Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด - Coggle Diagram
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด
การประเมินสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
โดยใช้การสังเกตุ สอบถาม ซึ่งมีแนวทางการประเมินดังนี้
ความสนใจในการดูแลตนเองและทารก
2.พฤติกรรมปฎิสัมพันธ์ระหว่างมารดากับทารก
3.ความสามารถในการปฎิบัติบทบาทการเป็นมารดา
4.ความสามารถในการตอบสนองความต้องการของทารก
บทบาทของพยาบาลในการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
ระยะตั้งครรภ์
ยอมรับการตั้งครรภ์
ครอบครัวคอยให้กำลังใจ
การปรับบทบาทการเป็นบิดา มารดา
ยอมรับความเป็นบุคคลของทารกในครรภ์
การกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์
ระยะคลอด
สร้างบรรยาการให้เกิดความไว้วางใจ
ลดความวิตกกังวลขอผู้คลอด
ให้ข้อมูลเป็นสื่อกลางระหว่างผู้คลอดและครอบครัว
ส่งเสริมให้การคลอดผ่านไปอย่างปลอดภัย
ระยะหลังคลอด
ส่งเสริมให้มารดาสัมผัส โอบกอดทารกทันทีหลังคลอดในระยะ sensitive period
rooming in โดยเร็วที่สุด
ให้คำแนะนำในการดูแลบุตร
ตอบสนองความต้องการของมารดา
ตอบสนองความต้องการของมารดา
กระตุ้นให้มีปฏิสัมพันธกับทารก
เป็นตัวแบบในการสร้างสัมพันธภาพกับทารก
ให้มารดา ทารก บิดา ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
กระบวนการพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
ระยะก่อนตั้งครรภ์
ขั้นที่ 1การวางแผนการตั้งครรภ์
ระยะตั้งครรภ์
ขั้นที่ 2 การยืนยันการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 3 การยอมรับการตั้งครรภ์
ขั้นที่ 4 การรับรู้การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
ขั้นที่ 5 การยอมรับว่าบุคคลในครรภ์คือคนๆหนึ่ง
ระยะคลอดและระยะหลังคลอด
ขั้นที่ 6 การสนใจดูแลสุขภาพตนเองและทารกในครรภ์และการแสวงหาการที่คลอดอย่างปลอดภัย
ขั้นที่ 7 การมองดูทารก
ขั้นที่ 8 การสัมผัสทารก
ขั้นที่ 9 การดูแลทารกและให้ทารกดูดนม
พฤติกรรมปฏิสัมพันธระหว่างมารดากับทารก
1.การสัมผัส (touch,tactile sense)
พฤติกรรมสำคัญที่จะผูกพันมารดาและบุตร
2.การประสานสายตา (eye to eye contact) เป็นสื่อที่สำคัญต่อการเริ่มต้นพัฒนาการด้านความเชื่อมั่น ความไว้วางใจและปฏิสัมพันธกับบุคคลอื่น
การใช้เสียง (voice) การตอบสนองเริ่มทัันทีเมื่อทารกเกิด มารดาจะรอฟังเสียงทารกร้องครั้งแรกเพื่อยืนยันภาวะสุขภาพของทารก
4.การเคลื่อนไหวเป็นจังหวะตามเสียงพูด (Entrainment) ทารกจะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายเป็นจังหวะสัมพันธ์กับเสียงพูดสูงต่ำของมารดา
จังหวะชีวภาพ (Biorhythmcity) หลังคลอดทารกจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอกที่แตกต่างจากในครรภ์ของมารดา มารดาจะช่วยให้ทารกสร้างจังหวะชีวภาพได้ โดยขณะที่ทารกร้องไห้ มารดาจะอุ้มทารกไว้แนบอก
6.การรับกลิ่น(Odor) มารดาจำกลิ่นกายของทารกได้ตั้งแต่แรกคลอดและแยกกลิ่นทารกออกจากทารกอื่นได้ภายใน 3-4วันหลังคลอด ส่วนทารกสามารถแยกกลิ่นมารดาและหันเข้าหากลิ่นน้ำนมมารดาได้ภายในเวลา6-10วันหลังคลอด
7.การให้ความอบอุ่น (Body warmth , Heat)หลังทารกคลอดทันทีได้รับการเช็ดตัวให้แห้ง ห่อตัวทารกและนำทารกให้มารดาโอบกอด ทารกจะไม่เกิดการสูญเสียความร้อนจะเกิดความผ่อนคลายเมื่อได้รับความอบอุ่นจากมารดา
8.การให้ภูมิคุ้มกันทางน้ำนม(T and B lymphocyte) ทารกจะได้รับภูมิคุ้มกันในนมแม่ ได้แก่ T lymphocyte,B lymphocyte , Immunoglobulin A ช่วยป้องกันและทำลายเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหาร
9.การให้ภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจ (bacterianasal flora) ขณะที่มารดาอุ้ม โอบกอดทารก จะมีการถ่ายทอดโรคในระบบทางดินหายใจ (normal flora)ของมารดาสู่ทารก เกิดภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันทารกติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
กระบวนการพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างมารดากับทารก
มารดาจะแสดงความรักความผูกพันกับลูก ตั้งแต่นาทีแรกหลังคลอดจนกระทั่งถึง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เป็นช่วงเวลาที่มารดารู้สึกไวที่สุด (sensitive period) และทารกมีความตื่นตัว จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ก่อให้เกิดความรักใครผูกพันระหว่างมารดากับทารก
นางสาววิชญาพร ศรีเพชร เลขที่52B