Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท, นางสาวนริศรา เชียงแสงทอง ห้อง…
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท
การประเมินอาการทางระบบประสาทในเด็ก
การประเมินด้านร่างกาย
ประวัติ
การคลอดของเด็ก การเจ็บป่วยหลังคลอด อารมณ์ของครอบครัว การเลี้ยงดู
การตรวจร่างกาย
ลักษณะทั่วไป สัญญาณชีพ ศีรษะ ตา หู ปากและฟัน
ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
Muscle tone เป็นการประเมินระบบมอเตอร์โดยการตรวจดูความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
Babinski’s sign ทดสอบโดยใช้อุปกรณ์ปลายทู่ขีดริมฝ่าเท้าตั้งต้นที่ส้นเท้ากึงนิ้วเท้าถ้า
ผลบวกจะพบนิ้วเท้ากางออก
Brudzinski’s sign ทดสอบโดยให้เด็กนอนหงายใช้มือช้อนหลัง ศีรษะคางชิดอกาการทดสอบในเด็กที่มีการติดเชื้อ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เด็กจะทำไม่ได้
Kernig’s sign ทดสอบโดยให้เด็กนอนหงายและงอเข่าทั้งสองข้าง ยกต้นขาให้ตั้งฉากกับลำตัวทีละข้างแล้วลองเหยียดขาข้างนั้นออก เด็กปกติจะสามารถยกขาตั้งฉากแล้วเหยียดเข่าตรงได้
Tendon reflex เป็นการตรวจปฏิกิริยาตอบสนองทางระบบประสาท โดยใช้ไม้เคาะเข่าเอ็น
การประเมินระดับการรู้สติ ประเมินความผิดปกติของการรู้สติด้วย Glasgow coma scale
อาการสำคัญทางระบบประสาท (Neurological Signs)
ระดับความรู้สึกตัว (Level of Conscious)
ระดับรู้สึกตัวดี(Alert) สามารถตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นได้ถูกต้องและรวดเร็วเหมาะสมกับวัยของผู้ป่วย
ง่วง (Drowsy) ผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวเลวลงเล็กน้อย จะง่วงหลับแต่เมื่อปลุกตื่นและตอบคำถามได้
ซึม (Stuporous) ผู้ป่วยจะมีอาการซึมลง จะหลับเป็นส่วนใหญ่ ปลุกไม่ค่อยตื่น
ใกล้หมดสติ(Semi coma) ผู้ป่วยจะหลับอยู่ตลอดเวลา ไม่ตอบสนองต่อการเขย่า
หมดสติ (Coma) ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นอื่น ๆ นอกจากความเจ็บปวดที่รุนแรง
อาการทางตา
รูม่านตา (Pupil)
การกลอกตา
ปฏิกิริยาการเคลื่อนไหว
การตรวจการเคลื่อนไหวของร่างกายขั้นแรกนั้นทำได้โดยโดยการออกคำสั่งให้ปฏิบัติตามเช่น ให้ผู้ป่วยบีบมือ
ผู้ตรวจ ขั้นต่อมาจึงตรวจประเมินกำลังกล้ามเนื้อแขนขาแต่ละข้างของผู้ป่วยเปรียบเทียบกัน
ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นทารกหรือเด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามสั่ง ผู้ตรวจจำเป็นต้องประเมิน
กำลังกล้ามเนื้อแขนขาแต่ละข้างด้วยการใช้วิธีสัมผัสและทำให้เจ็บเป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหว
ทารกประเมินจาก Reflex
Moro, Grasp, Babinski เด็กโตตรวจโดยใช้แรงต้าน และแรงดึงต้านแรงของผู้ตรวจ
การเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ
การเปลี่ยนอุณหภูมิ
การเปลี่ยนแปลงของชีพจร
การเปลี่ยนแปลงของการหายใจ
การเปลี่ยนแปลงความดันโลหิต
การประเมินด้านจิตสังคมและจิตวิญญาณ
การรับรู้ ความคิดและเชาวน์ปัญญาประเมินตามระดับความรุนแรงและสาเหตุของปัญหา
ความเครียดและการเผชิญความเครียด
