Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis), นางสาวอาทิตยา มุขรักษ์ ชั้นปีที่ 2…
โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
อาการ
อาการปวดเข่าเป็นอาการสำคัญ เริ่มแรกจะปวดเมื่อย ตึงทั้งในบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของเข่าหรือบริเวณน่อง เมื่อมีอาการมากขึ้นก็จะปวดเบริเวณเข่าเมื่อมีการเคลื่อนไหว ลุกนั่งหรือเดินขึ้นบันได จะทำกิจกรรมไม่คล่องเหมือนเดิม
เกิดเสียงในข้อเมื่อเคลื่อนไหว ผู้ป่วยจะรู้สึกว่ามีเสียงในข้อและเกิดอาการปวดเข่า
กรณีที่เกิดข้ออักเสบก็จะเกิดข้อบวม
เกิดข้อเข่าโก่งงอ อาจจะโก่งด้านนอกหรือด้านในก็ได้ โดยผลก็จะทำให้ขาสั้นลง เดินลำบากและมีอาการปวดเวลาเดิน
อาจเกิดข้อเข่ายึดติด ผู้ป่วยจะไม่สามารถเหยียดหรืองอขาได้สุดเหมือนเดิมเนื่องจากมีการยึดติดภายในข้อ
คือ
ภาวะที่ข้อเกิดความผิดปกติเนื่องจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงถดถอย ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับอายุที่มากขึ้น เรียกว่า ข้อเข่าเสื่อมชนิดปฐมภูมิ ซึ่งโรคเข่าเสื่อมมีสาเหตุที่ผิดปกติที่เกิดกับข้อเข่ามาก่อน เช่น การอักเสบของข้อเข่าจากสาเหตุๆ เช่น การติดเชื้อ ไขข้ออักเสบ กระดูกหัก เป็นต้น จะเกิดความผิดปกติที่ผิวข้อในเวลาต่อมาและส่งผลทำให้เกิดข้อเสื่อมตามมา
การตรวจร่างกาย
1.อาการปวดเกิดขึ้นจะสัมพันธ์กับกิจกรรมในการใช้ข้อเข่า
ควรคำนึงถึงโรคเข่าเสื่อม (Osteoarthritis knee with exacerbation) หรือการบาดเจ็บของกระดูกอ่อนผิวข้อเข่า(Osteochondral injury)
2.อาการปวดแบบไม่สัมพันธ์กับกิจกรรมการเคลื่อนไหวของข้อเข่า
ซึ่งจะทำให้คิดถึงโรคที่มีการอักเสบของข้อ ได้แก่ การติดเชื้อในข้อเข่า โรคเก๊าท์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละโรคผู้ป่วยมักจะมีอาการอื่นร่วมที่แตกต่างกันออกไป เช่น ถ้ามีการติดเชื้อก็อาจจะมีไข้ ถ้ามีการอักเสบของข้ออื่นๆหรือระบบอื่นๆ ด้วยก็อาจจะเป็นโรครูมาตอยด์ อย่างไรก็ตามหากไม่มั่นใจในการวินิจฉัย แนะนำการเจาะน้ำในข้อเพื่อส่งตรวจจะมีประโยชน์ในการช่วยวินิจได้เป็นอย่างมาก
ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ผู้ป่วยและญาติมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่
ไม่สุขสบายเนื่องจากมีอาการเจ็บปวดบริเวณข้อเข่าที่มีพยาธิสภาพ
ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันลดลงเนื่องจากกล้ามเนื้อและข้ออ่อนแรงจากพยาธิสภาพของโรค
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจน้ำไขข้อไม่พบเซลล์อักเสบหรืออาจจะพบเม็ดเลือดขาวไม่เกิน 2,000 ตัวต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร
ผลเลือดไม่พบสารรูมาตอยด์(Rheumatoid factor หรือ RF) หรืออาจพบในระดับต่ำ (RF< 1:40) และไม่พบสารภูมิคุ้มกัน ANA
ผลเลือดแสดงค่าการอักเสบ (ESR) < 40 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง
การรักษา
รักษาโดยไม่ใช้ยา
การให้ความรู้
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น ความอ้วน อาชีพ อุบัติเหตุ การใช้งานของข้อที่ผิดวิธี ประวัติโรคข้อเสื่อมในครอบครัว
ผู้ป่วยแต่ละรายมีการดำเนินโรคที่แตกต่างกัน บางรายอาจไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการชั่วคราวแต่ส่วนใหญ่มีอาการเรื้อรัง ซึ่งบางรายการดำเนินโรคเปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงอย่างรวดเร็ว
การลดน้ำ ผู้ป่วยที่มีดัชนีมวลกายเกิน 23 ควรลดน้ำหนักลงให้อยู่ในระดับใกล้เคียงมาตรฐานหรืออย่างน้อยร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักขณะที่มีอาการปวดข้อ
รักษาโดยใช้ยา
อาการเจ็บหรือปวดของ Osteoarthritis อาจบรรเทาได้ด้วยยาบางชนิด เช่น ยาพาราเซตามอล ยาดูล็อกซีทีน (Duloxetine ) รวมทั้งยาในกลุ่ม NSAID เช่น ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน(Naproxen)
ปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อเสื่อม
อายุ
เมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีโอกาสเป็นมากเนื่องจากมีอายุการใช้งานมาก
เพศ
เพศหญิงจะเป็นโรคเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย 2 เท่า
น้ำหนัก
ยิ่งน้ำหนักตัวมากจะส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อมเร็ว
การใช้ข้อเข่า
ผู้ที่นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งพับดพียบนานๆจะพบข้อเข่าเสื่อมเร็วกว่าปกติ
การได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า
ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อเข่าไม่ว่าจะกระดูกข้อเข่าแตกหรือเอ็นฉีก จะเกิดข้อเข่าเสื่อมได้
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก
ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอก็จะชะลอการเกิดการเสื่อมของเข่า
พยาธิสภาพของโรค
เมื่อเกิดเข่าเสื่อมมากขึ้น กระดูกอ่อน(Cartilage)จะมีขนาดบางลง ผิวจะขรุขระ จะมีการงอกของกระดูกขึ้นมาที่เรียกว่า Osteophytes เมื่อมีการอักเสบเยื่อหุ้มข้อก็จะสร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อเพิ่มขึ้น ทำให้ข้อเข่ามีขนาดใหญ่ เอ็นรอบข้อจะมีขนาดใหญ่ขึ้น กล้ามเนื้อจะลีบลง การเปลี่ยนแปลงของข้อจะเป็นไปอย่างช้าๆโดยที่ผู้ป่วยไม่ทราบ โดยในรายที่รุนแรงกระดูกอ่อนจะบางมาก ปลายกระดูกจะมาชนกัน เวลาขยับข้อก็จะเกิดเสียงเสียดสีในข้อ
การที่กระดูกอ่อนของข้อมีการเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกอ่อนไม่สามารถรองรับน้ำหนัก และมีการสูญเสียคุณสมบัติของน้ำหล่อเลี้ยงเข่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวของเข่าก็จะเกิดการเสียดสีและเกิดการสึกหรอของกระดูกอ่อน ผิวของกระดูกอ่อนจะแข็งไม่เรียบ เมื่อมีการเสื่อมของข้อเข่ามากขึ้น ข้อเข่าก็อาจจะมีการโก่งงอ ทำให้ดกิดอาการปวดเท่าทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว
นางสาวอาทิตยา มุขรักษ์ ชั้นปีที่ 2 รุ่นที่ 26
เลขที่ 33 ห้องB