Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท กระดูกเเละกล้ามเนื้อ, นางสาวณัฐพร…
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาระบบประสาท กระดูกเเละกล้ามเนื้อ
ปัญหาระบบประสาท
ความไม่รู้สึกตัว คือการทำงานของสมองไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า
บทบาทพยาบาล
การประเมินสัญญาณชีพ
การประเมินทางระบบประสาท ได้แก่ ระดับความรู้สึกตัว การสื่อสารทาง คำพูด การเคลื่อนไหวและการทรงตัว การลืมตา และรูม่านตา
การตรวจน้ำไขสันหลัง การตรวจคลื่นสมอง
MRI
การดูแลเด็กเเละให้คำเเนะนำบิดามารดาผู้ป่วย
ระดับความรู้สึกตัว
ระดับความรู้สึกตัวดี (full consciousness)
พฤติกรรมเเสดงออกเหมาะสม
การรับรู้ผิดปกติ (disorientation)
ผู้ป่วยไม่รับรู้ต่อเวลา บุคคล และสถานที่
ระดับความรู้สึก stuporคือ
ไม่รู้สึกตัวหลับลึกต้องกระตุ้นซ้ำๆ
ระดับความรู้สึกง่วงงุน (lethargy /drowsy)เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย พูดช้า สับสน
ความรู้สึกสับสน (confusion)
ระดับหมดสติ (coma)ไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ
ประเมินความรู้สึกตัวโดยใช้
Glasgow Coma Scale
Verbral response : V (5-1 คะเเนน)
Motor response : M (6-1คะเเนน)
Eye opening : E (4-1คะเเนน)
ตรวจกำลังกล้ามเนื้อ (5-0คะเเนน)
กรณีที่เคลื่อนไหวผิดปกติร่วมด้วย
ภาวะชักไข้สูง (Febrile convulsion)
อาการชักที่สัมพันธ์กับการมีไข้ ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อของระบบประสาท
ปัจจัยเสี่ยงของการชักซ้ำ
อายุน้อย
ระบบประสาทผิดปกติก่อนชัก
ประวัติการชักของสมาชิกในครอบครัว
ไข้ที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อ
สาเหตุ
:ติดเชื้อจากระบบอื่นที่ไม่ใช่ระบบประสาท
อาการ
: อุณหภูมิสูงกว่า 39 องศาเซลเซียส อาการชัก
เกิดขึ้นภายใน 24 ชม.แรกที่เริ่มมีไข้
พบมากช่วงอายุ 17 – 24 เดือน
ชนิดการชักจากไข้สูง
Simple febrile seizure
มีไข้ร่วมกับชักในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี
ชักเป็นแบบทั้งตัว(generalized seizure)
ชักไม่เกิน 15 นาที
ไม่มีการชักซ้ำ ในการป่วยครั้งเดียว
ก่อน – หลัง ชักไม่มีอาการทางระบบประสาท
Complex febrile seizure
การชักเป็นแบบเฉพาะที่หรือทั้งตัว
(Local or Generalized seizure)
ระยะเวลาการชักเกิดนานมากกว่า 15 นาที
ชักซ้ำในการป่วยครั้งเดียว
หลังชักจะมีความผิดปกติของระบบประสาท
การพยาบาล
1.ประเมินและบันทึกลักษณะการชักลักษณะของใบหน้า ตา ขณะชักระดับการรู้สติ ของผู้ป่วยก่อนระหว่างและหลัง
การชักระยะเวลาที่ชักทั้งหมด
2.ขณะชักจัดให้ผู้ป่วยตะแคงหน้าเพื่อให้น้ าลายไหลออกจากปาก ไม่สำลักเข้าไปในทางเดินหายใจ
ดูแลดูดเสมหะออกจากปากและจมูกบ่อยๆเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
