Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดปกติของหัวใจและโครงสร้าง, นางสาวธัญญาเรศ หงษ์มณี รหัสนักศึกษา…
ความผิดปกติของหัวใจและโครงสร้าง
การประเมิน
การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย
ดู สังเกตตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ดูลักษณะการหายใจ อาการเหนื่อยหอบ ภาวะเขียว อาการบวมและตรวจสัญญาณชีพ
ฟัง เพื่อตรวจจังหวะ ความแรง และเสียงผิดปกติ ฟังเสียงปอดเพื่อตรวจความผิดปกติ
อาการและอาการแสดง
Syncope
Edema
Palpitation
Fatigue
Dyspnea
Cyanosis
Chest pain
อาการอื่น ๆ เช่น Hypoxia, Neck vein engorgement, cough, มึนงง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
CBC, ESR, PT, PTT, BUN, Cr, Serum cholesterol, Cardiac enzyme ,Lipid profile, CRP
. การตรวจพิเศษ
Circulatory time, cardiac output, EF, Central venous pressure, การวัดความดันเลือดแดง, Echocardiogram, EKG, การตรวจ Exercise test, tilt table test
การตรวจรังสี/อื่น ๆ
Fluoroscope, Angiocardiography, Cardiac radionuclear, Chest X-ray, Computerized tomography, PTCA
หัตถการเกี่ยวกับหัวใจ
Coronary angioplastry
การใส่สายสวนที่มี Balloon ตรงปลาย ผ่านทางผิวหนังเข้าสู่เส้นเลือดหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือด Coronary artery
การพยาบาลก่อนทำ : เจาะเลือด x-ray หัวใจ, EKG, NPO,
งดยาก่อน NSAID, ASA
การพยาบาลหลังทำ : นอนราบ 8 ชม, สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด, และต้องกดแรงและนานอย่างน้อย 30 นาทีบริเวณที่ถอดสายสวนไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออก, รับประทานอาหารที่เป็นน้ำ หรือของเหลว
Coronary artery bypass graft
การผ่าตัด ตัดต่อเส้นเลือดเพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจมีเลือดไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ
การพยาบาลก่อนทำ : ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ, ยา sedative,
ยาระงับความรู้สึก GA ,ใส่ท่อช่วยหายใจ ,สวนปัสสาวะค้าง
การพยาบาลหลังทำ : ย้ายเข้า ICU, ติดตามการทำงานของหัวใจ
Controlled heart rate, ดูแลสาย Chest tube, ดูแลทางเดินหายใจ และทางเดินปัสสาวะ
Prosthetic Heart Valve Replacement
เป็นการผ่าตัดเอาลิ้นหัวใจเทียมมาใส่แทน
การพยาบาล
พักผ่อน อย่างน้อย 8 – 10 ชั่วโมง
ออกกำลังกายตามความสามารถของผู้ป่วย
ทำงานได้หลังผ่าตัด 6 สัปดาห์
ลดโซเดียมเพื่อป้องกันการคั่งของสารน้ำ เพิ่มปริมาณโปรตีน วิตามิน
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
มีเพศสัมพันธ์ได้
3 เดือนแรกหลังผ่าตัด ไม่เเนะให้ตั้งครรภ์
ไม่ควรอยู่ในสถานที่เริงรมย์ที่แออัด
รับประทานยากันเลือดแข็งตัว เช่น Warfarin หรือ Coumadin
หรือ Orfarin ตลอดชีวิต
Pacemaker
หลังใส่เครื่องกำหนดจังหวะการเต้นของหัวใจ
วัด V/S
ติดตามภาวะหัวใจวาย และ Pneumothorax
สังเกตคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อติดตามการทำงานของเครื่องกำหนดจังหวะการเต้นของหัวใจ
ถ้าแผลแฉะ บวม แดง ให้ทำแผลให
ไม่ควรใช้ผ้าก๊อซปิดแผล
ไม่ให้ผู้ป่วยออกแรงเหยียดแขนข้างที่ใส่เครื่องกำหนดจังหวะการเต้นของหัวใจขึ้นเหนือศีรษะอย่างรุนแรงหรือเอื้อมหยิบของไกลๆ
โรคเกี่ยวกับลิ้นหัวใจตีบ/รั่ว
Mitral valve stenosis
สาเหตุ : การติดเชิ้อไข้รูมาติกเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
พยาธิสภาพ :ลิ้นหัวใจอักเสบ เกิดความแข็ง หนา หดรัด ดึงรั้งของลิ้นหัวใจ ทำให้รูเปิดแคบลง เลือดไหลไม่สะดวก ความดันในเอเตรียมซ้าย
สูงขึ้น และหลอดเลือดแดงที่ปอดความดันสูงขึ้น
อาการ : เหนื่อยล้า หายใจลำบากเวลาออกแรง นอนราบไม่ได้
