Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทารกแรกเกิดที่มีภาวะ Neonatal jaundice - Coggle Diagram
ทารกแรกเกิดที่มีภาวะ Neonatal jaundice
อาการ
ระยะแรกจะมีอาการซึม ตัวอ่อน และดูดนมไม่ดี
ระยะต่อมาทารกจะซึมลง ตัวอ่อนมากขึ้น มีอาการกระสับกระส่าย ไข้ ร่องเสียงแหลม ตัวเกร็ง คอแอ่นไปด้านหลัง หลังแอ่น
แต่หากไม่ได้รับการรักษาก็จะมีอาการจะรุนแรงขึ้น คอและหลังเกร็งแอ่นมากขึ้น ไม่ดูดนม ชัก หยุดหายใจ โคม่า และอาจเสียชีวิตได้
กิจกรรมการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการส่องไฟ
1.ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำให้ทารกดูดนมมารดาตามผลการรักษา
2.ถอดเสื้อผ้าทารก จัดท่านอนหงาย หรือนอนท่าคว่ำและเปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมง
3.นอนตรงกลางแผงไฟ ในระยะห่างประมาณ 30 เซนติเมตร
4.วัดสัญญาณชีพทุก 2-4 ชั่วโมง
5.ปิดตา เช็ดทำความสะอาดตา และตรวจตาของทารกทุกวัน
6.สังเกตลักษะของอุจจาระ
7.ตรวจเลือดหาระดับบิลิรูบินอย่างน้อยทุก 12 ชั่วโมง
8.สังเกตอาการที่มีอาการทำลายของเนื้อเยื่อสมอง เช่น ดูดนมไม่ดี ซึมลง ร้องเสียงแหลม หลังแอ่น ตัวเขียว
9.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะขาดน้ำ เช่นผิวแห้ง ชีพจรเต้นเร็ว
การรักษา
การส่องไฟ
โดยใช้หลอดไฟชนิดพิเศษให้แสงสีฟ้าที่มีความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสมเท่านั้น ขณะส่องไฟ จะต้องถอดเสื้อผ้าทารก ปิดตา และแพทย์จะตรวจเลือดดูระดับบิลิรูบินเป็นระยะจนลดลงอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ผลเสียของการส่องไฟคือ อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ น้ำหนักตัวลดลง เนื่องจากร่างกายสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นจากการส่องไฟ
การเปลี่ยนถ่ายเลือด
คือ การเอาเลือดทารกที่มีบิลิรูบินสูงออกจากตัวเด็กและเติมเลือดอื่นเข้าไปทดแทน จะทำในกรณีที่ระดับบิลิรูบินสูงมากหรือทารกเริ่มมีอาการแสดงทางสมองเพื่อลดระดับบิลิรูบินอย่างรวดเร็ว
แก้ไขสาเหตุของภาวะตัวเหลือง
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโดยการส่องไฟ
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการเปลี่ยนถ่ายเลือด
พยาธิสภาพ
ภาวะตัวเหลืองปกติ (Physiologic Jaundice)
เกิดจากทารกที่อยู่ในครรภ์มารดามีความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงมากกว่าและเม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าของผู้ใหญ่ เมื่อเม็ดเลือดแดงของทารกแตกสลายและเปลี่ยนแปลงไปเป็นบิลิรูบินมากกว่าปกติจนเกินความสามารถในการกำจัดของร่างกาย เนื่องจากตับของทารกยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้การกำจัดบิลิรูบินด้วยตับยังไม่สมบูรณ์ เกิดการสะสมของสารบิลิรูบินขึ้นในร่างกาย หากทารกไม่มีความผิดปกติอื่นร่วมด้วยสามารถหายได้เองภายใน 1 - 2 สัปดาห์
ภาวะตัวเหลืองผิดปกติเนื่องจากมีพยาธิสภาพ (Pathologic Jaundice)
ภาวะหมู่เลือดแม่กับลูกไม่เข้ากัน
พบในคู่ที่แม่มีหมู่เลือดโอกับลูกมีหมู่เลือดเอหรือบี หรือคู่ที่แม่มีหมู่เลือด Rh ลบ และลูกมี Rh บวก
ทารกที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง หรือภาวะเม็ดเลือดแดงขาดเอ็มไซม์ G6PD
ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายกว่าปกติ
ทารกมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมากกว่าปกติ
โดยเฉพาะทารกที่คลอดจากมารดาที่เป็นเบาหวาน
ตัวเหลืองที่สัมพันธ์กับการกินนมแม่
พบในทารกที่กินนมแม่เพียงอย่างเดียว มักเกิดกับทารกที่ได้รับนมไม่เพียงพอ สาเหตุที่พบบ่อยคือ ท่าอุ้มให้ลูกดูดนมแม่ไม่ถูกต้อง หรือเกิดจากปัจจัยทางลูก เช่น ลูกเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดน้อย หรือมีภาวะลิ้นติด ทำให้ดูดนมแม่ได้ไม่ดี
สาเหตุอื่น ๆ
เช่น ภาวะตับอักเสบ โรคท่อน้ำดีตีบ ซึ่งทารกจะมีอาการตัวเหลืองร่วมกับอุจจาระสีซีด ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน การติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น
กิจกรรมการพยาบาลของผู้ป่วยที่เปลี่ยนถ่ายเลือด
1NPO 3- 4 ชั่วโมงก่อนทำและดูด gastric content ออก
2.เจาะเลือดผู้ป่วยประมาณ5-10 ml ใส่ขวดที่ไม่มีสารกันเลือดแข็งตัวเพื่อช่วยในการหาหมู่เลือดและทดสอบเลือดของผู้บริจาคส่งเลือดพร้อมกับใบขอเลือดไปยังธนาคารเลือด
3ตรวจชื่อนามสกุลกรุ๊ปเลือดให้ตรงกับผู้ป่วย
4บันทึกอุณหภูมิก่อนทำขนาดทำและหลังทำ on radiant warmer และอุ่นเลือดก่อนให้
5 บันทึกRR,Pulse,สีผิว BP ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำและsuction ให้เมื่อมีเสมหะ
6บันทึกระยะเวลาและจำนวนเลือดที่ดูดออกและนำเข้า
7สังเกตอาการผิดปกติเช่นหนาวสั่น มีผื่นตามตัว คันอาการกระตุกรอบๆปาก อาการแสดงของภาวะ hypercalcemia 8สังเกตอาการแสดงของelectrolyte imbalance เช่นชัก หยุดหายใจ bradycardia หรือdiarrhea และ ติดตามผล serum Ca และ K
8สังเกต bleeding บริเวณที่ทำหลังการให้เลือดและควรสังเกตอาการผิดปกติต่ออีก 6-12 ชั่วโมง
9ติดตาม Hb/Hct ก่อนและหลังทำ