จัดให้ผู้ป่วยนอนราบ ใช้ผ้านิ่มๆเช่นผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวหนุนบริเวณใต้ศีรษะเพื่อป้องกันศีรษะกระแทกกับพื้นเตียง
Observe vital signs ทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินลดลง อุณหภูมิและการหายใจ
ดูแลเช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุ่นนาน 10–15 นาที ทุก 2 ชั่วโมง
ดูแลสิ่งแวดล้อมข้างเตียงให้สะอาด เหมาะแก่การพักผ่อนเผื่อลดเมตาบอลิซึมของร่างกาย
ดูแลให้Oxygen, สารน้ำและยาตามแผนการรักษา
โรคลมชัก (Epilepsy
)
เกิดจากระบบประสาทที่ทำให้มีการชักซ้ำ อย่างน้อย2
ครั้งขึ้นไป อาการชักครั้งที่ 2 ห่างกันมากกว่า 24
ชั่วโมง เเละไม่ได้เกิดจากมีปัจจัยกระตุ้น
พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
สาเหตุ
:
1.ทราบสาเหตุ ติดเชื้อจากระบบประสาทส่วนกลาง ได้รับอันตรายระหว่างคลอด/หลังคลอด สมดุลน้ำในร่างกาย โรคหลอดเลือดสมอง พันธุกรรม
ไม่ทราบสาเหตุ จากความผิดปกติของ Neurotransmission
กลุ่มที่หาสาเหตุไม่ได้ มีพยาธิสภาพภายในสมอง
อาการเเละอาการเเสดง
Preictal period
ระยะก่อนชัก :
อาการนำ(Seizure prodromes)นานหลายนาที หรือเป็นชั่วโมง
อาการเตือน(Aura) ปวดชา เห็นภาพหลอน หลังชักจะปวดศีรษะ สับสน
Peri-ictal period
ระยะที่เกิดการชัก: เกิดขึ้นทันที เกิดในระยะเวลาสั้นๆไม่เกิน5นาทีเเละหยุดเอง เกิดขึ้นเองเเละมีปัจจัยกระตุ้น หลังชักจะพบคลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค(Tuberculousmeningitis)
สาเหตุ
:เกิดจาก Mycobacterium tuberculosis มักเกิดตามหลังวัณโรค เชื้อเข้าสู่สมอง ไขสันหลังเกิดเป็นCaseous tubercie กระจายอยู่ทั่วไปและปล่อย Tubercle bacilli เข้าสู่นํ้าไขสันหลัง ทําให้เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้ม
อาการเเละอาการเเสดง
1.แบบเฉียบพลัน เด็กจะมีไข้ ซึมลง การรับรู้เปลี่ยนแปลง ชัก มีอาการระคายเคืองของเยื่หุ้มสมอง ในระยะท้ายๆผู้ป่วยจะมี decerebrate rigidity และเกิดการเลื่อนของสมอง (cerebral herniation)
2.แบบเรื้อรัง พบได้ประมาณร้อยละ 90ระยะนี้มีไข้ต่ำๆ บางรายไข้สูงลอย หงุดหงิด โกรธง่าย เบื่ออาหาร ซึม นอนไม่หลับเป็นระยะที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูง อาเจียน ไม่รู้สึกตัว
การวินิจฉัย
1.มีประวัติการป่วยเป็นวัณโรคของสมาชิกในครอบครัว คนใกล้ชิด
2.อาการเเสดงเเละการตรวจร่างกาย
3.Tuberculin test ได้ผลบวก
4.ลักษณะน้ำไขสันหลัง
5.การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
การรักษา
การรักษาเฉพาะแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาต้านวัณโรค
การรักษาแบบประคับประคอง การให้สารน้ำให้นมเเละสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย
การรักษาภาวะแทรกซ้อนการให้ยากันชักในรายที่มีอาการชักเกร็ง
การให้ยาลดอาการบวมของสมอง
เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