ระบบการช่วยเหลือและสนับสนุน ประเมิน ประเมินวิธีการปฏิบัติ
ภาวะชักและโรคลมชัก (Seizure and Epilepsy )
Seizure (อาการชัก) คือภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของคลื่นไฟฟ้าสมองโดยมีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่
ผิดปกติ (epileptiform discharge) จากเซลล์ประสาทในสมอง
Epilepsy (โรคลมชัก) ภาวะที่เกิดอาการ Seizure ตั้งแต่ 2 episodes ขึ้นไป โดยไม่ได้เกิดจากสาเหตุภายนอก
Convulsion (อาการเกร็งและ/หรือกระตุก) หมายถึง อาการแสดงทาง motor ผิดปกติ แสดงอาการด้วยการเกร็ง
กระตุก เกิดจาก Seizure หรือสาเหตุอื่น
Status epilepticus หมายถึง การชักต่อเนื่องนานมากกว่า 30 นาที หรือการชักหลายครั้งในช่วงเวลานานกว่า 30
นาที โดยผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวเป็นปกติขณะหยุดชัก
สาเหตุของอาการชักที่พบบ่อยในเด็ก
ภาวะติดเชื้อที่กะโหลกศีรษ,ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ, ภาวะผิดปกติทาง metabolism,ภาวะผิดปกติทางไต,เนื้องอกในกะโหลกศีรษะ,โรคบาดทะยัก,ภาวะไข้สูงในเด็กเล็ก,ความผิดปกติของสมองโดยกำเนิด,โรคลมบ้าหมู/โรคลมชัก
ชนิดและลักษณะเฉพาะของภาวะชัก
Partial seizure คือการชักที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมองเฉพาะที่
Simple partial seizure ผู้ป่วยไม่เสียการรู้ตัวขณะที่มีอาการชัก
Complex partial seizure ผู้ป่วยจะเสียการรู้ตัวขณะที่มีอาการชัก
Generalized seizure คือการชักที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมองพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน
Generalized tonic-clonic seizure ผู้ป่วยจะมีอาการหมดสติเกร็งทั้งตัวตามด้วยการกระตุกเป็นจังหวะ
Absence ผู้ป่วยมีอาการเหม่อ ตาลอย อาการจะเกิดขึ้นและสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว
Myoclonic มีลักษณะกระตุกเป็นระยะเวลาสั้นๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายสะดุ้ง
Clonic มีลักษณะกระตุกเป็นจังหวะ
Tonic มีลักษณะกล้ามเนื้อเกร็งอย่างรุนแรง
Atonic มีลักษณะสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นทันที
Unclassified epileptic seizure เป็นการชักที่ไม่สมารถจัดกลุ่มได้เนื่องจากข้อมูลไม่พอเพียงหรือเนื่องจากการไม่สมบูรณ์ของสมอง
ชักจากไข้สูง (Febrile Seizure)
พยาธิกำเนิด
พยาธิกำเนิดยังไม่ทราบแน่ชัด มีรายงานว่าอาจเกิดจากการติดเชื้อ viral หรือ bacterial ในสมอง
อาการและอาการแสดง
มีไข้
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีอาการชัก
ประเมินและบันทึกลักษณะการชัก
ขณะชักจัดให้ผู้ป่วยตะแคงหน้าเพื่อให้น้ำลายไหลออกจากปาก ไม่สำลักเข้าไปในทางเดินหายใจ
ดูแลดูดเสมหะออกจากปากและจมูกบ่อยๆเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
Observe vital signs ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินลดลง อุณหภูมิและการหายใจ
ดูแลให้Oxygen, สารน้ า, และยาตามแผนการรักษา
การป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากภาวะชัก
สังเกตและบันทึกระยะเวลาขณะชัก
