Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะถุงน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (Amniotic fluid embolism : AFE),…
ภาวะถุงน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (Amniotic fluid embolism : AFE)
การรักษา
ดูแลการหดรัดตัวของมดลูกโดยให้ยา oxytocin หรือ methergin ทางหลอดเลือดดำ
เตรียมยาในการช่วยชีวิตผู้คลอดถ้ามีความดันโลหิตต่ำ เช่น Dopamine, Norepinephrine, Epinephrine
ถ้ายังไม่คลอดประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกเละรีบให้การช่วยเหลือโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องอย่างเร่งด่วน
เจาะเลือดเพื่อประเมินความเข้มข้นของเลือดและการแข็งตัวของเลือด
ดูแลระบบการไหลเวียนเลือด เพื่อแก้ไขภาวะความดันโลหิตต่ำ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อเพิ่มปริมาตรเลือด พลาสมา และสารไฟบริโนเจน ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว จากการขาดเลือดไปเลี้ยง ให้เลือด และให้ยากระตุ้นหัวใจ
รักษาภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (DIC) โดยให้ยา Heparin
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง จัดท่า Fowler position ให้ออกซิเจน ถ้าระบบการหายใจล้มเหลวให้ใส่ท่อ ช่วยหายใจ
ประเมินการเสียเลือดทางช่องคลอดอาจมีการชั่งน้ำหนักของผ้าอนามัย น้ำหนัก 1 กรัมเท่ากับปริมาณการเสียเลือด 1 มิลลิลิตร
ความหมาย
ภาวะที่มีน้ำคร่ำผ่านเข้าสู่กระแสเลือดของมารดา เข้าไปในหลอดลมฝอยในปอด เกิดการอุดกั้นหลอดเลือดดำที่ปอด ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านสารประกอบน้ำคร่ำ ทำให้เกิดภาวะล้มเหลวของการทำงานของระบบหายใจระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิตระบบการแข็งตัวของโลหิตช็อคและเสียชีวิต
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการตกเลือดอย่างรุนแรงและเกิดภาวะช็อกเนื่องจากการขาดกลไกการแข็งตัวของเลือดและมดลูกไม่หดรัดตัว
เกิดภาวะขาดออกซิเจนทั้งมารดาและทารกเนื่องจากการหดรัดเกร็งของหลอดเลือดที่ปอดมารดา
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอดเนื่องจากมีปัจจัยก่อให้เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกันหลอดเลือดในปอด เช่นการให้ยาเร่งคลอด เจ็บครรภ์คลอดที่รุนแรง การเจาะถุงน้ำ และการตกเลือดหลังคลอด
การพยาบาล
เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คำนึงถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด ในระยะของการคลอดและทันทีหลังคลอด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด
การให้ยาเร่งคลอด
การเจ็บครรภ์คลอดที่รุนแรง
การตกเลือดหลังคลอด
การเจาะถุงน้ำ
ภาวะชักเกร็งโดยไม่มีภาวะความดันโลหิตสูงมาก่อนมีภาวะเขียวทั่วทั้งตัวหรือเริ่มเขียวเป็นบางส่วนของร่างกาย
ให้สารน้ำและเลือดตามแผนการรักษา
เฝ้าระวังการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดีและกลไกการแข็งตัวสูญเสียไป
ให้ออกซิเจน
สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก
จัดให้มารดานอนในท่า fowler
เตรียมช่วยเหลือการคลอดโดยคีมหรือผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
เตรียมช่วยฟื้นคืนชีพในรายที่เกิดหัวใจล้มเหลว
ใช้เครื่องช่วยหายใจใน 2-3 วันแรกภายใต้การดูแลในหน่วยอภิบาลผู้ป่วยหนัก (intensive care unit) เพื่อดูแลระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต
ดูแลและให้กำลังใจต่อครอบครัวถ้ามารดาและทารกเสียชีวิต
อาการและอาการแสดง
ภาวะน้ำคั่งในปอด
เส้นเลือดที่หัวใจตีบ
หายใจลำบาก เกิดภาวะหายใจล้มเหลวทันทีทันใดเขียวตามใบหน้าและลำตัว
ความดันโลหิตต่ำมาก
คลื่นไส้อาเจียนวิตกกังวล
ชัก
เหงื่อออกมาก
หมดสติ
มีอาการหนาวสั่น
ถ้าเกิดอาการนานกว่า 1 ชั่วโมง กลไกการเเข็งตัวของเลือดเสียไปเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง
ผลกระทบต่อทารก
ทารกในครรภ์จะเสียชีวิต
มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาท
ลักษณะเฉพาะ
ภาวะขาดออกซิเจน
ภาวะความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
ภาวะความดันโลหิตต่ำ อย่างทันทีทันใด
การวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจระดับสาร Complement ในเลือดในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นปอดมีระดับต่ำกว่าหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป
การตรวจหาเซลล์ผิวหนังขนอ่อน มือกของทารกหรือเซลล์จากรก
เลือดจากกระแสเลือดไปปอดของมารดา หรือจากในสายของซีวีพี
เสมหะ
การชันสูตรศพ
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ตรวจการไหลเวียนของเลือดในปอด
การตรวจหา Sialy 1TH antigen จะพบมีระดับสูงขึ้นในน้ำคร่ำที่มีขี้เทาปนเปื้อน
การวินิจฉัยจากอาการและอาการแสดง
เส้นเลือดหัวใจหดเกร็ง
เลือดออก
อาการเขียว
ไม่รู้สติ
ระบบหายใจล้มเหลว
พยาธิสรีรวิทยา
น้ำคร่ำ ประกอบด้วย เซลล์ผิวหนังทารก ผม ขนอ่อน ไขขี้เทา ส่วนประกอบของน้ำคร่ำ จะเข้าสู่กระแสเลือด เข้าไปในบริเวณที่รกลอกตัวหรือบริเวณปากมดลูกที่ฉีกขาดด้วย แรงดันจากการหดรัดตัวของมดลูก ระบบไหลเวียนเลือดผ่านเข้าสู่หัวใจและปอด ทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดฝอยในปอด ทำให้หลอดเลือดเกิดการหดเกร็งเลือดที่ไหลผ่านปอดมาสู่หัวใจซีกซ้ายลดลง ทำให้เลือดที่จะบีบออกจากหัวใจข้างซ้ายลดลง เกิดภาวะ cardiogenic shock ความดันในหลอดเลือดปอดสูงขึ้น เกิดเลือดคั่งในปอด หัวใจซีกขวาไม่ส่งเลือดให้ผ่านปอดได้ เนื่องจากปอดมีแรงดันสูง จึงเกิดภาวะปอดบวมน้ำ การไหลเวียนของเลือดในปอดลดลง ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน ในหลอดเลือดแดงและตามมาด้วยภาวะการแข็งตัวของเลือดเป็นลิ่มเล็ก ๆ แพร่กระจายในหลอดเลือด
ผลกระทบต่อมารดา
เสียชีวิตจากการเสียเลือดช็อค
มีอาการทางระบบประสาทเนื่องจากมีภาวะขาดออกซิเจนรุนแรง
ภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ
ปัจจัยส่งเสริม
การบาดเจ็บในช่องท้อง
มารดามีบุตรหลายคน
มารดาตั้งครรภ์หลังที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
มดลูกแตก
การใช้เครื่องมือช่วยคลอด การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
ภาวะชักจากครรภ์เป็นพิษ ภาวะทารกเครียดในครรภ์
น้ำคร่ำมีขี้เทาปน
รกลอกตัวก่อนกำหนด
การเบ่งคลอดขณะถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
รกเกาะต่ำ
การคลอดเฉียบพลัน
ทารกตายในครรภ์เป็นเวลานานทำให้มีการเปื่อยยุ่ยขาดง่ายอาจเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดทำให้น้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด
การเร่งคลอดโดยการใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
การผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
. การเจาะถุงน้ำคร่ำ
การรูดเพื่อเปิดขยายปากมดลูก
การตรวจวินิจฉัยน้ำคร่ำก่อนคลอด
. การหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายในและภายนอกครรภ์
การป้องกัน
การกระตุ้นการเจ็บครรภ์ในทารกตายในครรภ์ โดยใช้ Oxytocin อย่างระมัดระวัง ดูอาการหดรัดตัวของมดลูกอย่างใกล้ชิด และควรเจาะถุงน้ำก่อนปากมดลูกเปิดหมด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด
ไม่กระตุ้นการเจ็บครรภ์โดยวิธีเลาะแยกเยื่อถุงน้ำคร่ำ (stripping membranes) จากคอมดลูก เพราะจะทำให้เลือดดำบริเวณปากมดลูกด้านในฉีกขาด
การเจาะถุงน้ำควรทำอย่างระมัดระวังไม่ให้ถูกปากมดลูกเนื่องจากจะทำให้เส้นเลือดที่ปากมดลูกฉีกขาดและจะทำให้น้ำคร่ำพลัดเข้าสู่กระแสเลือดได้
มีภาวะรกเกาะต่ำการตรวจภายใน ควรทำอย่างระมัดระวัง
ขณะเจ็บครรภ์คลอด ไม่ควรเร่งให้มดลูกหดรัดตัวถี่เกินไป มดลูกรัดตัวแต่ละครั้งไม่เกิน 60 วินาที ระยะห่าง 2-3 นาทีต่อครั้ง
ถ้าผู้คลอดเจ็บครรภ์ถี่มากเกิน ควรรายงานแพทย์ให้ทราบทุกครั้ง