Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ (Ventilator), นายมงคล เนตรสกาว …

- - - - เป็นเครื่องผลิตฝอยละออง aerosol ง่ายๆ แต่ขนาดละอองมักใหญ่ลงไปไม่ถึงหลอดลมขนาดเล็กๆ เช่น เครื่อง Bird
    - - เป็นเครื่องผลิตความชื้นในรูปไอน้ำ ขนาดละอองเล็ก จึงเป็นผลดี เช่น Bennette
- - - - ควบคุม Pressure ไม่สูงเกินไปจนเป็นอันตราย ไม่ควรเกิน 35 cmH2O ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาปอดแข็ง เช่น ARDS
      - High decelerating flow
      - Volume distribution ดีกว่า VCV
    - - ถ้าใช้แบบ IRV จะต้องใช้ยา Sedate และยาคลายกล้ามเนื้อ
  - - - ช่วย Maintain Respiratory muscle strength
      - ใช้ในการ Wean ผู้ป่วยที่หย่าเครื่องช่วยหายใจยาก
      - Mean airway pressure น้อยกว่า CMV
    - - ทำให้เกิด hypoxemia ได้
      - ผู้ป่วยจะเหนื่อยมากหากยังไม่พร้อม
    - - ใช้ในผู้ป่วยที่ต้องการ การช่วยหายใจบางส่วน
    - - เครื่องให้ IMV ให้สัมพันธ์กับช่วงที่ผู้ป่วยเริ่มหายใจกระตุ้นเครื่อง
  - - - อาจเกิด Respiratory alkalosis
      - อาจเกิด Dys-synchrony ได้ง่าย
    - - ใช้ง่าย คุ้นเคย
      - ใช้ได้ทุกประเภทของผู้ป่วย
      - ไม่ต้อง paralyze ผู้ป่วย
      - ใช้ได้ในเครื่องช่วยหายใจทุกเครื่อง
  - - - เป็น Spontaneous breath ทั้งหมด
      - เครื่องให้อากาศตลอดเวลา
      - ลดการออกแรงในการหายใจ
    - - ลดผลการแทรกซ้อนจากเครื่องช่วยหายใจ
      - ใช้แบบ Non invasive ventilation ได้
      - ใช้เสริม mode PSV เพื่อลด Work of Breathing
    - - ไม่มี Back up mode
      - ผู้ป่วยอาจรู้สึกอึดอัด
  - - - เป็น Mode ที่ใช้ง่าย
      - เป็น Mode มีในเครื่องช่วยหายใจทุกเครื่อง
    - - ผู้ป่วยไม่หายใจเอง
      - ต้องการควบคุมการช่วยหายใจทั้งหมด
      - ผู้ป่วย Tetanus
    - - ต้องติดตาม ABG บ่อย
      - ต้องใช้ยา Sedative
      - ผู้ป่วยอาจรู้สึกหายใจลำบาก
- - - - Gas หมด รั่ว, ระบบขัดข้อง
      - Battery ภายในตัวเครื่อง หมดอายุ ไม่เก็บไฟ
    - - งดใช้งาน ช่วยหายใจให้ผู้ป่วยด้วย Self inflating bag
    - - Alarm low O2 / air inlet
      - Alarm Ventilator back up
      - Alarm low battery
  - - - Alarm low insp. Pressure
      - Alarm high pressure limit
      - Alarm high respiratory rate
      - Alarm I:E
      - Alarm low PEEP/CPAP
      - Alarm low Exhale TV / low Exhale MV
    - - เกิดจากการตั้งค่าต่างๆที่กล่าวมาแล้วไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยรายนั้นๆ
    - - ตรวจสอบการตั้งค่าต่างๆว่าสัมพันธ์กับการร้องเตือนของเครื่องและอาการแสดงของผู้ป่วยหรือไม่
  - - - Alarm high pressure limit
      - Alarm high MV / high RR ( respiration rate )
    - - แรงดันสูงกว่าที่กำหนด จาก ผู้ป่วยกัดท่อช่วยหายใจ ผู้ป่วยไอ เสมหะอุดตันในท่อช่วยหายใจ
      - ผู้ป่วยหายใจหอบ อัตราการหายใจ มากกว่า 30-40 ครั้ง/นาที
    - - ตามสาเหตุ ดูดเสมหะให้ผู้ป่วย ใส่อุปกรณ์ป้องกันการกัดท่อช่วยหายใจ ตรวจสอบการตั้งค่า high pressure limit
  - - - อุณหภูมิใน chamber สูงมาก
      - ไม่มีน้ำใน chamber
    - - ตรวจสอบน้ำใน chamber ว่าอยู่ในระดับหรือไม่
    - - มีน้ำขังในสายมาก
      - ไม่มีน้ำขังในสายเลย สายดูแห้งสนิท ไม่มีไอน้ำเกาะ
      - ผู้ป่วยไอบ่อยหายใจหอบ ดูดเสมหะไม่ได้ แต่ฟังได้เสียง secretion ในปอด
  - - - Alarm low inspiratory pressure
      - Alarm low Exhale tidal volume / Low Exhale MV.
    - - สายชุดช่วยหายใจหลุดจากผู้ป่วย
      - สายชุดช่วยหายใจรั่ว
      - กระป๋องดักน้ำปิดไม่สนิท ปีนเกลียว รั่ว
    - - ตรวจสอบระบบสายชุดช่วยหายใจจากผู้ป่วยสู่เครื่อง
- - - - ผู้ชาย ใช้ tube No. 7.5-8.0
      - ผู้หญิง ใช้ tube No. 7.0-7.5 หรือดูขนาดนิ้วก้อยของผู้ป่วย
    - - โดยทั่วไปถ้าใส่ทางปาก ประมาณ 20 – 24 ซม. (ขีด 20 – 24 ของท่อช่วยหายใจ ) หากพบลึกกว่านี้ ให้ตรวจสอบโดยการฟังเสียงลมเข้าปอดทั้ง 2 ข้างเท่ากันหรือไม่ เพราะอาจเกิด Tube one lung ได้ ถ้าตื้นกว่านี้อาจอยู่ใกล้หลอดอาหาร ทำให้สำลักเศษอาหารเข้าปอดได้ ( aspirate pneumonia )
  - - - ขนาดท่อช่วยหายใจ = อายุ (ปี) /4 +4
    - - ความลึกทางปาก(ซม.) = อายุ(ปี)/2 +12
      - ความลึกทางจมูก (ซม.) = อายุ(ปี)/2+15
- - - - สัญญาณชีพ BP, HR ,RR
      - คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
      - ระดับความรู้สึกตัว
      - O2 Saturation
  - - - 1.1 single T- piece trial
        
