Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงของมารดาในระยะหลังคลอด - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงของมารดาในระยะหลังคลอด
ทางสรีรวิทยา
ระบบสืบพันธุ์
มดลูก
ภายหลัง 24 ชมไปแล้วมดลูกจะลอยขึ้นมาอยู่เหนือสะดือและเฉียงไปทางขวา
ลดระดับลงวันละ 1/2 - 1 นิ้วและเล็กลงเรื่อยๆ
เรียกว่ามดลูกเข้าอู่
สาเหตุของมดลูกเข้าอู่
การย่อยสลายตัวเอง
การขาดเลือดมาเลี้ยงกล้ามเนื้อมดลูก
การบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
ขนาดและน้าหนักของมดลูก
*
ทันทีหลังรกคลอดมดลูกมีขนาดลดลง = 16 wks. Pregnancy
ภายหลังคลอด หนักประมาณ 1,000กรัม ยาวประมาณ 15เซนติเมตร
กว้างประมาณ 12เซนติเมตร และหนาประมาณ 8-10เซนติเมตร
1สัปดาห์ หนัก 500กรัม
2สัปดาห์ หนัก 300กรัม
6 สัปดาห์ หนักประมาณ 60 –80กรัม
การลดระดับของมดลูก
*
ทันทีหลังรกคลอด ความสูงของยอดมดลูกจะลดลงอยู่ระดับกึ่งกลางระหว่างสะดือกับกระดูกหัวเหน่าหรือสูงกว่าเล็กน้อย
•1 –2 เซนติเมตร หลังคลอดคลามดลูกได้ที่ระดับสะดือ ลักษระกลมแข็ง หดรัดตัวดี อาจเอียงไปด้านขวาของหน้าท้องมารดา วัดได้ประมาณ 1 นิ้วมือ (finger-breadth: FB) ต่ากว่าสะดือ
•ภายใน 12 –24ชั่วโมง แรกหลังคลอด ยอดมดลูกจะอยู่ที่ระดับสะดือ และจะลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง
•เฉลี่ย ประมาณ ** 1 เซนติเมตร หรือ 0.5 ถึง 1 นิ้วฟุต หรือ 1 FB/วัน
เยื่อบุโพรงมดลูก
ระยะที่1
ระยะ 2-3 วันหลังคลอดสารคัดหลั่งที่ถูกขับออกจากแผลมีสีแดงสด
เรียกว่า lochia rubra
ระยะที่ 2
ระยะภายหลังคลอด 2-3วันหลังคลอดน้ำคาวปลาจะเป็นสีจางหรือคล้ำ
ระยะที่ 3
ระยะ 7-10 วันหลังคลอดน้ำคาวปลามีมูกสีเหลืองปน
น้าคาวปลา (lochia)
คือ สิ่งที่ถูกขับออกมาจากแผลในโพรงมดลูกบริเวณตาแหน่งที่เกาะของรก
ชนิดของน้ำคำวปลำ (type of lochia)
Lochia rubra:
1-3วันหลังคลอด
สีแดงสดมีปริมาณมาก อาจมีก้อนเลือดเล็กๆปน ประกอบด้วยเลือด decidua และ trophoblast ที่ถูกทาลาย เซลล์เยื่อบุผิว เม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว อาจมีไข ขนอ่อนและขี้เทาของทารกที่ค้างอยู่ในโพรงมดลูกปนออกมาด้วย
Lochia serosa:
4-9 วันหลังคลอด
สีชมพูจนถึงสีน้าตาลค่อนข้างเหลือง
มีปริมาณลดลง เนื่องจากเส้นเลือดเริ่มมีการอุดตัน แผลเรียบและเริ่มหายเป็นส่วนใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงที่บริเวณแผลโดยมีชั้นของเม็ดเลือดขาวปกคลุม และมี exudates มากขึ้น ประกอบด้วย serous exudates, decidua ที่ถูกทาลาย erythrocytes, leukocytes, cervical mucous และ bacteria
Lochia alba:
10-21 วันหลังคลอด
สีเหลืองข้นหรือ
ครีมขาวมีปริมาณลดลงมาก ประกอบด้วย leukocytes, decidua cell, epithelial cell, fat, cervical mucus, cholesterol crystals และ bacteria
การเปลี่ยนแปลงของมดลูก
มารดาครรภ์หลังจะมีอาการปวดมากกว่าครรภ์แรก เพราะความตึงตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
ลดลง
เกิดจากการหดรัดตัวและการคลายตัวของมดลูกสลับกัน