ให้กำลังใจผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อลดความวิตกกังวล
ให้ยากันชัก (Anticonvulsant) ตามแผนการรักษา
เตรียมช่วยแพทย์เจาะหลังในกรณีที่ผู้ป่วยชักจากไข้สูง
สมองพิการ (Cerebral Palsy)
ความบกพร่องของสมองส่วนที่ใช้ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับท่าทางการ
ทรงตัว การเคลื่อนไหว (motor disorders)
สาเหตุ
ระยะก่อนคลอด
มารดามีภาวะชักหรือปัญญาอ่อน การเกิดก่อนกำหนด
ระยะคลอด
สมองขาดออกซิเจน
ระยะหลังคลอด
การได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ การติดเชื้อบริเวณสมอง
พยาธิสภาพ
พยาธิสภาพในเด็กสมองพิการไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีบริเวณที่มีการตายของเนื้อสมองที่ส่วนหนึ่งส่วนใด และมากน้อย
เพียงใดขึ้นกับสาเหตุการเกิด
การพยาบาล
การเคลื่อนไหวร่างกายบกพร่อง
ดูแลเรื่องการเคลื่อนไหวของร่างกายที่บกพร่อง
จัดหาของเล่นที่จะกระตุ้นให้เด็กเกิดการเคลื่อนที่หรือการเคลื่อนไหว
ส่งเด็กไปทำกายภาพบำบัดเพื่อป้องกันความพิการอื่นๆ
พัฒนาการช้ากว่าวัย
ส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละด้านโดยใช้ของเล่นหรือกิจกรรมที่ให้เด็กได้และมีส่วนร่วมมากที่สุดตามความสามารถชองเด็ก
ติดตามและประเมินพัฒนาการเป็นระยะๆ
ศีรษะโตผิดปกติ (Hydrocephalus)
การมีน้ำไขสันหลังเพิ่มมากขึ้นในกะโหลกศีรษะ บริเวณ Ventricleของสมอง และชั้นใต้ arachnoid
สาเหตุ
ส่วนใหญ่มักเกิดเนื่องจาก Papilloma ของ Choroid Plexus ของ External Ventricle
มีการอุดตันของทางเดินน้ำไขสันหลังระหว่างจุดที่ผลิตและจุดที่ดูดซึม
การประเมินสภาพ ( Assessment )
หัวโตเมื่อเทียบกับลำตัว
เมื่อมีน้ำมากขึ้น หน้าผากโปนเด่น หนังศีรษะแยกออก ทำให้ขนาดของศีรษะขยายใหญ่กว่าปกติ
มีSun Set Eye หรือ Setting Sun Sign
การวินิจฉัย
เปรียบเทียบรอบศีรษะกับขนาดปกติของเด็กแต่ละวัย
ถ่ายภาพรังสีกะโหลกศีรษะจะเห็นการแยกของ Suture
CT Scan
แนวทางการรักษา
ถ้าศีรษะโตไม่มากนัก เกิดจากการมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย เจาะหลังใส่ยา ก็อาจให้ความดันของน้ าไข
สันหลังปกติ
ถ้าศีรษะโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องผ่าตัด
ภาวะความดันสูงในกะโหลกศีรษะสูง
ภาวะความดันสูงในกะโหลกศีรษะคือภาวะที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูงกวjาปกติ ซึ่งปกติแลวความดันโดยเฉลี่ยจะ
ประมาณ 100-160 มิลลิเมตรน้ำ ซึ่งวัดได้จากการเจาะตรวจดูน้ำไขสันหลังถาความดันของน้ำไขสันหลังที่เจาะได้สูงเกิน
กว่า 200 มิลลิเมตรน้ำ ก็เป็นเครื่องบ่งชี้วามีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
การพยาบาล
จัดท่านอนให้ศีรษะสูง 15-30 องศา
ประเมินสัญญาณชีพและการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาททุก 1-2 ชั่วโมง
เพิ่มอัตราการหายใจให้มากกว่าปกติ (Hyperventilation) โดยให้ bag-mask ventilation 100%
จำกัดน้ำ
ให้ผู้ป่วยได้รับยา Acetazolamine (diamox) ตามแผนการรักษา
ผู้ป่วยที่ทำ Ventriculostomy เพื่อระบายน้้ำไขสันหลัวางถุงรองรับน้ำไขสันหลัง (transfer bag) ไว้ที่หัวเตียงในระดับเหนือหู 10 เซนติเมตร
การพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะ CO2 คั่ง ลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเพิ่มความดันภายในช่องท้องหรือ
ในช่องอก
การพยาบาลเด็กโรคติดเชื้อของสมอง
สมองอักเสบ (Encephalitis)
สาเหตุ
อาจมีสาเหตุหลายประการ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ปรสิต หรืออาจเกิดจากปฏิกิริยาต่อวัคซีน
พยาธิสภาพ
เชื้อจะเพิ่มจำนวนในบริเวณที่เข้าไป แล้วผ่านเข้าสู่สมอง
อาการและอาการแสดง
ไข้ มักสูงได้มาก ๆ ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ คอแข็ง
ซึมลง จนกระทั่งถึงขั้นโคม่า ภายใน 24 –72 ชั่วโมง
ชัก มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
กระสับกระส่าย อารมณ์ผันแปร
การหายใจไม่สม่ าเสมอ อาจหยุดเป็นห้วง ๆ
การวินิจฉัยโรค
ประวัติจากผู้เลี้ยงดู ให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยมีไข้สูง ซึม คอแข็ง
อาการและอาการแสดงดังที่กล่าวข้างต้น
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจนับเม็ดเลือดขาวในเลือด การตรวจน้ำไขสันหลัง การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง (MRI) การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) การตรวจวินิจฉัยแยกสาเหตุของเชื้อ
การรักษา
ไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสส่วนใหญ่ไม่มีการรักษาเฉพาะโรค ยกเว้นไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเริม ที่สามารถรักษา
ด้วยต้านไวรัสได้ผลแพทย์มักจะให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ซึ่งการรักษาแบบประคับประคองที่ดีและเหมาะสมและเหมาะสามารถลดอัตราการเกิดความพิการของสมอง และอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยให้น้อยลงได้
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
เป็นการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง (Meningitis) เป็นบริเวณส่วนที่เป็นเมมเบรน ปกป้องหุ้มเนื้อสมอง
และไขสันหลัง
ซึ่งมีอาการสำคัญ คือ ไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง ไม่สู้แสง คลื่นไส้อาเจียนและมีอาการแสดงของการระคายเคืองเยื่อ
หุ้มสมองเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
สาเหตุ
เชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อรา เนื้องอก การบาดเจ็บ/กระทบกระเทือนของสมอง การได้รับสารพิษ จากตะกั่ว ปรอท
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
สาเหตุ
การติดเชื้อผ่านทางกระแสโลหิตโดยที่มีแหล่งติดเชื้ออยู่ที่ส่วนอื่นของร่างกายแล้วแบคทีเรียเข้าสู่กระแสโลหิต
การติดเชื้อลุกลามโดยตรง พวกนี้การติดเชื้อกระจายสู่ Subarachnoid Space โดยตรง
ได้รับเชื้อโดยตรงจากการเปื้อนของเชื้อ
อาการและอาการแสดง
อาการที่แสดงว่ามีการติดเชื้อ คือ มีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร
อาการที่แสดงว่ามีการระคายของเยื่อหุ้มสมอง คือ เริ่มซึมลง คอแข็ง
อาการที่แสดงถึงภาวะแทรกซ้อน เช่น สมองบวม
การวินิจฉัย