สาเหตุ
: เชื้อแบคทีเรียเข้าาสู่ช่องใต้ชั้นอแรคนอยด์ทางกระแสเลือดการแพร่เชื้อจากบริเวณใกล้เคียงหรือการติดเชื้อจากภายนอกโดยตรง เช่น กะโหลกศีรษะแตก หรือการเจาะหลัง
อาการ
2.มีไข้ ขม่อมหน้าโป่งตึง ระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
(ตรวจพบStiffneck, Kernig's sign, Brudzinski's sign)
3.เด็กโต มีอาการของการติดเชื้อ อาการแสดงถึงการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมองและอาการที่บ่งถึงภาวะแทรกซ้อน เช่น ศีรษะโต ฝีในสมอง
ทารกจะซึม ไม่ดูดนม ชัก
วินิจฉัยโรคจาก
: ประวัติการเลี้ยงดู อาการทางคลีนิก ตรวจร่างกายตรวจเลือดเเละน้ำไขสันหลัง
การรักษา
คือ ดูเเลตามอาการเเบบประคับประครอง ดูเเลระบบหายใจ ให้ยาลดไข้ ยาปฎิชีวนะ รักษาสมดุลน้ำเข้าออกร่างกาย
ภาวะความดันสูงในกะโหลกศีรษะ
(Increased intracranial pressure : IICP)
ภาวะที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูงกว่าปกติซึ่งปกติความดันโดยเฉลี่ยจะประมาณ 100-160 มิลลิเมตรนํ้าถ้าความดันของนํ้าไขสันหลังที่เจาะได้สูงเกินกว่า 200
มิลลิเมตรนํ้า บ่งชี้ว่ามีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
อาการ
:ปวดศีรษะ อาเจียนรุนแรง ภาวะการรู้สติเลวลงอย่างรวดเร็ว
ตรวจ eyeground พบ papilledema กระโหลกศีรษะหน้าโป่งตึงศีรษะโต จอประสาทตาบวม
การรักษา
:รักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิด IICP
การพยาบาล
1.การจัดท่านอนนอนราบศีรษะสูง 15 – 30 องศา เพื่อช่วยให้การ
ไหลเวียนของน้ าไขสันหลังกลับสู่หลอดเลือดด าได้ดีขึ้น
ประเมินสัญญาณชีพและการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาททุก 1-2 ชั่วโมง
ทำทางเดินหายใจให้โล่งเพิ่มอัตราการหายใจให้มากกว่าปกติ (Hyperventilation) โดยให้ bag-mask ventilation 100% O2 ทำให้ CO2 ทำให้หลอดเลือดหดตัวเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง ส่งผลให้ความดันในกะโหลกศีรษะลดลง
จำกัดน้ำ ให้ยาตามเเผนการรักษา เช่นยาขับน้ำ
ยาลดความดันในสมอง
ภาวะน้ำคั่งในกระโหลกศีรษะ(Hydrocephalus)
น้ำไขสันหลังคั่งในกระโหลกศีรษะมากผิดปกติ
สาเหตุ
ส่วนใหญ่มักเกิดเนื่องจาก Papilloma ของ Choroid Plexus ของ External Ventricle
มีการอุดตันของทางเดินน้ำไขสันหลังระหว่างจุดที่ผลิตและจุดที่ดูดซึม เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ลดการดูดซึมของน้ำไขสันหลังจากการอักเสบจาก Congenital Hypoplasia ของ Arachnoid Villi แต่กำเนิด
อาการ
: ศีรษะโตแต่กำเนิด,กระหม่อมหน้าโป่ง,ศีรษะโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับทรวงอก ปวดศีรษะ ซึม ไม่ดูดนม อาเจียนพุ่ง
การรักษา
: ผ่าตัดในกรณีที่ศีรษะโตขึ้นเรื่อยๆ รักษาโดยการเจาะหลังร่วมกับใช้ยา
การพยาบาลเมื่อผ่าตัด