ขณะให้บุตรดูดนม
อาจมีการปวดมดลูกเพิ่มขึ้นจาก oxytocin มดลูกยืดขยายมาก ปวดมาก เช่น ในรายที่มีการคลอดล่าช้า น้าคร่ามาก ครรภ์แฝด มีเศษรกหรือเยื่อหุ้มเด็กค้างในโพรงมดลูก
ช่องคลอด
การเปลี่ยนแปลงของช่องคลอดจะค่อยๆ ลดขนาดลงแต่ไม่กลับสู่สภาพเดิม
หลังคลอดช่องคลอดบางตัวลง Rugaeหายไป
Hymen ขาดกะรุ่งกะริ่ง เป็นติ่งเนื้อเล็กๆ เรียกว่า carunculaemyriformesเป็นการเปลี่ยนแปลงถาวร
ภายในสัปดาห์ที่ 3 –4หลังคลอด ผนังช่องคลอดจะค่อยๆ ฟื้นตัวช้าๆ ภายใน 6 –10 สัปดาห์ ผนังช่องคลอดฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติ หากมีเพศสัมพันธ์ก่อนอาจจะเกิดความเจ็บปวดได้ (dyspareunia)
ฝีเย็บ (Perineum)
หลังคลอด บริเวณ ฝีเย็บจะร้อนแดง erythematous เกิดจากการคั่งและบวมช้า
บางรายมีความไม่สุขสบาย ปวดแผลฝีเย็บ อาจนาน 6เดือนหลังคลอด
แผลฝีเย็บหายเหมือนก่อนการตั้งครรภ์ประมาณ 4-6 เดือน
กรณีตัดฝีเย็บหรือมีการฉีกขาดแผลฝีเย็บจะเริ่มหายภายใน 2 –3สัปดาห์
เต้านม
หลังคลอด ฮอร์โมน estrogen และ progesterone ลดลงอย่างรวดเร็ว มีการไหลเวียนเพิ่มที่เต้านม
ต่อมใต้สมองผลิตฮอร์โมน prolactin เพิ่มขึ้น ทาให้มีการสร้างน้านม
ระยะนี้เกิดกลไกการผลิตน้านม (production of milk)หลั่งน้านม (let –down reflex)
ต่อมไร้ท่อ
ฮอร์โมนต่างๆในร่างกายจะลดลงเพื่อปรับสมดุลในร่างกาย
มารดาหลังคลอดจะไม่มีการตกไข่และการมีประจาเดือนอยู่ช่วงระยะหนึ่ง
การตกไข่และการมีประจาเดือนแรกแตกต่างกันในมารดาหลังคลอดแต่ละราย
ระบบทางเดินปัสสาวะ
จะพบโปรตีนในปัสสาวะอาจทำให้ทางเดินปัสสาวะมีการติดเชื้อได้ง่าย
ระบบไหลเวียนเลือด
ระหว่างการคลอดชีพจรช้าจะเหลือประมาณ 60-70 bpmหรืออาจเหลือเพียง 40-50 bpm
หลังคลอดทันทีการไหลเวียนเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
มีเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติถึงร้อยละ 20
ทางเดินอาหาร
มีความอยากเพิ่มขึ้นจากการสูญเสียพลังงานในการคลอด, NPO , รับยาบรรเทาความปวด รวมทั้งการสูญเสียน้า เลือด ในระยะคลอด และหลังคลอดออกทางปัสสาวะ เหงื่อ และน้าคาวปลา
อาจมีอาการท้องผูก
น้ำหนักตัว
หลังคลอดทันทีน้ำหนักจะลดลง 4-8 kg
การลดลงของน้ำหนักขึ้นอยู่กับพฤติกรรมสุขภาพด้านโภชนาการและการออกกำลังกาย
ผิวหนัง
หลังคลอดฝ้าบริเวณใบหน้าจะค่อยจางลง
สีของลานนม เส้นกลางหน้าท้องและรอยแตกมีสีจางลง
ร่างกายจะขับน้ำออกทางผิวหนังเพิ่มขึ้น
ทางจิตสังคม
พันธกิจในระยะหลังคลอด
1.การยอมรับบุตร
2.การปรับตัวในการดูแลบุตร
3.การตอบสนองของบุตรต่อการดูแล
4.ความคิดเห็นจากบุคคลใกล้ชิดและบุคลากรทางสุขภาพ
5.การกาหนดตาแหน่งสมาชิกในครอบครัวให้บุตรคนใหม่
การปรับตัวกับบทบาทมารดา
ระยะที่ 1 taking in phase
ระยะพึ่งพา เกิดในระยะ 1-2 วันแรกหลังคลอด
ระยะที่ 2 taking hold phase
ระยะมารดาช่วยเหลือตัวเองได้ช่วง 3-10 วันหลังคลอด
ระยะที่ 3 letting go phase
ระยะที่สามีและภรรยาต้องพึ่งพากันภายหลัง10วันหลังคลอด
ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวของมารดา
*
ระดับการศึกษาและรายได้ครอบครัว
สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส
ภาวะสุขภาพ
ของมารดา
ภาวะสุขภาพ
ของบุตร
ด้านครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อม
อายุ
การส่งเสริมการพยาบาลในระยะหลังคลอ
การตรวจสัญญาณชีพ
ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เมื่อรับย้ายจาก LR ควรประเมินสัญญาณชีพ ทั้ง BT, PR และ BP ทุก 4ชั่วโมง
ถ้าพบว่ามีไข้ต่าๆ ควรกระตุ้นให้มารดาหลังคลอดดื่มน้าและพักผ่อนให้เพียงพอ และประเมิน BT อย่างน้อยวันละครั้ง
*ยกเว้น ในรายที่มีภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์หรือมีการประเมิน V/Sบ่อยขึ้น
**ควรสอนการวัดอุณหภูมิร่างกายแก่มารดาและบุตรเมื่อต้องกลับไปอยู่บ้าน
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ทันทีที่รับย้ายจาก LR ควรประเมินการหดรัดตัว ของมดลูกทุก 1 ชั่วโมง อย่างน้อย 2 ครั้ง เมื่อมดลูกหดรัดตัวดีแล้วประเมิน ทุก 8ชั่วโมงในวันแรกหลังคลอด
บรรเทาอาการปวดมดลูก
อธิบายให้ทราบว่าอาการปวดมดลูกเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ใน 1-2วันแรกหลังคลอด โดยเฉพาะมารดาครรภ์หลังที่มีอาการปวดมากกว่าครรภ์แรก
ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง กระตุ้นปัสสาวะทุก 3 –4ชั่วโมง
แนะนาให้นอนคว่าโดยใช้หมอนรองใต้ท้องน้อยทาให้มดลูกถูกกด เป็นการกระตุ้นให้มดลูก หดรัดตัว และน้าคาวปลาไหลออกได้สะดวก
ห้ามประคบความร้อนบริเวณหน้าท้องในวันแรก เพราะมดลูกจะคลายตัวและทาให้เกิด PPH ตามมา
รับประทานยาแก้ปวดก่อน BF อย่างน้อย 30นาที หากมีอาการปวดมดลูกมาก
ส่งปรึกษาแพทย์หากมีอาการปวดมดลูกมากกว่าปกติ และนานมากกว่า 72ชั่วโมง เนื่องจากอาจมีเศษรก และก้อนเลือดค้างในโพรงมดลูก
การบรรเทาความไม่สุขสบายจากการปวดแผลฝีเย็บ
ice pack (การวางถุงน้าแข็ง) ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
sitzbath (การนั่งแช่ก้น) ใช้บรรเทาความปวดริดสีดวงทวาร ควรทาหลังคลอด 24ชั่วโมง
การใช้ยาแก้ปวด
การอบแผลฝีเย็บด้วย intra red light ช่วยลดอาการบวมของแผลฝีเย็บ
การทำความสะอาดอวัยวะเพศ
ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังทาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์
ทาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกด้วยสบู่และน้าสะอาดโดยล้างจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากทวารหนัก และซับให้แห้งหลังขับถ่าย
เปลี่ยนผ้าอนามัยเมื่อรู้สึกเปียกชุ่มหรือทุกครั้งหลังขับถ่าย และล้างมือก่อนและหลังจับผ้าอนามัยทุกครั้ง
วิธีจับผ้าอนามัย ควรจับกับด้านที่ไม่สัมผัสกับอวัยวะสืบพันธุ์ ใส่และถอดผ้าอนามัยจากด้านหน้าไปด้านหลัง โดยใส่ให้กระชับไม่เลื่อนไปมา เพราะอาจนาเชื้อโรคจาก ทวารหนักมายังช่องคลอดได้
สังเกตความผิดปกติของน้าคาวปลาขณะขับถ่ายและเปลี่ยนผ้าอนามัย
การนอนหลับพักผ่อน
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบ สงบ และส่งเสริมการพักผ่อน
