Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะน้าคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (Amniotic fluid embolism/AFE) - Coggle…
ภาวะน้าคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (Amniotic fluid embolism/AFE)
ความหมาย
ภาวะที่มีน้ำคร่ำผ่านเข้าสู่กระแสเลือดของมารดา ซึ่งจะเข้าไปในหลอดลมฝอยในปอด แล้วไปอุดกั้นบริเวณหลอดเลือดดำที่ปอด ทาให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสารประกอบน้ำคร่ำ เป็นภาวะฉุกเฉินทางการคลอดที่มีลักษณะเฉพาะ 3 ประการ คือ
ภาวะความดันโลหิตต่ำ (hypotension) อย่างทันทีทันใด
ภาวะขาดออกซิเจน (hypoxia)
ภาวะความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (consumptive coagulopathy)
พยาธิสรีรวิทยา
น้ำคร่ำประกอบด้วย เซลล์ผิวหนังทารก ผม ขนอ่อน ไข ขี้เทา ในรายที่ถุงน้ำคร่ำมีรูรั่วหรือแตก ส่วนประกอบของน้ำคร่ำจะผ่านเข้าสู่กระแสเลือดของผู้คลอด โดยผ่านเข้าไปในบริเวณที่รกลอกตัว หรือบริเวณปากมดลูกที่ฉีกขาด ด้วยแรงดันจากการหดรัดตัวของมดลูก ส่วนประกอบของน้ำคร่ำจะเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดของผู้คลอด ผ่านเข้าสู่หัวใจและปอด ทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดฝอยในปอด
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยจากอาการและอาการแสดง
1.3 เส้นเลือดหัวใจหดเกร็ง (cardiovascular collapse)
1.4 เลือดออก
1.2 อาการเขียว
1.5 ไม่รู้สติ
1.1 ระบบหายใจล้มเหลว (respiratory distress)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
2.3 การตรวจคลื่นไฟฟูาหัวใจ (ECG)
2.4 ตรวจการไหลเวียนของเลือดในปอด
2.2 การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
2.5 การตรวจหา Sialy 1TH antigen
2.1 การตรวจหาเซลล์ผิวหนัง ขนอ่อน (lanugo hair) เมือกของทารกหรือเซลล์จากรก (fetal squamous cell, fetal debris, trophoblasts)
2.1.2 เลือดจากกระแสเลือดไปปอดของมารดา หรือจากในสายของซีวีพี (CVP line) พบได้ประมาณร้อยละ 50
2.1.3 เสมหะ
2.1.1 การชันสูตรศพ (autopsy) พบได้ร้อยละ 75
การพยาบาล
เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยคำนึงถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด
การเจ็บครรภ์คลอดที่รุนแรง
การเจาะถุงน้ำ
การให้ยาเร่งคลอด
การตกเลือดหลังคลอด
ถ้ามีอาการและอาการแสดง คือ มีภาวะชักเกร็งโดยไม่มีภาวะความดันโลหิตสูงมาก่อนมีภาวะเขียวทั่วทั้งตัว หรือเริ่มเขียวเป็นบางส่วนของร่างกาย
2.5 สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก
2.6 เตรียมช่วยเหลือการคลอดโดยคีมหรือผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
2.4 เฝ้าระวังการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี และกลไกการแข็งตัวสูญเสียไป
2.7 เตรียมช่วยฟื้นคืนชีพ ในรายที่เกิดหัวใจล้มเหลว (cardiac arrest)
2.3 ให้สารน้ำและเลือดตามแผนการรักษา
2.8 ใช้เครื่องช่วยหายใจใน 2-3 วันแรก ภายใต้การดูแลในหน่วยอภิบาลผู้ป่วยหนัก (intensive care unit) เพื่อดูแลระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต
2.2 ให้ออกซิเจน
2.9 ดูแลและให้กาลังใจต่อครอบครัว ถ้ามารดาและทารกเสียชีวิต
2.1 จัดให้มารดานอนในท่า fowler
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เกิดภาวะขาดออกซิเจนทั้งมารดาและทารก เนื่องจากการหดรัดเกร็งของหลอดเลือดที่ปอดมารดา
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด เนื่องจากมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด
เสี่ยงต่อการตกเลือดอย่างรุนแรงและเกิดภาวะช็อก เนื่องจากการขาดกลไกการแข็งตัวของเลือด และมดลูกไม่หดรัดตัว
ปัจจัยส่งเสริม
การผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