หอบเหนื่อยกลางคืน ไอเป็นเลือด ตับโต ขาบวมกดบุ๋ม Atria fibrillation เขียว และ murmur
การรักษา/พยาบาล
การใช้ยา ได้แก่ ยาขับปัสสาวะและควบคุมโซเดียม
การผ่าตัด ขยายลิ้นหัวใจ ถ้าเป็นมากอาจต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
การปรับพฤติกรรม ควบคุมอาหาร จำกัดเกลือ งดบุหรี่ สุรา การทำฟัน
Mitral valve regurgitation
สาเหตุ : การติดเชื้อ การที่มีการเสื่อมของเนื้อเยื่อ ลิ้นหัวใจฉีกจากโรคบางโรค และการขยายตัวของหัวใจห้องล่าง
พยาธิสภาพ : ลักษณะคล้ายกับลิ้นไมตรัลตีบ แต่ต่างกันที่จากการที่ปิดไม่สนิททำให้เลือดไหลย้อนจากเวนตริเคิลซ้ายไปเอเตรียมซ้าย
อาการ : หายใจลำบากขณะมีกิจกรรม เมื่อพักอาการจะหายไป ใจสั่น นอนราบไม่ได้ บวมกดบุ๋ม หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง อ่อนเพลียมาก ถ้ามีอาการรั่วเรื้อรังจะเกิดหัวใจห้องขวาวายตามมา
การรักษา/พยาบาล
ระยะไม่มีอาการ ถ้าเกิดจากไข้รูมาติก ให้ยาปฏิชีวนะ จำกัดกิจกรรม จำกัดเกลือและน้ำ
ระยะที่มีอาการปานกลาง ให้ยาขับปัสสาวะ ยาขยายหลอดเลือด ยากลุ่มไนเตรท, ACEI จำกัดเกลือ, แก้ไขภาวะหัวใจล้มเหลว
ระยะรุนแรง รักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
Aorta valve stenosis
สาเหตุ : ส่วนใหญ่เกิดจากลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด และความเสื่อมของลิ้นหัวใจจากหินปูนเกาะลิ้นหัวใจ ติดเชื้อลิ้นหัวใจ ไข้รูมาติค
พยาธิสภาพ : อาการจะค่อยเป็นค่อยไปใช้เวลาหลายปี จนลิ้นหัวใจมีรูตีบเล็กจึงปรากฎอาการ
อาการ : เจ็บหน้าอกแบบ Angina หายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ มีเหนื่อยหอบกลางคืน เสียงหัวใจผิดปกติแบบ Harsh Crescendo-decrescendo ในช่วงหัวใจบีบตัว
การรักษา/พยาบาล
ระยะแรก รักษาตามอาการ โดยให้ยาและปรับพฤติกรรม
ระยะรุนแรง การผ่าตัดเป็นการรักษาที่ดีที่สุด
Aorta valve regurgitation
สาเหตุ : เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจและการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจและหัวใจ ไข้รูมาติค เชื้อแบคทีเรีย หรือ ซิฟิลิส
พยาธิสภาพ : เกิดจากเยื่อบุหัวใจอักเสบติดเชื้อ หลอดเลือดเอออร์ต้าฉีกขาด การบาดเจ็บของทรวงอก ทำให้เวนตริเคิลไม่สามารถปรับตัวรับกับปริมาตรเลือดที่ย้อนกลับได้ ความดันในเวนตริเคิลสูงมาก ทำให้ลิ้นไมตรัลปิดก่อนกำหนด เกิดภาวะ Pulmonary edema
อาการ :ใจสั่น หายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ หายใจเหนื่อยตอนกลางคืน ล้า มีอาการเจ็บหน้าอก Angina หัวใจเต้นเร็ว มีเสียงฟู่แบบ Decrescendo ช่วงหัวใจคลายตัว
การดูแลรักษา
ระยะแรกและปานกลางรักษาตามอาการร่วมกับปรับพฤติกรรม
ระยะรุนแรง การรักษาที่ได้ผลที่สุดคือการผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจเทียม
โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจ
Pericarditis
สาเหตุ
ติดเชื้อ ได้แก่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย วัณโรค เชื้อรา พยาธิ
ไม่ติดเชื้อ ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ยูรีเมีย
ปฏิกิริยาออโต้อิมมูนของร่างกาย ได้แก่ โรค SLE ไข้รูมาติค
หลังเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย 1-4 สัปดาห์ (Dessler’s syndrome)
การใช้ยา Procainamide, Hydralazine หรือ Phenytoin
ได้รับบาดเจ็บ
สารพิษ
ได้รับรังสี
สารเคมี
พยาธิสภาพ
ติดเชื้อเยื่อหุ้มหัวใจ เกิดไฟบรินและน้ำเกินบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้เยื่อหุ้มหัวใจแข็งและหนา ขาดความยืดหยุ่น ความดันรอบหัวใจสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลกลับหัวใจลดลง และการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงหัวใจลดลง
อาการ
ฟังเสียงหัวใจได้เสียง friction rub
