Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis), นางสาวสุรีรัตน์ เผ่าหอม เลขที่ 70 ห้อง B…
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
ความหมาย
คือ โรคที่ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลง กระดูกเสื่อม เปราะ บาง ผิดรูปและแตกหักได้ง่าย บางรายทำให้ส่วนสูงลดลง เพราะกระดูกผุกร่อน กระดูกจะไม่สามารถทางานหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เช่น การทนรับนาหนัก แรงกระแทก หรือแรงกดได้น้อยลง เนื่องจากความเจ็บปวดจากรอยแตกร้าวภายใน ไปจนถึงการแตกหักของกระดูกส่วนสาคัญ ซึ่งอาจส่งผลทำให้พิการได้ เช่น กระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวเสื่อม บาง แตกร้าว หรือหัก
ความแข็งแรงของกระดูก (bone strength) เกิดจากการรวมกันของ 2 ปัจจัย
มวลกระดูก
(bone mass)
คุณภาพของกระดูก (bone quality)
ปัจจุบันยังไม่มีวีธิการใดที่สามารถวัดความแข็งแรงของกระดูก และคุณภาพของกระดูก จึงใช้เพียงมวลกระดูกในการประเมินโรคกระดูกพรุนเท่านั้น โดยการตรวจความหนาแน่นกระดูก BMD (bone mineral density) ซึ่งมวลกระดูกจะมีผลต่อความแข็งแรงของกระดูกประมาณ 70%
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
Postmenopausal osteoporosis
วัยหมดประจำเดือน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogens) ลดลง
osteoclast เพิ่มจำนวนมากขึ้น
osteoblast และ osteocyte มีอายุสั้นลง
Secondary osteoporosis โรคกระดูกพรุนทุติยภูมิ
ผลจากโรค
Rheumatic diseases
Cushing’s syndrome
Diabetes mellitus
Hyperparathyroidism
Thyrotoxicosis
Inflammatory bowel disease
Epilepsy
Gastrointestinal surgery
ผลจากการใช้ยา
Glucocorticoids
Proton pump inhibitors
Antiepileptics drugs
Aromatase inhibitors
Life style and Nutritional disorder การใช้ชีวิตและโภชนาการ
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ
การได้รับแคลเซียมน้อย
ได้รับวิตามินดีน้อย
ไม่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายนาน ๆ
สูบบุหรี่
การป้องกัน
รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดีซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
งดสูบบุหรี่
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมถึงสารคาเฟอีน เนื่องจากมีผลทำลายกระดูก
ตรวจร่างกายเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 50 ปีควรเข้ารับการตรวจวัดกระดูกเพื่อป้องกันการเสื่อมแต่เนิ่นๆ
อาการของโรคกระดูกพรุน
กระดูกแตกหักได้ง่ายแม้ถูกกระแทกไม่รุนแรง
ปวดหลังเรื้อรัง
หลังงอ
ความสูงลดลง
สาเหตุของโรคกระดูกพรุน
กระดูกจะมีเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) ทำหน้าที่สร้างกระดูกขึ้นมาใหม่จากแคลเซียมและโปรตีน ตามกระบวนการการเจริญเติบโตของร่างกายและทดแทนกระดูกส่วนที่สึกหรอ และมีเซลล์สลายกระดูก (Osteoclast) ทาหน้าที่ย่อยสลายเนื้อกระดูกเก่า
โรคกระดูกพรุนเกิดจากการทางานที่ไม่สมดุลกันของเซลล์กระดูก ทำให้มีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูก อาจเพราะมีปริมาณแคลเซียมในร่างกายไม่เพียงพอต่อกระบวนการสร้างกระดูก หรืออาจมีความผิดปกติของเซลล์กระดูก
การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน
การฉายภาพรังสี
DEXA Scan (Dual Energy X-ray Absorption) เป็นเครื่องตรวจหาความหนาแน่นของกระดูก ที่มีความแม่นยาสูง ใช้เวลาในการสแกนน้อย ปริมาณรังสีที่เข้าสู่ร่างกายในขณะสแกนต่า ไม่สร้างความเจ็บปวดแก่ผู้ป่วย ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 20 นาที เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการประเมินความหนาแน่นของกระดูก สามารถตรวจพบภาวะกระดูกพรุนประกอบการวินิจฉัยเพื่อการรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มของโรค
การตรวจมวลกระดูก
(Bone mineral density: BMD)
กระดูกพรุน (Osteoporosis) =≤ -2.5 SD