1.ประเมินสัญญาณชีพเปรียบเทียบก่อนและหลังผ่าตัด และประเมินเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
2.ประเมิน OFC ทุกวัน ประเมิน I/O และอาการทั่วไป
3.ประเมินและดูแลความสะอาดบริเวณที่มีเเผล
4.ให้ยาปฏิชีวนะและอื่นๆตามแผนการรักษาทั้งก่อนและหลังผ่าตัด
5.ดูแลการได้รับนํ้าและอาหาร ตลอดจนความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
Myelodysplasia
เป็นความผิดปกติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ spinal column ตั้งแต่เป็นตัวอ่อนในครรภ์มารดา (Embryonic life) โดยไม่มีการเจริญปิดของ neural tube
สาเหตุ
การขาดอาหาร โดยเฉพาะ สังกะสี โฟเลต วิตามิน
อายุของมารดา กลุ่มที่เสี่ยงคือ มารดาวัยรุ่น และมารดาอายุมากกว่า 35 ปี
มีสาเหตุจาก Chromosomal aberration หรือทารกในครรภ์ได้รับสารพวก teratogenic drug
รักษาโดยการผ่าตัด
การพยาบาล
1.ดูแลความสะอาดและปิดแผลด้วย NSS และปิด sterilized gauze เปลี่ยนทุก 2 ชั่วโมง
2.จัดท่านอน ไม่ให้นอนทับบริเวณแผล
สังเกตอาการทั่วไป และประเมินการติดเชื้อจาก สัญญาณชีพ และอาการอื่นๆ
4.ดูแลการได้รับอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ ประเมินน้ำหนักตัว
สมองอักเสบ (Encephalitis)
สาเหตุ
:
Primary viral encephalitis หมายถึง การที่มีไวรัสเข้าไปสู่สมองแล้วทำให้เกิดการอักเสบขึ้น
Secondary viral encephalitis หมายถึง การที่มีสมองอักเสบโดยเป็นผลมาจากปฏิกิริยาที่มีไวรัสเข้าสู่ร่างกายเช่น หัด หัดเยอรมัน อีสุกอีใส คางทูม
จากไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ปรสิต หรืออาจเกิดจากปฏิกิริยาต่อวัคซีน
อาการ
:ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ คอแข็ง ซึมลง จนกระทั่งถึงขั้นโคม่า ภายใน 24 –72 ชั่วโมงการหายใจไม่สม่ าเสมอ อาจหยุดเป็นห้วง ๆ
วินิจฉัยจาก
ตรวจน้ำไขสันหลัง ประวัติจากผู้เลี้ยงดู ให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยมีไข้สูง ซึม คอแข็ง การตรวจนับเม็ดเลือดขาวในเลือด ในช่วง 2-3 วันแรกเม็ดเลือดขาวสูง และนิวโตรฟิลขึ้นสูงต่อมาจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ ตรวจMRI ตรวจเชื้อ
การรักษา
ดูแลระบบหายใจของผู้ป่วยให้ปกติ และหายใจสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันสมองขาดออกซิเจน
การให้ยา
2.1 ยาระงับชัก ผู้ป่วยที่มีอาการชักบ่อยหรือรุนแรงแพทย์จะพิจารณาให้ยาเพื่อควบคุมให้หยุดชักโดยเร็วเพื่อป้องกันสมองขาดออกซิเจนและเซลล์สมองถูกท าลาย
2.2 ยาป้องกันและรักษาความสมองบวมตั้งแต่ระยะแรกๆ ยาที่ลดอาการบวมของสมอง ให้ยาลดไข้ ยาต้านจุลชีพเพื่อรักษาภาวะเเทรหซ้อน
รักษาสมดุลของปริมาณน้ำเข้า-ออกของร่างกาย โดยให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การให้สารอาหารที่มีแคลอรีเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
นางสาวณัฐพร บุตรนนท์ เลขที่21 ปี2 ห้องB