Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ ๕ เทคนิคการบริหารทางการพยาบาลนางสาวชุติพร เนตรวงษ์ เลขที่ 20…
บทที่ ๕ เทคนิคการบริหารทางการพยาบาลนางสาวชุติพร เนตรวงษ์ เลขที่ 20 (603101020)
การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
เป็นกระบวนการที่ใช้ในการจัดการหรือลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หรือหาข้อตกลงที่เป็นที่พอใจของทั้งฝุาย
การต่อรองสินค้า
การนัดหมายเพื่อน
จุดประสงค์
เพื่อขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หรือข้อเสนอที่แตกต่างกันเพื่อให้ผู้เจรจาได้สิ่งที่ต้องการ รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับอีกฝุายหนึ่งได้ด้วย
องค์ประกอบของการเจรจาต่อรอง
๑. บุคคลหรือกลุ่มบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปที่มีความคิดเห็น หรือความต้องการที่แตกต่างกัน
๒. กระบวนการ การเจราจาต่อรองเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอน เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์ วางแผน และช่วงเจรจา
๓. ความพยายามที่จะแก้ปัญหา เรื่องที่จะเจรจา คือจุดประสงค์ของการที่ทั้งสองฝุายต้องประชุมตกลงกัน
๔. ความแตกต่าง แต่ละฝ่ายต้องตระหนักว่าทั้งคู่มีความแตกต่างกัน หรือมีสิ่งที่แตกต่างกันจะเสนอ ดังนั้นต้องทำ
๕ ความเข้าใจในแต่ละฝ่ายก่อน
กระบวนการเจรจาต่อรอง (The negotiation process)
๑. ขั้นเตรียมการและวางแผน ( preparation and planning)
เป็นขั้นตอนแรกในก่อนที่จะมีการเจรจาท่านต้องมีข้อมูล โดยต้องเตรียมการกeหนดว่าข้อขัดแย้งที่จะเจรจามีลักษณะอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง มีอะไรที่เกี่ยวข้อง
๓. ขั้นทำความชัดเจนและหาเหตุผลสนับสนุน (clarification and justification)
อธิบายทำความเข้าใจให้ชัดเจนในประเด็นที่แต่ละฝุายต้องการ และหาเหตุผลสนับสนุนจุดยืนของตน
๔. ขั้นการต่อรองและแก้ปัญหา ( bargaining and problem solving)
เจรจาเพื่อความต้องการ
๕. ขั้นจบการเจรจาและนำไปสู่การปฏิบัติ (closure and implementation)
การได้ข้อตกลงอย่างเป็นทางการซึ่งจะต้องดำเนินการในรายละเอียดและจัดทำขั้นตอนสู่การปฏิบัติต่อไป
๒. ขั้นกำหนดกฏกติกาพื้นฐาน (definition of ground rules)
การเจรจาจะดำเนินอย่างไร ใครเป็นผู้เจรจาต่อรอง จะดำเนินการที่ไหน เวลาเท่าใด
เทคนิคการเจรจาต่อรอง
การต่อรองแบบนุ่ม
ผู้ต่อรองยินดีเสนอและยินยอมคู่เจราจาในบางประเด็น มีความไว้ใจกัน
มองคู่เจรจาเป็นมิตร และยอมตามเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง
การต่อรองแบบแข็ง
ผู้เจรจายึดจุดยืนของตนเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงข้อเจรจาของฝุายตรงข้ามมองคู่เจรจาเป็นศัตรู เรียกร้องเพื่อต้องการเอาชนะฝุายเดียว
หัวใจสำคัญในการเจรจาต่อรอง
เริ่มต้นด้วยการเปิดฉากเชิงบวก (Begin with a positive overture) การเริ่มต้นด้วยการมีไมตรีที่ดีต่อกัน ใช้การคิดหรือมุมมองทางบวกมักเกิดบรรยากาศที่ดี
บุคคล แยกออกจากปัญหา
ความสนใจ เน้นเรื่องผลประโยชน์มากกว่าใครแพ้ ใครชนะ