มารดามีบุตรหลายคน
การบาดเจ็บในช่องท้อง
มารดาตั้งครรภ์หลังที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
มดลูกแตก
น้ำคร่ำมีขี้เทาปน
รกลอกตัวก่อนกำหนด
รกเกาะต่ำ
การเบ่งคลอดขณะถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
การเจาะถุงน้ำคร่ำ
การรูดเพื่อเปิดขยายปากมดลูก
การตรวจวินิจฉัยน้ำคร่ำก่อนคลอด
การหมุนเปลี่ยนท่าทารกภายในและภายนอกครรภ์
การคลอดเฉียบพลัน
การเร่งคลอด โดยการใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ทารกตายในครรภ์ เป็นเวลานาน ทำให้มีการเปื่อยยุ่ย ขาดง่าย อาจเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือด ทำให้น้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด
การรักษา
ถ้าทารกยังไม่คลอด ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารก เเละรีบให้การช่วยเหลือโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องอย่างเร่งด่วน
เตรียมยาในการช่วยชีวิตผู้คลอดถ้ามีความดันโลหิตต่ำ
Norepinephrine
Epinephrine
Dopamine
ดูแลการหดรัดตัวของมดลูก โดยให้ยา oxytocin หรือ methergin ทางหลอดเลือดดำ
เจาะเลือดเพื่อประเมินความเข้มข้นของเลือดและการแข็งตัวของเลือด
ดูแลระบบการไหลเวียนเลือด เพื่อแก้ไขภาวะความดันโลหิตต่ำ โดยการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ เพื่อเพิ่มปริมาตรเลือด พลาสมา และสารไฟบริโนเจน
รักษาภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (DIC) โดยให้ยา Heparin
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยจัดให้นอน Fowler ‘ s position ให้ออกซิเจน 100% และถ้ามีระบบการหายใจล้มเหลวให้ใส่ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่องช่วยหายใจ
ประเมินการเสียเลือดทางช่องคลอด
ผ้าอนามัย น้าหนัก 1 กรัม เท่ากับ ปริมาณการเสียเลือด 1 มิลลิลิตร
อาการและอาการแสดง
หายใจลำบาก (dyspnea) เกิดภาวะหายใจล้มเหลวทันทีทันใด เขียวตามใบหน้า และลำตัว (cyanosis)
เกิดภาวะน้ำคั่งในปอด (pulmonary edema)
คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล
เส้นเลือดที่หัวใจตีบ
เหงื่อออกมาก
ความดันโลหิตต่ำมาก (low blood pressure)
มีอาการหนาวสั่น (chill)
ชัก
หมดสติ (Unconscious) และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ถ้าเกิดอาการนานกว่า 1 ชั่วโมง ผู้คลอดยังมีชีวิตอยู่จะเกิดภาวะกลไกการเข็งตัวของเลือดเสียไป และเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง
ผลกระทบ
มารดา
ทำให้ผู้คลอดเสียชีวิตจากการเสียเลือด ช็อค พบว่า ร้อยละ 39 ของผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากเริ่มปรากฏอาการ และยังพบว่า 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด มักเสียชีวิตภายใน 30 นาที ถ้ามีผู้รอดชีวิตมักมีอาการทางระบบประสาท เนื่องจากมีภาวะขาดออกซิเจนรุนแรง
ทารก
พบว่า มารดาที่หัวใจและปอดหยุดทางาน โอกาสรอดของทารกมีค่อนข้างน้อย โดยทั่วไปโอกาสรอดของทารกมีประมาณร้อยละ 70 แต่เกือบครึ่งของทารกที่รอดชีวิตจะมีภาวะบกพร่องทางระบบประสาท
การป้องกัน
การกระตุ้นการเจ็บครรภ์ ในรายที่เด็กตายในครรภ์โดยใช้ Oxytocin drip ควรทำอย่างระมัดระวัง ดูอาการหดรัดตัวของมดลูกอย่างใกล้ชิด และไม่ควรเจาะถุงน้ำก่อนปากมดลูกเปิดหมด
ไม่ควรกระตุ้นการเจ็บครรภ์โดยวิธีเลาะแยกเยื่อถุงน้ำคร่ำ (stripping membranes) จากคอมดลูก
การเจาะถุงน้ำควรทำอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ถูกปากมดลูก
ในรายที่มีภาวะรกเกาะต่ำ การตรวจภายในควรจะกระทำอย่างระมัดระวัง
ขณะเจ็บครรภ์คลอด ไม่ควรเร่งให้มดลูกหดรัดตัวถี่เกินไป
ถ้าผู้คลอดเจ็บครรภ์ถี่มากเกินกาหนด ผู้คลอดพักได้น้อย ควรรายงานแพทย์เวรทราบทุกครั้ง