ปกติ (Normal) =>-1 SD
กระดูกบาง (Osteopenia) =-2.5 to -1.0 SD
กระดูกพรุนอย่างรุนแรง (Severe Osteoporosis) =≤ -2.5 SD ร่วมกับมีกระดูกหักจากความเปราะบาง
การรักษาโรคกระดูกพรุน
กระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก และลดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก
การเพิ่มยาเม็ดเสริมแคลเซียม
การรับวิตามินดีที่ช่วยเสริมการดูดซึมแคลเซียม
การรักษาโรคกระดูกพรุนด้วยยา
กลุ่มยา bisphosphonate
ยาออกฤทธิ์ทั้งเพิ่มการสร้างและลดการสลายเนื้อกระดูก ได้แก่ Strontium, วิตามินดี
โซลิโดรนิก แอซิด (Zoledronic acid) ใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดดา ลดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก ออกฤทธิ์ยับยั งการปล่อยแคลเซียมสู่กระแสเลือด ป้องกันภาวะแคลเซียมในเลือดสูง
ยาอะเลนโดรเนท (Alendronate) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์สลายกระดูก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมไปใช้ในกระบวนการสร้างกระดูกเพิ่มขึ้น
ไรซีโดรเนท (Risedronate) จะออกฤทธิ์ต่อเนื้อเยื่อกระดูก ลดอัตราการสลายตัวของกระดูก เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก
ยาเพิ่มการสร้างเนื้อกระดูก ได้แก่ ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (Teriparatide, PTH 1-84
ไอแบนโดรเนท (Ibandronate) ออกฤทธิ์ยับยั้งการสลายกระดูก เช่นกันมีทั้งแบบเป็นเม็ดรับประทาน และแบบฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
อาการข้างเคียง
ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง กรดไหลย้อน หลอดอาหารอักเสบ
ผลข้างเคียงต่อไต ทาให้ค่าการทางานของไตลดลงได้ ดังนั้นจึงไม่ควรใช้หากมีค่าการทางานของไตน้อยกว่า 30-35 มล./นาที
กระดูกขากรรไกรตาย (osteonecrosis of the jaw: ONJ) คือมีกระดูกโผล่ในช่องปากนานมากกว่า 8 สัปดาห์และมักพบการติดเชื้อร่วมด้วย
กระดูกต้นขาหักแบบผิดปกติ (atypical femoral fracture) เกิดกระดูกหักหลังมีแรงกระทบเพียงเล็กน้อย
อาการหลังได้รับยาอาจมี flu-like symptom หรือ acute phase reaction ซึ่งมักพบในยาbisphosphonate ชนิดฉีดซึ่งเกิดขึ้นภายใน 24-36 ชม.หลังได้รับยาในเข็มแรก อาการสามารถหายเองได้ใน 1- 3 วันและมักจะไม่เกิดขึ้นอีกในการรับยาครัง้ ต่อๆไป
การเพิ่มระดับฮอร์โมน
การฉีดหรือให้ยาเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนแก่ผู้ป่วยเพศหญิงที่อยู่ในวัยหมดประจาเดือนหรือผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกไป
ยาราลอคซิฟีน (Raloxifene) มีฤทธิ์ป้องกันการดูดซึมแคลเซียมออกจากกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้กระดูกแตกหักง่าย รวมถึงอาจมีผลรักษาและป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมบางชนิดด้วย
ผลข้างเคียง
อาการร้อนวูบวาบ
ครั่นตัว
เพิ่มความเสี่ยงในการจับตัวของลิ่มเลือดอุดตัน
ภาวะแทรกซ้อนของโรคกระดูกพรุน
ความเจ็บปวดจากภาวะกระดูกทรุดตัว
ปวดหลัง
ความสามารถในการทากิจกรรมต่าง ๆ ได้ลดลง
อาจเกิดภาวะซึมเศร้า
เกิดแผลกดทับ
โรคติดเชื อในระบบทางเดินปัสสาวะ
กระดูกหัก
การประเมินปัญหาทางการพยาบาล
การซักประวัติ การเปลี่ยนแปลงความสูงและน้าหนักตัว รูปแบบการท้ากิจกรรมและการพักผ่อนอาหารโดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดี การใช้ยา ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ประวัตการหกล้มการได้รับบาดเจ็บ ปัญหาทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื อ อาการปวด ข้อติด อ่อนแรง ชา ตะคริว กดเจ็บ อ่อนล้า และการทรงตัว
การตรวจร่างกาย น้าหนักตัว ส่วนสูงท่าทางการเดิน การทรงตัว การประเมินรูปร่างการเคลื่อนไหวที่ควบคุมได้และไม่ได้ ความแข็งแรง และความทนของกล้ามเนื อ รีเฟล็กซ์ การตรวจข้อ อาการบวมแดง ผิดรูป รอยตามร่างกายต่างๆ
นางสาวสุรีรัตน์ เผ่าหอม เลขที่ 70 ห้อง B รุ่นที่ 26