ทางเลือก พยายามหาทางออกหรือทางเลือกอื่น ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจสุดท้าย ควรหาทางเลือกที่มีประโยชน์ต่อทุกฝุายก่อนตัดสินใจ
เกณฑ์ ต้องตกลงกันตามกฏเกณฑ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝุาย โดยข้อตกลงนี้จะเกิดจากการยอมรับของ
การตัดสินใจแก้ไขปัญหา (Decision making)
ความสำคัญของการตัดสินใจ
๑. ช่วยให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่มีคุณภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และช่วยให้งานบรรลุตามเปูาหมายที่กำหนดไว้
๒. ช่วยลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงาน
๓. ช่วยให้บุคคลสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปราศจากความวิตกกังวลและสภาพที่ถูกบังคับในจิตใจ
๔ .ช่วยให้บุคคลเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จของตนเองที่การตัดสินใจนั้นๆก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อผู้อื่นได้
๕. ช่วยให้บุคคลมีความมั่นใจและมีการพัฒนาศักยภาพของตนให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
๖. ช่วยให้เกิดการประหยัดเวลา แรงงาน ทรัพยากรในการปฏิบัติ
ขอบเขตในการตัดสินใจ
การตัดสินใจโดยอาศัยขอบเขตตามระเบียบข้อบังคับ และกฎหมาย
การตัดสินใจโดยอาศัยขอบเขตทางสังคม เป็นการอาศัยหลักทางคุณธรรม จริยธรรม ระบบค่านิยมและวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถืออยู่
สรุปกระบวนการตัดสินใจ
๑. การระบุปัญหาหรือก าหนดปัญหา
๒. เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
๓. หาวิธีการแก้ปัญหาวิเคราะห์ทางเลือก
๔. พิจารณาถึงผลดีผลเสียของแต่ละวิธี
๕. เลือกวิธีที่ดีที่สุดไปใช้
๖. ด าเนินการสั่งการ
๗. ประเมินผลการตัดสินใจ
การบริหารเวลา
๑. การกำหนดความสำคัญ (Set Priorities)
A = มีความสำคัญมากต้องทำก่อน
B = มีความหมายสำคัญเช่นกัน ถ้ามีเวลาก็ควรทำ
C = ถ้าไม่ท ำขณะนี้คงไม่เป็นไร เมื่อทำอย่างอื่นเสร็จแล้วจึงค่อยทำงาน
๒ การวางแผน (Planning)
ลำดับงานที่จะทำ (The Sequence) หมายถึงการพิจารณางานที่มีความสำคัญ A ทั้งหมดก่อนว่า จะท างาน
ใดก่อนและหลัง
ยึดหลัก ๔W (The Who What Where and When) หมายถึงการระบุลำดับงานที่จะท าให้ชัดเจน
ทรัพยากรทางการบริหารที่ต้องการ (Resources Needed) หมายถึงการระบุทรัพยากรทางการบริหารอัน
ได้แก่ คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ
การติดตามผล (Follow – Up Required) การพิจารณาวิธีการติดตามผลเพื่อจะได้ทราบว่างานที่ก าหนดไว้
ตามแผนนั้นได้ด าเนินไปตามแผนหรือไม่
แผนสำรอง (Contingency Plans) หมายถึง การพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างการดำเนินตามแผนแล้วกำหนดเป็นแผนสำรองไว้
๓. การปฏิบัติตามตารางเวลาที่กำหนด
(Protecting Schedule Times)
การปฏิบัติตามตารางการทำงานที่ก าหนดไว้ในแผนซึ่งผู้บริหารจะต้องรู้จักใช้คำว่า “ไม่” หรือรู้จักการปฏิเสธงานเฉพาะหน้าที่ไม่มีความจำเป็น เร่งด่วน
เทคนิคการบริหารการใช้เวลาที่มีประสิทธิภาพ
