บทที่ ๖
การบริหารการพยาบาล

ระบบบริการสาธารณสุขในประเทศไทย
แบ่งออกเป็น ๓ ระดับ

ระดับปฐมภูมิ (Primary care level)
ใกล้ชิดประชาชนและชุมชนมากที่สุด การรักษาดูแลในภาวะที่ไม่ซับซ้อนจึงเน้นที่ความครอบคลุมมีการบริการผสมผสานทั้งในด้านการรักษาพยาบาลการ ส่งเสริมสุขภาพการป้องกันควบคุมโรคฟื้นฟู

ระดับทุติยภูมิ (Secondary care level)
เป็นบริการที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในระดับที่ สูงขึ้นเน้นการบริการรักษาพยาบาลโรคที่ยากซับซ้อนมากขึ้น

ระดับตติยภูมิ (Tertiary care level) และศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง (Tertiary Care and Excellent Center)
เป็นการบริการที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงมีความสลับซับซ้อนมากมีบุคลากรทาง การแพทย์ในสาขาเฉพาะทาง

บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารการพยาบาล

๑. รับนโยบายจากผู้อํานวยการ

๒. กําหนดปรัชญา นโยบาย วิสัยทัศน์พันธกิจและเป้าหมายทางการพยาบาล

๓. เป็นผู้นําในการจัดทําแผนกลยุทธ์แผนงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน แผนปฏิบัติการของกลุ่ม

๔. กําหนดมาตรฐานบริการพยาบาลในภาพรวม

๕. กําหนดเกณฑ์ในการสรรหา/คัดเลือกบุคลากร

๖. กําหนดขอบเขตงานหน้าที่ความรับผิดชอบและคุณภาพของบุคลากรทุกระดับ

๗. ควบคุม กํากับประเมินผลและวิเคราะห์ระบบการพยาบาลของหน่วยงาน

๘. ประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ

๙. เป็นที่ปรึกษาทางการพยาบาล

๑๐. นิเทศงานการพยาบาลทั้งในและนอกโรงพยาบาล

๑๑. จัดหา ควบคุมพัสดุครุภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์และทางการพยาบาลให้เพียงพอ ๑๒. จัดหาและจัดสรรอัตรากําลังให้กับหน่วยงานต่างๆ

๑๓. ปฐมนิเทศเจ้าหน้าที่ใหม่และผู้มาฝึกงานการพยาบาลในโรงพยาบาล

๑๔. ควบคุมระบบบริหารงานเกี่ยวกับ
▶️ การบริหารอัตรากําลัง
▶️ การบริหารอุปกรณ์
▶️ การบริหารอาคารสถานที่

ระบบการดูแลผู้ป่วย
มี 5 รูปแบบคือ

ระบบการดูแลเป็นรายบุคคล คือ พยาบาล 1 คนจะให้การดูแลทุกอย่างสําหรับผู้ป่วยรายนั้นๆตลอดระยะเวลาการขึ้นปฏิบัติงาน

ระบบการทํางานเป็นหน้าที่ เน้นที่หน้าที่และ กิจกรรมเป็นสําคัญโดยบุคลากรแต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ

ระบบการพยาบาลเป็นทีม ระบบนี้ต้องการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ป่วยและ บุคลากรปรับปรุงคุณภาพการบริหารพยาบาลให้ดีขึ้นโดยนําพยาบาลวิชาชีพที่มีจํานวนจํากัดทํางาน

ระบบการพยาบาลแบบเจ้าของไข้ พยาบาลวิชาชีพ 1 คนจะทําหน้าที่ เป็นตัวจักรสําคัญในการดูแลผู้ป่วยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลตั้งแต่แรกรับเข้าไว้ในโรงพยาบาล จนกระทั่งจําหน่าย

ระบบการจัดการด้านผู้ป่วย เน้นการดูแลที่มีคุณภาพสงูสุด
และค่าใช้จ่ายที่ประหยัดคุ้มค่าซ

การจัดอัตรากําลังทางการพยาบาล (Nursing Staffing)

วัตถุประสงค์ของการจัดอัตรากําลัง
🔹 เพื่อกําหนดปริมาณอัตรากําลังให้มีบุคลากรในการดูแลผู้ป่วย
🔹 เพื่อจัดให้มีสัดส่วนการผสมผสานการจัดอัตรากําลังบุคลากร
🔹 เพื่อออกแบบหรือรูปแบบจัดตารางเวลาการปฏิบัติงานของบุคลากร

กระบวนการจัดอัตรากําลังทางการพยาบาล


การวางแผนอัตรากําลัง
(Staffing planning)

แผนดําเนินการ 3 ประการ คือ
🎵 การวางแผนความต้องการการพยาบาล
🎵 วางแผนเพื่อให้ได้บุคลากรพยาบาลตามท่ีต้องการเป็นการกําหนดวิธีการไว้ล่วง
🎵 การวางแผนการใช้บุคลากรทางการพยาบาล

ขั้นตอนในการจัดอัตรากําลัง

คาดคะเนความต้องการการพยาบาลของผู้ป่วย

จํานวนวันที่ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล
ในโรงพยาบาลหรือจํานวนวันนอน

จํานวนเฉลี่ยผู้ป่วยต่อวัน (ADC : Average daily census)
จํานวนผู้ป่วยในแต่ละวันโดยเฉลี่ย ซึ่งมีค่าเท่ากับจํานวนวันผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล

การแบ่งประเภทผู้ป่วย (Patient Classification Systems)
แบ่งประเภทผู้ป่วยนี้จะนําไปสู่การคํานวณหาปริมาณ การ พยาบาลที่ผู้ป่วยต้องการ

วิธีจัดประเภทผู้ป่วย โดยทั่วไปนิยมใช้ 3 วิธี

การประเมินตามแบบอย่าง (Prototype Evaluation Method)

การประเมินตามปัจจัย (Factor Evaluation Method)
ปัจจัยต่างๆ 1ประการ
📌 การสังเกต (Observation)
📌 การประคับประคองอารมณ์ (Emotional Support)
📌 การให้ยาและการรักษาพยาบาล (Medications and Treatments)
📌 การให้ความช่วยเหลือด้านสุขวิทยา (Assistance with Hygiene))
📌 การทดสอบ (Tests)
📌 การสอน (Teaching)

การประเมินตามความก้าวหน้าของการดูแลผู้ป่วย

ค่าเฉลี่ยเวลาการพยาบาลที่ต้องการของผู้ป่วยแต่ละประเภทหรือดัชนีปริมาณเวลา ( Average time Required or Workload index)
หมายถึง จํานวนชั่วโมงการพยาบาลตามความต้องการของผู้ป่วยแต่ละประเภท ซึ่งประกอบด้วย ชั่วโมงการพยาบาลโดยตรงกับชั่วโมงการพยาบาลโดยอ้อม มีหน่วยนับเป็นชั่วโมงต่อวัน

การจัดตารางการปฏิบัติงาน (Scheduling)
จัดได้ ๒ แบบ
1 การจัดแบบรวมการ (Centralized Scheduling)จัดโดยผู้ช่วยหัวหน้าพยาบาลฝ่ายบุคลากร
2 การจัดแบบแยกการ (Decentralized Scheduling) วิธีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดโดย หัวหน้าหอผู้ป่วย

การกระจายอัตรากําลัง (Staffing allocation)

การมอบหมายงาน (Assignment )
¥ การมอบหมายงานเฉพาะหน้าท่ี (Functional Method)
¥ การมอบหมายงานเป็นทีม (Team Method )
¥ การมอบหมายงานเฉพาะรายผู้ป่วย (Case Method)
¥ การมอบหมายงานแบบพยาบาลเจ้าของไข้ (Primary Methods)
¥ การมอบหมายงานแบบผสมผสาน (Multiple Method)
การมอบหมายแบบผู้จัดการกรณีหรือผู้จัดการการดูแลผู้ป่วย (Case management)

การนิเทศงานการพยาบาล

ลักษณะการนิเทศการพยาบาล

ลักษณะการนิเทศที่เน้นพฤติกรรมผู้นิเทศ

ลักษณะการนิเทศที่เน้นจุดประสงค์การนิเทศ

การนิเทศแบบอัตตาธิปไตย
เป็นการนิเทศที่ผู้นิเทศ ถืออํานาจโดยตําแหน่งหน้าที่ตรวจงานของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ

การนิเทศแบบประชาธิปไตย
เป็นรูปแบบการนิเทศสมัยใหม่ผู้ นิเทศจะคํานึงถึงจิตใจของผู้นิเทศ เอาใจใส่ต่อความสนใจ ความรู้สึก ความต้องการของมนุษย์

การนิเทศที่มุ่งผลผลิต (Production - centered)
เป็นการนิเทศที่เน้นผลสําเร็จของ งานเป็นหลัก ถือว่าผลสําเร็จของงานอยู่ที่ปริมาณและคุณภาพสิ่งที่ผลิต

การนิเทศที่มุ่งตัวบุคคล (person - centered) ผู้นิเทศจะเน้นความเป็นคนมนุษย สัมพันธ์ การทํางานร่วมกันอย่างม่ันใจ มุ่งส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดความเจริญงอกงาม

วิธีการนิเทศ

การนิเทศใกล้ชิด (close supervision)
เป็นการติดตามตรวจตราดูแลการปฏิบัติงานอย่าง ใกล้ชิด ผู้ปฏิบัติจะอยู่ในสายตาเสมอ

การนิเทศอิสระ (general supervision)
เป็นการนิเทศที่ใช้วิธีสังเกตอยู่ห่าง ๆ ให้อิสระแก่ผู้ ปฏิบัติได้ใช้ความคิดความ

องค์ประกอบของผู้นิเทศ
✏️ ความสามารถด้านเทคนิค
✏️ ความสามารถด้านวิชาการ
✏️ ความสามารถด้านการสอน
✏️ ความสามารถด้านมนุษย์
✏️ ความสามารถด้านบริหารงาน

หลักการนิเทศ
ผู้ปฏิบัติการนิเทศจําเป็นต้องมีหลักพื้นฐานการนิเทศ 5 ประการคือ

หลักปรัชญาการนิเทศ เป็นการนําหลักวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ปัญหา

หลักจิตวิทยาการนิเทศ การนิเทศเป็นการกระทําโดยตรงหรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับคน

หลักการเป็นผู้นํา หมายถึง การใช้ความรู้ความสามารถและการปฏิบัติงานที่เป็นระบบเป็นการ นํางานไปสู่เป้าหมายท่ีต้องการ

หลักการมนุษยสัมพันธ์ ผู้นิเทศจะต้องใช้มนุษยสัมพันธ์อย่างสูง

หลักการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