Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การคลอดและการช่วยเหลือการคลอดปกติ - Coggle Diagram
การคลอดและการช่วยเหลือการคลอดปกติ
การตัดฝีเย็บ . (พ.ญ. จิตรลดา คำจริง)
Episiotomy คือ การตัดบริเวณฝีเย็บเพื่อขยายปากช่องคลอด จุดประสงค์หลักของการตัดฝีเย็บก็เพื่อที่จะเพิ่มความกว้างของช่องทางคลอดเพื่อช่วยคลอด ลดระยะเวลาในระยะคลอด และเพื่อป้องกันการฉีกขาด
ผลข้างเคียงของการตัดฝีเย็บ Adverse effects of Episiotomy
เพิ่มความเจ็บปวดหลังคลอด
เพิ่มอัตราของแผลติดเชื้อและแผลแยก
เสียเลือดเพิ่มขึ้น
หย่อนสมรรถภาพในการมีเพศสัมพันธ์
เพิ่มความไม่น่าพึงพอใจของแผง เช่น asymmetry , fistular ,skin tags และการตีบแคบของช่องคลอด
เพิ่มอัตราการเกิดแผลฝีเย็บตามหลังการคลอด
มีการฉีกขาดเพิ่มหลังจากตัดแผลฝีเย็บ ทำให้เกิด Third/Fourth degree tears ตามมา
ประโยชน์ของการตัดฝีเย็บ Benefit of Episiotomy
ป้องกันความเสียหายต่อกล้ามเนื้อที่ Pelvic floor
ลดการเกิดอันตรายต่อทารกในขณะคลอด เช่นทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีกะโหลกศีรษะบาง หรือลดการคลอดติดไหล่ในทารกตัวโต
ง่ายต่อการซ่อมแซมแผลฝีเย็บและการหายของบาดแผลดีขึ้น
ลดการคลอดติดไหล่ด้วยการเพิ่มความกว้างของช่องทางคลอด
ลดการเกิด Third/Fourth degree tears
ช่วยให้การคลอดเป็นไปอย่างรวดเร็วสำหรับทารกที่อยู่ในภาวะเครียด
ข้อบ่งชี้ในการตัดฝีเย็บ . (Nkwabong & Kouam, 2012)
การป้องกนัการฉีกขาด หากปล่อยให้ฉีกขาดเองโดยไม่ตัดฝีเย็บอาจเกิดการฉีกขาดรุนแรงทำให้ซ่อมแซมยาก
ฝีเย็บที่มีลกัษณะยืดขยายยากเช่น ฝีเย็บหนาแข็ง อาจทำให้การคลอดในระยะที่ 2ล่าช้า
ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกตัวโต ทารกคลอดติดไหล่
ทารกที่มีส่วนนำผิดปกติเช่น ท่าก้น หรือการใช้หัตถการช่วยคลอด เช่น การใช้เครื่องดูดสูญญากาศการใช้คีมช่วยคลอด
ทารกอยู่ในภาวะเครียด คับขัน (Stress)
ระดับการฉีกขาดของฝีเย็บ . (WHO, 1996)
การฉีกขาดระดับที่สอง (Second degree tear) หมายถึง การฉีกขาดในระดับที่หนึ่งร่วมกับการฉีกขาดของกล้ามเน้ือฝีเย็บและกล้ามเน้ือช่องคลอด โดยไม่มีความเสียหายต่อกล้ามเน้ือหูรูดทวาร
การฉีกขาดระดับที่สาม (Third degree tear) หมายถึง การฉีกขาดในระดับที่สองร่วมกับการฉีกขาดบางส่วนหรือทั้งหมดของกล้ามเน้ือหูรูดและผนังกั้นทวาร
การฉีกขาดระดับที่หนึ่ง (First degree tear) หมายถึงการฉีกขาดชั้นผิวหนังของฝีเย็บและเยื่อบุช่องคลอด โดยไม่มีความเสียหายต่อกลา้มเน้ือฝีเย็บ
การฉีกขาดระดับที่สี่ (Fourth degree tear) หมายถึงการฉีกขาดในระดับ ที่สามร่วมกับการฉีกขาดเข้าไปในทวารหนัก
ชนิดของการตัดฝีเย็บ . Technique of episiotomy
J-shape episiotimy
การตัดเริ่มจากกลาง fourchette ลงไปประมาณ 2 เซนติเมตรแล้วเฉียงออกไปด้านขวาของฝังเย็บเพื่อหลีกเลี่ยงทวารหนัก วิธีนี้จะเย็บแผลยาก แผลที่ซ่อมแล้วมักมีรอยย่น
Mediolateral episiotomy
การตัดเริ่มจากลาง Fourchette เฉียง 45 องศาไปด้านใดด้านหนึ่งของฝีเย็บหรือห่างจาก anus ประมาณ 2-3 เซนติเมตร ข้อดีคือ โอกาสฉีกขาดถึงระดับ Trird degree tear มีได้น้อย
Lateral episiotomy
การตัดจะไปตัดไปตามแนวราบของฝีเย็บด้านใดด้านหนึ่ง วิธีนี้จะทำให้เลือดออกมากและแผลหายช้า อาจถูกตัดต่อม Bartholin และทำให้กล้ามเนื้อชั้นลึกหน่อยและเย็บลำบาก