        นิยมใช้กับผู้ป่วยที่ ใช้เครื่องช่วยหายใจเพียงระยะสั้น ไม่มีพยาธิสภาพของปอดเดิม และสาเหตุของภาวะหายใจล้มเหลวถูกแก้ไขทั้งหมด
      - 1.2 Intermittent T- piece trial
        
        วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง มีพยาธิสภาพของโรคปอดเรื้อรัง หรือสาเหตุของภาวะหายใจล้มเหลวได้รับการแก้ไขแต่ไม่ทั้งหมด
    - - เป็นการหย่าเครื่องช่วยหายใจโดยไม่ต้องปลดเครื่องช่วยหายใจออกจากผู้ป่วย ตั้งอัตราการหายใจของเครื่องให้ช้าลง เพื่อทิ้งช่วงให้ผู้ป่วยหายใจเองสลับกับจังหวะการหายใจของเครื่องและกำหนดให้จังหวะการหายใจเข้าของเครื่องตรงกับจังหวะการหายใจเข้าของผู้ป่วยเอง ซึ่งเรียกว่า synchronized IMV ( SIMV) เพื่อหลีกเลี่ยงการหายใจต้านเครื่องของผู้ป่วย
      - การหย่าเครื่องด้วย วิธี IMV นิยมปฏิบัติ ด้วย IMV rate ที่ 10 - 12 ครั้ง / นาที จากนั้นจึงลด IMV rate ลงทีละ 1-2 ครั้ง และให้หายใจด้วย O2 T- piece เมื่อ IMV rate น้อยกว่า 3 - 4 ครั้ง/ นาที
      - ในปัจจุบันนิยมช่วยลด Work of breathing (WOB ) ของผู้ป่วยขณะหายใจด้วยวิธี IMV โดย
        
        เพิ่ม PEEP ในระบบ IMV ผู้ป่วยหายใจแบบ CPAP ในช่วง spontaneous breathing ( นิยมใช้ PEEP 5 - 6 cmH2 o )
        
        ดังนั้นค่า IPS ไม่ควรเกิน 10 cmH2o
        
        เพิ่ม inspiratory pressure support ( IPS ) โดยเพิ่มแรงดันบวกในช่วง spontaneous breathing
    - - เป็นวิธีที่ให้ผู้ป่วยควบคุมอัตราหายใจ อัตราไหลของลม( Inspiratory flow rate) และ I : E เอง
      - เครื่องจะช่วยผู้ป่วยในแง่ของ Inspiratory pressure support ; IPS เท่านั้น
      - ดั้งนั้น ผู้ป่วยที่ใช้วิธีนี้แสดงว่าผู้ป่วยสามารถหายใจได้เองตลอดและระดับ IPS ที่เหมาะสมคือ ค่า IPS ที่ต่ำกว่าค่า PIP ในขณะหายใจแบบ CMV ประมาณ 3 – 5 cmH2o เมื่อผู้ป่วยหายใจเองได้ดี จึงค่อยลดระดับ IPS ถึง 5 cmH2o โดยที่ผู้ป่วยไม่หอบเหนื่อยจึงให้หายใจ T-piece และ extubation
    - - เป็นการช่วยหายใจแบบ ช่วยทำให้ทางเดินหายใจมีแรงดันบวกตลอดทางเดินหายใจ ทั้งหายใจเข้า และหายใจออก
      - ผู้ป่วยกำหนดอัตราการหายใจและอัตราการไหลของลมเข้าปอดเอง
      - ระดับ CPAP ที่ตั้งค่าไว้ประมาณ 5-8 cmH2o ซึ่งให้ผลลด WOB ได้เป็นอย่างดี และเพิ่มความจุของ FRC ด้วย
      - การหย่าเครื่องด้วยวิธีนี้นิยมใช้กับผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง COPD , Asthma เป็นต้น
  - - - Cause of respiratory failure resolved or resolving
      - Hemodynamic stability
      - Absence of septicemia
      - Absence of severe acid-base and electrolytes imbalance
    - - pao2 > 60 with Fio2 < 0.4
      - paCo2 < 45 mmHg
      - PEEP < 5 cmH2o
      - Absence of lactic acidosis
    - - VT > 5 ml / kg
      - VC 10 – 15 ml/kg, MIP > 30 cmH2o
      - MV 5 - 10 L/min
      - F/VT < 105