงมักใช้วิธี 2 glass bottle
ถ่ายปัสสาวะทิ้งก่อนแล้วเก็บ midstream urine
ผู้ป่วยปัสสาวะประมาณ 10 – 15 มล. เก็บในขวดที่ 1 ซึ่งจะบอกถึงลักษณะของปัสสาวะในท่อปัสสาวะ
ปัสสาวะต่อโดยไม่หยุดใส่ขวดที่ 2 ประมาณ 50 – 70 มล. จะบอกลักษณะปัสสาวะในกระเพาะ ปัสสาวะ
อาการแสดง
ปัสสาวะบ่อย
ปวดขณะหรือภายหลังการหลั่งน้ําอสุจิ
ปวดบริเวณฝีเย็บ ปวดแสบเวลาปัสสาวะบ่อย
Prostate cancer มะเร็งต่อมลูกหมาก พบได้บ่อยในผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป
สาเหตุ - ไม่ทราบแน่ชัด
ปัจจัยเสี่ยง
การติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
กรรมพันธุ์เชื้อชาติ การสัมผัสมลภาวะ เช่น รังสี สารเบนซิน ไฮโดรคาร์บอน
พยาธิสรีรวิทยา
เซลล์มะเร็งที่พบส่วนใหญ่เป็นชนิด adenocarcinoma มักเริ่มต้นจาก ด้านหลังต่อมลูกหมาก
อาการและอาการแสดง
ถ่ายปัสสาวะลําบาก ปัสสาวะเป็นหยด ปัสสาวะคั่ง
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ระยะแรก ไม่มีอาการแต่อาจคลําพบก่อน ระยะต่อมามีอาการ
ปัสสาวะเป็นเลือด
อัณฑะหรือขาบวม
คลําพบตอมลูกหมากโต ขอบไมเรียบ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Serum prostate - specific antigen (PSA) test – มีค่าสูงกว่าปกติ
Transrectal prostatic ultrasonography - ตรวจพบต่อมมีขนาดโต ลักษณะผิดปกติ
Bones scan, CT, MRI
Digital rectal examination คลําพบต่อมโต ลักษณะผิดปกติ ควรตรวจเป็นประจําทุกปีในผู้ชายที่อายุ 70 ปีขึ้นไป (American Cancer Society)
ส่วนเต้านม: Gynecomastia, Breast cancer
Gynecomastia เป็นภาวะเต้านมโตผิดปกติในเพศชาย พบได้ทั้งในวัย เจริญพันธ์และวัยสูงอายุ
สาเหตุ
กลไกการทํางานของฮอร์โมนผิดปกติ
พบภาวะนี้ได้ในวัยรุ่นเนื่องจากมีการหลั่งฮอร์โมนจากลูกอัณฑะ
ปัจจัย
ระดับฮอร์โมน estrogen สูงกว่าปกติ
มะเร็งลูกอัณฑะ ลูกอัณฑะอักเสบ โรคตับ โรคไทรอยด์ การได้รับยาบางชนิด เช่น Opiate, chemotherapeutic agent
อาการและอาการแสดง
เต้านมโตกว่าปกติอาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
วัยสูงอายุจะพบก้อนโตใต้ลานนม
ก่อให้เกิดผลกระทบและเกิดปัญหาทางด้านจิตใจรุนแรง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Testicular ultrasound
Breast cancer
มะเร็งเต้านมเพศชายพบน้อยมาก
พบในผู้ชายอายุ ประมาณ 60 ปี
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องการเกิด
กรรมพันธุ์
ความผิดปกติของยีน (presence of the BRCA2 gene)
โรคตับ
การสัมผัสรังสี การสัมผัส ความร้อนนาน ๆ