จดบันทึกการใช้เวลาประจำวันไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์หาสาเหตุของการสูญเสียเวลา
วิเคราะห์สาเหตุของการรบกวนเวลาหรือการสูญเสียเวลาไปโดยไม่จ าเป็นจากข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ในแต่ละวันเพื่อหาข้อบกพร่องและสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียเวลาโดยไม่จ าเป็น
ปรับปรุงข้อบกพร่องหรือสาเหตุที่ทำให้เสียเวลาตามที่วิเคราะห์ได้
การบริหารความขัดแย้ง
สภาพการณ์ที่คนหรือกลุ่มคนเกิดความไม่เข้าใจกัน มีความรู้สึกไม่พึงพอใจ หรือคับข้องใจที่จะปฏิบัติงาน
ผลทางลบ
การสื่อสารถูกบิดเบือนไม่ทั่วถึง
ไม่ได้รับความร่วมมือ
ไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน
ขาดความคิดริเริ่มใหม่ๆ
คุณภาพการตัดสินใจต่ า
อาจท าให้ผู้บริหารใช้อ านาจเป็นเผด็จการมากขึ้น
ผลทางบวก
เกิดความคิดริเริ่มใหม่ๆ ในการท างาน
การควบคุมการปฏิบัติงานจะดีขึ้น
ความรอบคอบ ความมีเหตุมีผลในการแก้ปัญหา
เกิดการพัฒนาวิธีการท างานใหม่ๆ
ประเภทของความขัดแย้ง
๑. ความขัดแย้งตามแนวตั้ง (Vertical Conflict)
๒. ความขัดแย้งตามแนวนอน (Horizontal Conflict)
๓. ความขัดแย้งตามแนวทแยงมุม (Diagonal Conflict)
สาเหตุของความขัดแย้ง
ผลประโยชน์
บทบาทไม่ชัดเจน
เปูาหมายการทำงาน
อำนาจ
การเปลี่ยนแปลง
ฟอลเลต (Mary Parker Follett) ได้เสนอแนวความคิดในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ๓ วิธีคือ
การชนะ–แพ้ (Domination) หมายถึง การแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยวิธีการที่ฝุายหนึ่งเป็นผู้ชนะอีกฝุายหนึ่งเป็นการใช้อ านาจในการแก้ปัญหา
การประนีประนอม (Compromise) หมายถึง การแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยที่ต่างฝุายต่างได้เพียงบางส่วนที่ต้องการเท่านั้น
การประสานประโยชน์ (Integrated Solution) หมายถึง การแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เน้นความพอใจของทั้งสองฝุายมากที่สุด เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่มีการแพ้–ชนะ
ความขัดแย้งในงานการพยาบาล
การมีพฤติกรรมที่ต่อต้านหรือฝุาฝืน
ความเครียด
อ านาจหน้าที่ของแพทย์
ความเชื่อ ค่านิยมและเปูาหมาย
ผลกระทบของความขัดแย้ง
หน่วยงานไม่มีความขัดแย้งหรือมีน้อยเกินไปก็จะทาให้ขาดความคิดใหม่ๆ หรือการทำงานขาดประสิทธิภาพ และในกรณีที่หน่วยงานมีความขัดแย้งในระดับที่สูงมาก จะทำให้บรรยากาศในการทำงานตึงเครียด
ผู้ปฏิบัติงานจะขาดกำลังใจ
การเสริมพลังอำนาจ
เป็นการเพิ่มศักยภาพของบุคคล โดยผู้บังคับบัญชาถ่ายโอนอ านาจ ให้อิสระในการตัดสินใจ และจัดหาทรัพยากรในการปฏิบัติงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
ความสำคัญของการเสริมสร้างพลังอำนาจ
ความสำคัญต่อบุคคลในองค์กร
ความสำคัญต่อทีมงาน
ความสำคัญต่อระดับองค์กร
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้บริหารการพยาบาล
ระบบโครงสร้างองค์กร
วัฒนธรรมองค์กร
บุคลากร
ผู้บริหารองค์กร
ความไว้วางใจในองค์กร
ลักษณะงาน
สัมพันธภาพระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง