Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 ความผิดปกติของการไหลเวียนเลือด โรคหัวใจระหว่างการต…
บทที่ 5 ความผิดปกติของการไหลเวียนเลือด โรคหัวใจระหว่างการตั้งครรภ์
(Heart Disease in Pregnancy)
ชนิดของโรคหัวใจ
1.กลุ่มที่มีปริมาตรเลือดเกิน (Volume overload)
เกิดจากการมีช่องติดต่อระหว่างหัวใจ 2 ห้อง ทำให้เลือดไหลผ่านจากห้องซ้ายไปห้องขวา เช่น ASD,VSD,PDA
2.กลุ่มที่มีแรงดันสูง (pressure overload) เกิดจากมีการตีบแคบที่เส้นเลือดต่างๆ
3.กลุ่มที่มีอาการตัวเขียว (Cyanosis)
กลุ่มอาการนี้มีความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากมีการไหลเวียนเลือดจากห้องขวาไปห้องซ้าย คือเลือดดำไปปนกับเลือดแดงทำให้เนื้อเยื่อได้รับเลือดไม่เพียงพอ
4.โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic heart disease) ปัญหาที่พบจากโรคนี้คือ ลิ้นหัวใจข้างซ้ายตีบ
5.โรคหัวใจที่มีภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertensive heart disease)
6.โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease)
เกิดไขมันอุดตันหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดเนื้อตาย
7.ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ (cardiomyopathy)
8.หัวใจเต้นผิดปกติ (Arrthymias)
การวินิจฉัยโรค
ประวัติ
ประวัติการรักษา เช่น การเจ็บป่วยในครั้งก่อน, การผ่าตัด
ประวัติครอบครัว เช่น พันธุกรรม
ซักถามอาการ เช่น เจ็บหน้าอก, หายใจลำบาก, เขียว, อ่อนเพลีย, palpitation
4.ประวัติทางสังคม เช่น การใช้แอลกอฮอล์, สูบบุหรี่, การใช้สารเคมี
อาการและอาการแสดง
อาการ
: Severe or Progressive dyspnea, Progressive orthopnea, Paroxymal noctonal dyspnea, Hemoptysis, Syncope with exertion, Chest pain related to effort or emotion
อาการแสดง
: Cyanosis, Clubbing of fingers, Persistent neck vein distension, Diastolic murmur, Cardiomegaly, Sustained arrhythmia, Persistent splint second sound, Criteria for pulmonary hypertention
การตรวจพิเศษ
การตรวจคลื่นหัวใจ (Electrocardiography)
ภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray)
Echocardiography
Exercise tolerance test ตรวจเพื่อใช้ในการ 18 วินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
การใส่สายสวนหัวใจ (Cardiac catheterization) ไม่ควรทำในระยะไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อรังสี ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการท า fluoroscopy การตรวจควรใช้เทคนิค Doppler contrast และ echocardiography แทน
ผลการตั้งครรภ์ต่อโรคหัวใจ
1.การวินิจฉัยโรคหัวใจยากขึ้น
Cardiac Output เพิ่มขึ้น
Heart rate จะเพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ประมาณ 10-20 ครั้ง/นาที
Blood volume ในขณะตั้งครรภ์ blood volume จะค่อยๆเพิ่มมากขึ้น
Stroke volume โดยทั่วไปจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คล้าย cardiac output โดยจะเพิ่มมากที่สุด
Vascular and cardiac pressure
Functional class เปลี่ยนแปลงเลวลง
ผลของโรคหัวใจต่อการตั้งครรภ์
แท้งบุตร เนื่องจากทารกขาดออกซิเจน
คลอดก่อนกำหนด
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
ทารกตายในครรภ์
ทำให้คลอดง่ายและเร็วเนื่องจากทารกตัวเล็ก
ทารกเกิดโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในกรณีมารดาเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด
การรักษาด้วยยา
1.ยารักษาหัวใจล้มเหลว
Digoxin สามารถใช้รักษาภาวะหัวใจล้มเหลวได้ร่วมกับการใช้ยาขับปัสสาวะ แต่ควรระวังเรื่องภาวะโปแตสเซียมในเลือดต่ำ (hypokalemia)
hydralazine สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในการลด afterload
beta-blocker สามารถใช้ได้เพื่อควบคุมความดันโลหิตและอัตราการเต้น หัวใจเช่น labetalol ส่วนตัวอื่นพบว่ายังมีผลข้างเคียงต่อทารกในครรภ์
ยารักษาอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ยา quinidine ใช้ในการรักษา atrial และ ventricular tachycardia ในระหว่างการตั้งครรภ์ได้
ยารักษาลิ่มเลือดอุดตัน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants)
unfractionated heparin (UFH)
low-molecular weight heparin (LMWH)
warfarin
การดูแลหญิงตั้งครรภ์
โรคหัวใจ Class I และII
การฝากครรภ์ ควรแนะนำให้มาฝากครรภ์ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์เพื่อให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจถือว่าเป็นครรภ์เสี่ยงสูง ควรนัดมาตรวจบ่อยกว่าธรรมดา ในระยะ 28 สัปดาห์ควรนัดตรวจทุก 2 สัปดาห์ต่อไปควรนัดตรวจทุก 1 สัปดาห์
ควรดูแลใกล้ชิดจากอายุรแพทย์โรคหัวใจ
การตรวจครรภ์ต้องประเมิน Functional Class ของหัวใจ
อาหารควรหลีกเลี่ยงอาหารเดิม และพยายามป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มมากกว่า 10 กิโลกรัมตลอดการ ตั้งครรภ์
ระยะเจ็บครรภ์คลอดและการคลอดบุตร
1.จัดท่านอนให้ผู้ป่วยนอนในท่านอนตะแคงยกศีรษะสูง (Semi recumbent)
2.การระงับความเจ็บปวด การใช้continuous epidural anesthesia เป็นวิธีที่จะลดความเจ็บปวดได้ ดี สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือภาวะความดันโลหิตต่ำอันทำให้เกิด intracardiac shunt ได้
3.ตรวจชีพจรและการหายใจ ถ้าชีพจร > 100 ครั้ง/นาที, หายใจ > 24 ครั้ง/นาที
4.การคลอดบุตรทางช่องคลอดให้ผู้ป่วยนอนในท่า fowler ช่วยคลอดด้วยคีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศ เพื่อลดระยะที่ 2 ของการคลอดโดยไม่ต้องให้มารดาออกแรงเบ่งมาก
โรคหัวใจ Class III และ IV
แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยทำแท้งเพื่อการรักษา
การพยาบาล
2.ให้การพยาบาลเพื่อลดการทำงานของหัวใจ เพื่อป้องกันภาวะหัวใจวายในระยะคลอด
ดูแลให้นอนท่าศีรษะสูงช่วยให้ปอดขยายได้ดี
สังเกตอาการเริ่มต้นของหัวใจวาย
ดูแลการคลอดอย่างใกล้ชิด
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
ยา antibiotic
ยาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ เช่น digoxin 0.5 mg เมื่อหัวใจเต้นมากกว่า 100 ครั้ง/นาที
ยากล่อมประสาท เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้พัก ลดความวิตกกังวล
ยาระงับอาการเจ็บครรภ์ เพื่อช่วยลดปริมาณเลือดที่บีบออกจากหัวใจ เช่น pethidine
ยาขับปัสสาวะเพื่อลดอาการบวม
3.ในระยะเบ่งคลอด
ดูแลให้นอนท่าศีรษะสูงแยกขาออกให้ขาอยู่ในแนวราบ
ดูแลช่วยเหลือแพทย์ในการทำสูติศาสตร์หัตถการ เช่น การคลอดด้วยคีม
ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ทุก 5 นาที
1.ปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้นในระยะตั้งครรภ์
4.ให้ข้อมูลในเรื่องการคุมกำเนิด
มารดาโรคหัวใจ class 1,2 ควรคุมก าเนิดอย่างน้อย 2 ปี โดยการใส่ถุงยางอนามัย
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมขนาดต่ำ
มารดา class 3,4 ควรทำหมัน ควรทำเมื่อ 7วันหลังคลอด
ยาคุมกำเนิดชนิดโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวควรมีการเฝ้าระวังภาวะคั่งน้ำ
การยุติการตั้งครรภ์
การขูดมดลูก
การใช้ prostaglandin E1 หรือ E2
การใช้ saline abortion ก็เป็นข้อห้ามเนื่องจากทำให้เพิ่มปริมาตรของ intravascular เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
นางสาวพิมลมาศ ศักดิ์ศรี รหัส 602701069 ชั้นปีที่ 4 รุ่นที่ 35 วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม
**