ประวัติของผู้ป่วย โดยบิดมารดา หรือผู้เลี้ยงดูจะให้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยมีไข้สูง ปวดศีรษะและปวดคอ ซึม อาเจียน
การตรวจห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
การรักษา
การรักษาเฉพาะโดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะสอดคล้องกับผลการเพาะเชื้อน้ำไขสันหลังที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบในผู้ป่วย
การรักษาทั่วไปตามอาการและการรักษาแบบประคับประคอง
การรักษาภาวะแทรกซ้อน
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค (Tuberculous meningitis)
อาการและอาการแสดง
แบบเฉียบพลัน พบได้ประมาณร้อยละ 10 เด็กจะมีไข้ ซึมลง การรับรู้เปลี่ยนแปลง ชัก มีอาการระคายเคืองของเยื่อ
หุ้มสมอง ในระยะท้ายๆผู้ป่วยจะมี decerebrate rigidity และเกิดการเลื่อนของสมอง (cerebral herniation)
แบบเรื้อรัง พบได้ประมาณร้อยละ 90
ระยะนำ(prodomal stage) ระยะนี้มีไข้ต่ำๆ บางรายไข้สูงลอย หงุดหงิด โกรธง่าย เบื่ออาหาร ซึม นอนไม่หลับ
ระยะเปลี่ยนแปลง (transitional stage) เป็นระยะที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูง มีอาการปวดศีรษะ อาเจียน ชัก ซึมมากขึ้น เด็กเล็กกะหม่อมหน้าโป่งตึง
ระยะสุดท้าย (terminal stage) ผู้ป่วยในระยะนี้จะมีอาการค่อนข้างหนัก ไข้สูง ซึมมากขึ้น ไม่รู้สึกตัว ตาค้าง รูม่านตาขยายโดยไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง
การวินิจฉัย
จากประวัติ พบว่ามีประวัติการป่วยเป็นวัณโรคของสมาชิกในครอบครัว ผู้เลี้ยงดู ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย
อาการอาการแสดงที่กล่าวข้างต้น
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจพิเศษ
การทดสอบทูเบอร์คูลิน (tuberculin test) ให้ผลบวก การเจาะหลัง (Lumbar puncture)
การรักษา
การรักษาเฉพาะ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาต้านวัณโรค อย่างน้อย 2 ชนิดขึ้นไป เพื่อป้องกันเชื้อดื้อยา ได้แก่
isoniazid (INH), rifampin, pyrazidamide, streptomycin และ ethambutal (EMB)
การรักษาแบบประคับประคอง
การให้สารน้ำและเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำ
การให้นม/อาหารที่ให้พลังงาน วิตามิน
การรักษาภาวะแทรกซ้อน
การให้ยากันชักในรายที่มีอาการชักเกร็ง
การให้ยาลดอาการบวมของสมอง
Myelodysplasia
เป็นความผิดปกติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ spinal column ตั้งแต่เป็นตัวอ่อนใน
ครรภ์มารดา (Embryonic life) โดยไม่มีการเจริญปิดของ neural tube
สาเหตุ
คาดว่ามีสาเหตุจาก Chromosomal aberration หรือทารกในครรภ์ได้รับสารพวก teratogenic drug
การขาดอาหาร โดยเฉพาะ สังกะสีโฟเลต วิตามิน
อายุของมารดา กลุ่มที่เสี่ยงคือ มารดาวัยรุ่น และมารดาอายุมากกว่า 35 ปี
พยาธิสภาพ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับต าแหน่งของความผิดปกติซึ่งอาจมีตั้งแต่ Complete paralysis จนถึง minimal
การรักษา
ส่วนใหญ่แพทย์รักษาโดยการผ่าตัด
นางสาวนริศรา เชียงแสงทอง ห้อง 2B เลขที่ 35 รหัสนักศึกษา 613601143