Median episiotomy
การตัดเริ่มจากกลาง Fouchletter ลงไปตรงๆประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ข้อดีคือเย็บซ่อมแซมได้ง่าย แผลติดดีและสวย) มีเลือดน้อยและอาจฉีกขาดไปถึงระดับ third derr tear มีได้น้อย
ความเสี่ยงของการเกิด Third degree taers
ได้รับการทำ epidural analgesia
ระยะที่ 2 ของการคลอดนานกว่า 1 ชั่วโมง
มีการชักนำการคลอด
การคลอดติดไหล่
การคลอดครั้งแรก
Midline episiotomy
Persistent occipitoposterior position ของทารก
การช่วยคลอดด้วย Foeceps
น้ำหนักแรกคลอดของทารกมากกว่า 4 กิโลกรัม
การซ่อมแซมฝีเย็บ Repair of episiotomy and perineal lacerations (พ.ญ. จิตรลดา คำจริง)
การเตรียมก่อนการผ่าตัด Preoperative preparation
Antibiotics
ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะใน First/second degree tears สำหรับ Third/fourth degrees tears นั้น มีคำแนะนำว่าควรมีการให้ broad spectrum antibiotics การให้ prophylaxis antibiotics ช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนของแผลฝีเย็บ เช่นแผลแยก ได้ การให้ broad-spectrum antibiotics หลังจากการทำการเย็บแผลฝีเย็บเพื่อลดการเกิดแผลติดเชื้อและแผลแยก
ความหมาย
ตรวจดูความเสียหายและจุดเลือดออกของบริเวณฝีเย็บ ช่องคลอด และรูทวาร โดยการดูและการสัมผัส ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอเพื่อการมองเห็นฝีเย็บที่ชัดเจน หากผู้ป่วยมีความเจ็บปวดจากการตรวจมากอาจให้ยาระงับปวดก่อนทำการตรวจและเย็บแผล ควรตรวจเผื่อหามุมของแผลฉีกขาดของช่องคลอดทุกครั้ง หลังจากนั้นควรทำการตรวจทางทวารหนักโดยการใส่นิ้วตรวจเพื่อหาความเสียหายต่อหูรูดและเยื่อบุของทวารหนัก
Suture materials
การเย็บซ่อมแซม EAS muscle สามารถใช้ได้ทั้ง monofilament sutures เช่นpolydiaxanone(PDS) หรือ modern braided sutures เช่นpolyglactin (Vicryl®) ได้ และหากเป็นการเย็บซ่อม IAS muscle อาจใช้เป็น suture ขนาดเล็ก เช่น 3-0 PDS หรือ 2-0Vicrylซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองและความเจ็บปวดหลังทำการเย็บแผลฝีเย็บน้อยกว่า
เทคนิคการผ่าตัด Surgical technique
First and second degree tears
การเย็บจะเริ่มต้นจากการเย็บ vaginal epithelium มาชนกัน โดยต้องระมัดระวังการเย็บให้ครอบคลุมเนื้อเยื่อใต้แผลทั้งหมด โดยการเย็บควรเริ่มต้นเหนือจากบริเวณมุมของการฉีกขาดของช่องคลอด ด้วยวิธี continuous non-locking sutures หรือ continuous locking sutures ใช้เวลาในการเย็บน้อยกว่า และใช้ไหมเย็บน้อยกว่า . โดยการเย็บนั้นจะใช้ hymenal ring เป็นจุด anatomical landmark เมื่อทำการเย็บจากมุมแผลด้านในมาถึงบริเวณ hymen แล้วจึงเย็บต่อลงมาที่บริเวณ perineal body และ bulbocavernosus muscle สองด้านเข้าหากันโดยควรเย็บ muscle ทั้งสองด้านให้ตรงพอดีกันเพื่อให้ได้มุมแผลที่พอดีและลดความตึงของการเย็บ หลังจากนั้นจึงเย็บผิวหนังของ perinealbody ด้วยวิธี continuous subcuticular closure โดยเย็บจากมุมแผลด้านล่างขึ้นไปจนถึงบริเวณ vaginal introitusแล้วมัดผูก
Third and fourth degree tears:
เป็นการเย็บเพื่อคืนสภาพและการทำงานของ EAS และ IAS โดยหลักสำคัญของการเย็บคือการทำให้กายวิภาคของ anal spincterและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นกลับมาใกล้เคียงปกติให้มากที่สุดเพื่อลดการเกิดผลแทรกซ้อนที่ตามมา และทำให้กล้ามเนื้อหูรูดรูทวารสามารถกลั้นอุจจาระได้ดังเดิม
เมื่อเกิด Fourth degree tears จะทำการเย็บซ่อมแซมในส่วน anal mucosa ที่ฉีกขาดก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยวิธี continuous non-locking suture ด้วยไหม polyglactinขนาด 3-0 หรือ 4-0 อาจเย็บด้วยวิธี interrupted suture ได้ แต่พบว่าจะเพิ่มความเป็นสิ่งแปลกปลอมต่อเนื้อเยื่อมากขึ้นเนื่องจากมีปมไหมมากกว่า
การเย็บ EAS โดยเริ่มจากการแยก EAS ออกจากเนื้อเยื่อด้านข้าง โดย EAS มักจะถูกดึงขึ้นด้านข้างเมื่อมีการฉีกขาด โดยอาจใช้ Allis clamps ช่วยในการจับ EAS ทั้งสองข้าง หลังจากนั้นจึงทำการเย็บเข้าด้วยกัน โดยวิธี overlapping หรือ end-to-end ก็ได้ แล้วจึงเย็บ capsule ด้วยวิธี interrupted หรือ figure-of-eight แล้วเย็บvagina และ perineal body ต่อดังเช่น First/second degree tears
การเย็บซ่อม IAS ซึ่งมักจะถูกดึงขึ้นทางด้านบนและด้านข้าง ซึ่ง IAS จะมีลักษณะหนา สีชมพูจาง อยู่เหนือต่อ anal mucosa เมื่อพบแล้วจึงเย็บ IAS ที่ฉีกขาดทั้งสองข้างเข้าหากันซึ่งมีความสำคัญมากต่อความแข็งแรงของหูรูดรูทวาร ด้วยวิธี continuous หรือ interrupted suture
ภาวะแทรกซ้อนจากการตัดฝีเย็บ . (อ.เพ็ชรัตน์ เตชาทวีวรรณ)
มีก้อนเลือดคั่งใต้แผลฝีเย็บ (Hematoma)
ถ้าเส้นเลือดถูกตัดขาดไม่ได้รับการซ่อมแต่แผลถูกเย็บปิดสนิทดี เลือดจะออกมาคั่งอยู่ใต้เนื้อเยื่อ อาจจะมีปริมาณถึง 250-500 ซีซี ประเมินปริมาณเลือดออกใต้ผิวหนัง โดยสังเกตอาการบวม แดง ร้อง เขียวคล้ าและอาการกดเจ็บที่ฝีเย็บ ขนาดของก้อนอาจจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 เซนติเมตร ถ้าขนาดก้อนใต้ผิวหนังใหญ่อาจมีขนาด มากกว่า 10 เซนติเมตร สีของผิวหนังซีดลงและจะปวดแผลมาก (ศรีนวล โอสถเสถียร,2542; มงคล เบญจาภิบาล, 2552)
ความเจ็บปวดแผลฝีเย็บ
การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อที่ฝีเย็บและความบอบช้ าของ
ผนังช่องคลอดตลอดจนการดึงรั้งที่ฝีเย็บ เพื่อซ่อมแซมฝีเย็บ ท าให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่มาเลี้ยงที่ฝีเย็บบาดเจ็บ ระคายเคือง ก่อให้เกิดความเจ็บปวดฝีเย็บ ตั้งแต่ระดับมาก ปานกลาง เล็กน้อย
(ศรีนวล โอสถเสถียร,2542)
มีเลือดออกจากแผลฝีเย็บ (bleeding)
เป็นสาเหตุที่ท าให้เกิดการตกเลือดหลังคลอดรองลงมาจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี เนื่องจากการตัดฝีเย็บไม่ถูกวิธี แผลที่ฝีเย็บขาดเกินกว่าที่ตัดไว้เส้นเลือดที่มาเลี้ยงบริเวณ ฝีเย็บถูกตัดขาด ถ้าเย็บซ่อมแซมไม่ดีพอจะมีเลือดออกได้มาก ถ้าเป็นการฉีกขาดของหลอดเลือดแดงฝอยหรือเส้นเลือดด าขอดพองจะเสียเลือดเพิ่มมากขึ้น (สุกัญญา ปริสัญญกุล, 2537)
การติดเชื้อบริเวณแผลฝีเย็บ
แม้ว่าแผลฝีเย็บได้รับการเย็บ
ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากแผลฝีเย็บอยู่ใกล้รูเปิดทวารหนักและรูเปิดปัสสาวะ จึงอาจท าให้แผลฝีเย็บเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค มีโอกาสเกิดฝีเย็บอักเสบได้มาก
(ชวนพิศ วงศ์สามัญ, 2542; ศรีนวล โอสถเสถียร, 2542)