Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะรกค้าง (Retained placenta), มี 3 ชนิด - Coggle Diagram
ภาวะรกค้าง
(Retained placenta)
ความหมาย
ภาวะที่รกหรือชิ้นส่วนของรกไม่คลอดออกมาภายใน 30 นาทีหลังทารกคลอด
โดยทั่วไปรกจะคลอดภายใน 10 นาที หลังจากที่ทารกคลอดแล้ว
สาเหตุ
ขาดกลไกการขับดันให้รกที่ลอกตัวแล้วผ่านออกมาภายนอก
รกลอกตัวแล้วและผ่านโพรงมดลูกออกมาอยู่ในช่องคลอด
รกลอกตัวแล้วแต่ไม่อาจผ่านออกมาจากโพรงมดลูกส่วนบนได้
สาเหตุส่งเสริม
เคยมีประวัติรกค้าง
เคยทำหัตถการที่ส่งเสริมให้เกิดรกค้าง เช่น C/S , Myomectomy หรือขูดมดลูก
การทำคลอดรกก่อนรกลอกตัวสมบูรณ์
มดลูกมีลักษะผิดปกติ เช่น มีผนังกั้นภายในไม่โพรงมดลูก
ขาดกลไกการลอกตัว
รกปกติ แต่มดลูกไม่มีการหดรัดตัว
มารดาอ่อนเพลีย ขาดอาหารและน้ำ
มารดาได้รับยาระงับปวดหรือยาสลบมากเกินไป
Prolonged labor
รกเกาะที่บริเวณ cornu หรือที่มดลูกส่วนล่างซึ่งมีกำลังการหดรัดตัวไม่ดี
Bladder full
รกผิดปกติ มดลูกหดรัดตัวปกติ รกไม่สามารถลอกออกมาได้
placenta membranacea
เป็นแผ่นแผ่บางไปทั่วส่วนใหญ่ของโพรงมดลูก ความบางของรกชนิดนี้ทำให้รกสามารถมีการย่นยู่ ร่วมไปกับการย่นยู่ของ deciduas cleavage ตามการหดรัดตัวของผนังมดลูกได้ จึงไม่อาจเกิดแรงดึงรั้งให้ชัืน spongiosa ฉีกขาดได้
placenta succenturiata หรือ placenta spurium
เป็นรกที่มีรกน้อยร่วมด้วย อาจขาดค้างในโพรงมดลูกได้
placenta adherens
trophoblast จะฝังตัวลงไปลึกกว่าชั้นspongiosa จนอาจลึกไปถึงชั้น basalisหรือทะลุผนังมดลูกออกไป ทำให้รกลอกตัวไม่ได้เพราะ
ขาดเครฟเวท ไลน์ หรือการย่นยู่ของชั้น spongiosa ที่มีความเปื่อยยุ่ยฉีกขาดง่าย
มีกล้ามเนื้อมดลูกยึดให้รกติดแน่นกับผนังมดลูกมากขึ้น
ชนิดของรกติด
placenta percreta
trophoblast ฝังตัวลึกทะลุชั้นกล้ามเนื้อมดลูกจนถึง serosa
placenta increta
trophoblast ฝังตัวลึกผ่านลงไปถึงชั้นกล้สมเนื้อมดลูก
placenta accreta
trophoblast ฝังตัวลงไปตลอดชั้น spongiosa ของเยื่อบุมดลูกอาจทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน
ผลกระทบต่อทารก
ทารกได้รับความอบอุนจากมารดาล่าช้า
การเสริมสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารกล่าช้า
อาการและอาการแสดง
มีเลือกออกทางช่องคลอดเป็นจำนวนมาก ภายหลังรกคลอด
มารดามีอาการกระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว ตัวเย็น เหงื่อออก ความดันโลหิตต่ำลง ระดับความรู้สึกตัวลดลง
พบว่ามดลูกหดรัดตัวไม่ดีหลังคลอด
บางส่วนของเนื้อรกขาดหายไป