ปรับกิจกรรมการพยาบาลอย่างเป็นระบบ รบกวนมารดาน้อยที่สุด เพื่อให้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ให้คาแนะนามารดาในการใช้เทคนิคการผ่อนคลาย
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และอาหารที่ทาให้ท้องอืด
แนะนาให้มารดาหลังคลอดปรับเปลี่ยนเวลานอน เช่น ให้นอนหลับพักผ่อนพร้อมบุตรหรือหาบุคคลอื่นช่วยดูแลบุตรเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย
การมีเพศสัมพันธ์หลังคลอด
*
ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ ประมาณ 4 -6 สัปดาห์หลังคลอด คือ จนกระทั่งมารดาตรวจร่างกายแล้ว
การมีเพศสัมพันธ์อาจจาเป็นต้องใช้น้ามันหล่อลื่น และเลือกใช้ท่าที่เหมาะสม สามารถควบคุมได้ เนื่องจากหลังคลอดช่องคลอดจะค่อนข้างแห้ง
3.มารดาสามารถให้นมบุตรก่อนมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากฮอร์โมนออกซิโทซินจะส่งผลให้มีการหลั่งของน้านมได้
การขับถ่ายปัสสาวะเเละอุจจาระ
แนะนาให้รับประทานผัก ผลไม้ ดื่มน้าให้เพียงพอ และขับถ่ายเป็นเวลา
กระตุ้นให้เกิด early ambulation และบริหารร่างกายสม่าเสมอ
หากมีอาการท้องผูก 3-4 วัน และมารดารู้สึกท้องอืด ให้ยาระบายอ่อนๆ หรือสวนอุจจาระ
ดูแลบรรเทาอาการริดสีดวงทวารในช่วง 2 –3 วันแรก โดยทา hot sitzbath นอนในท่า sim’s position เพื่อช่วยการไหลเวียนของหลอดเลือดดาบริเวณทวารหนักดีขึ้น
ดูแลให้ยาเหน็บทางทวารหนัก หรือให้ยาที่ทาให้อุจจาระอ่อนตัวตามแผนการรักษา
อาหาร
*
•มารดาสูญเสียน้า พลังงานในระยะคลอด ควรส่งเสริมให้มารดารับประทานอาหารให้ครบ 5หมู่ เพิ่มโปรตีน เกลือแร่ และวิตามิน เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ น ฟื้นฟูสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
•ควรดื่มน้าอย่างน้อง 6-8แก้วต่อวัน
•ควรได้รับ calcium อย่างน้อย 1200 mg/day เพื่อทดแทนการสูญเสีย calcium ในช่วง 6 เดือนแรก
•ควรได้รับ ธาตุเหล็กนาน 4 –6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากการดูดซึมธาตุเหล็กน้อยลง
•มารดาหลังคลอดที่เลี ยงบุตรด้วยนมมารดา ควรได้รับพลังงานจากการบริโภคอาหารประมาณ 2,500-2,700 kcal/day
•อาหารที่ควรงดและหลีกเลี่ยง ได้แก่ ชา กาแฟ ของหมักดอง อาหารรสจัด เครื่องดื่ม อาหารที่มีแอลกอฮอล์ผสม รวมทั งควรงดอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารที่รับประทานแล้วมีอาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย เป็นผื่น เป็นต้น
•งดการดื่มน้าไพล เนื่องจากไพลมีคุณสมบัติท้าให้มดลูกคลายตัวอาจะท้าให้เกิด PPH ได้
•ส้าหรับมารดาที่รับประทานมังสวิรัติอาจได้รับวิตามิน B 12 ไม่เพียงพอ ดังนั นอาจจ้าเป็นให้วิตามิน B12 ในมารดาที่ทานมังสวิรัติ
อ้างอิง
https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=473:postpartum-care&catid=38&Itemid=480
https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=473:postpartum-care&catid=38&Itemid=480
https://drive.google.com/file/d/1Tgtc-rsCIKBcpFMG2ihyTq6zGiqnOV3e/view?usp=drivesdk