คลื่นหัวใจผิดปกติ
ไข้
เจ็บหน้าอก ร้าวไปแขน ไหล่ และคอ
หนาวสั่น
หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น
หายใจลำบาก
อ่อนล้า
ภาวะแทรกซ้อน
น้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ
หัวใจถูกกดทับ
การรักษา
การใช้ยา NSAID, cochicin
การระบาย Drainage
การดูแลระบบไหลเวียนเลือดเพื่อเพิ่ม Cardiac output โดยให้น้ำเกลือเพื่อเพิ่มปริมาตรเลือด, ให้ยากระตุ้นหัวใจ, ติดตามวัดประเมินความดัน
โลหิตดำ ชีพจร, รักษาที่ต้นเหตุของ Cardiac temponade
Myocarditis
สาเหตุ
ติดเชื้อไวรัส ได้แก่ Coxackiea, Coxackie b, Influeneae, Admovirws, CMV, EBV
เชื้อ Bacteria และเชื้อรา
โรคเนื้อเยื้อเกี่ยวพัน เช่น โรคลูปัส
ยาบางชนิด
พยาธิสภาพ
พบการเปลี่ยนแปลงการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจโดยมีการอับเสบเกิดขึ้นทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของกำลังการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือนำมาสู่การเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันได้
อาการ
คล้ายเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ไปจนถึงการมีภาวะน้ำท่วมปอดที่รุนแรง
มีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาเจียน และท้องเสีย และร่วมกับ อ่อนเพลียจนหมดเรี่ยวแรง
เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นช้า หายใจลำบาก หมดสติเสียชีวิตเฉียบพลันได้
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังได้
การรักษา
ใช้เครื่องช่วยการทำงานของหัวใจแบบพิเศษ Intraaortic balloon pump
การให้ออกชิเจนเพื่อพยุงช่วยเหลือปอดและหัวใจ
ให้ยาต้านการอักเสบ
ให้ยารักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจ ทำงานลดลง
การสังเกตการทำงานของหัวใจและระบบไหลเวียน การควบคุมน้ำ และการให้ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
การผ่าตัด เช่น การผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ เป็นต้น
Endocarditis
สาเหตุ
ติดเชื้อไข้รูมาติค ไข้หวัดใหญ่ ไวรัส แบคทีเรีย ริกเกตซีย
เชื้อรา หรือพยาธิ
พบส่วนใหญ่เป็นเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักเข้าสู่กระแสเลือดได้ จากทางเข้าหรือแผลเปิดส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
พยาธิสภาพ
เชื้อโรคฝังตัวที่เยื่อบุกล้ามเนื้อหัวใจด้านใน เกิดได้ทั้งเฉียบพลัน และเรื้อรัง มีผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจภายหลังโรคติดเชื้อ ทำให้เยื่อบุกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ มีผลให้การหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เลือดออกจากหัวใจลดลง
อาการ
รายที่ไม่รุนแรง ไม่มีอาการแสดง
อ่อนเพลีย ไข้ เม็ดเลือดขาวสูง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอกหายใจลำบาก
อาการมากขึ้นจะมีภาวะหัวใจวายร่วมด้วย
อาการรุนแรงจะตรวจพบความผิดปกติของ T-wave
การรักษา
ให้ยาเพิ่มการบีบรัดตัวของหัวใจ เช่น Digitalis
ให้ยาขับปัสสาวะ
ให้ยาต้านการติดเชื้อ
Aneurysm
เป็นภาวะที่ผนังหลอดเลือดแดงหรือดำอ่อนแอ หรือการสะสมของ ไขมัน ทำให้ผนังหลอดเลือดบริเวณนั้นโป่งตึงรูปร่างคล้ายถุง
การพยาบาล
ควบคุมความดันโลหิต
งดบุหรี่
หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่าย
สังเกตภาวะแทรกซ้อน
ดูแลก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด หลังผ่าตัดซ่อมแซมเส้นเลือดระมัดระวังไม่ให้หัวใจและเส้นเลือดแดงใหญ่ทำงานหนัก
อาการ
คลำก้อนได้ที่หน้าท้องใต้ลิ้นปี่
ปวดท้องเรื้อรัง
มีก้อนเต้นที่ท้องสัมพันธ์กับชีพจร
ถ้ามีแรงดันในช่องท้อง การกดหรือกระแทกรุนแรง อาจทำให้เกิดการแตกได้
นางสาวธัญญาเรศ หงษ์มณี รหัสนักศึกษา 612501036