ไม่มีอาการแสดงของรกลอกตัว หรือมีเพียงเล็กน้อย
หลังคลอดนาน 15-30 นาที
ผลกระทบต่อมารดา
ติดเชื้อหลังคลอด
มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการถูกตัดมดลูกทิ้ง
ตกเลือดหลังคลอด
การรักษา
2.ให้ยาเพื่อให้เกิดการคลายตัวของปากมดลูก ได้แก่
2.1 ยา adenalin 1:1,000 จำนวน 0.3 - 0.5 cc. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
2.2 ยา 20% magnesium sulfate 20 cc ฉีดเข้าเส้นเลือดช้าๆ
1.ให้ยาช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ช่วยส่งเสริมกลไกลการลอกตัวของรก ทำให้รกลอกตัวออกมาได้
3.ถ้าให้ยาแล้วไม่อาจช่วยให้รกลอกตัวสมบูรณ์และลบไม่สามารถคลอดออกมาได้แสดงว่าฝังตัวลึกต้องช่วยเหลือด้วยการล้วงรก(manual removal of the placenta)
4.ถ้ารกติดแน่น ผู้ทำคลอดสามารถเลี้ยงลูกออกมาได้ แต่มีบางส่วนค้างอยู่บนผนังมดลูกอาจให้การช่วยเหลือได้โดย
4.1 ขูดมดลูก ในกรณีที่รกค้างมีน้อย หรือครรภ์แรกที่ยังต้องการมีบุตรอีก และต้องให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
4.2 ตัดมดลูก ในกรณีที่แม่มีลูกเพียงพอแล้ว หรือมีอายุมากกว่าหรือมีพยาธิสภาพมากไม่อาจทำให้รกลอกตัวออกมาได้หรือมีสิทธิ์ลดเหลือค้างอยู่มากภายในโพรงมดลูก
การพยาบาล
2.ช่วยเหลือการคลอดรกที่ลอกแล้วแต่ค้างแต่ค้างอยู่ในช่องคลอด โดยการดู signs ของรกที่ลกตัวสมบูรณ์ ถ้ามี signs แสดงว่ารกลอกตัวแล้ว
1.ซักประวัติเกี่ยวกับสาเหตุส่งเสริมที่ทำให้เกิดภาวะรกค้าง เพื่อวางแผนป้องกันการเกิดภาวะรกค้าง และตรียมช่วยเหลือในระยะคลอดอย่างเหมาะสม
3.ช่วยเหลือการคลอดรกที่ยังค้างอยู่ในโพรงมดลูก เมื่อตรวจแล้วไม่มีิอาการแสดงของรกลอกตัวสมบูรณ์
ให้ปฏิบัติตามลำดับ ดังนี้
3.1.ตรวจการหดรัดตัวของมดลูก ถ้าไม่มีการหดรัดตัว หรือหดรักตัวไม่เต็มที่
ถ้าสวนปัสสาวะแล้วมดลูกยังหดรัดตัวไม่ดีขึ้น ควรใช้ฝ่ามือคลึงเบาๆที่ยอดมดลูก เพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดีขึ้น แต่ห้ามคลึงด้วยความรุนแรงเพราะอาจเกิดการหดรัดตัวผิดปกติ
สวนปัสสาวะ
3.2 ถ้าปฏิบัติตามข้อ 3.1 แล้ว รกยังไม่คลอดออกมาในเวลาอันสมควรอาจเกิดจาก
รกลอกตัวแล้ว แต่ไม่อาจผ่านโพรงมดลูกออกมาได้
รกลอกตัวเองไม่ได้ตามธรรมชาติ
3.3 ผู้ทำคลอดอาจสอดนิ้วมือเข้าไปในช่องคลอด เพื่อตรวจดูสภาพของปากมดลูกว่ามีการหดเกร็งของปากมดลูกจนขัดขวางการเคลื่อนต่ำของรก
3.4 ลองทำคลอดรกด้วยวิธีดึงสายสะดือ (control cord traction) ถ้าดึงแล้วรกยังติดอยู่ ห้ามดึงต่อไปด้วยกำลังแรง เพราะสายสะลืออาจขาดหรือมดลูกปลิ้น หรือมีเศษรกค้างอยู่ในโพรงมดลูกได้
มี 3 ชนิด