Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การจัดการเรียนรู้และการพัฒนา คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง,…
บทที่ 10
การจัดการเรียนรู้และการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
การจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน
มาตรา 22
ยึดผู้เรียนเป็นหลัก ส่งเสริมผู้เรียนตามศักยภาพ
มาตรา 24
จัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมาย โดยครูมีความสำคัญกับการจัดการเรียนรู้
ความหมาย
กิจกรรมการเรียนรู้ คือ การปฏิบัติของผู้เรียน
ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์
ความสำคัญ
1.ช่วยกระตุ้นความสนใจ ตื่นตัวตลอดเวลา
2.เปิดโอกาสให้ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้
3.ปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย
4.ฝึกความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน
5.ส่งเสริมทักษะกระบวนการ
6.ฝึกการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์
7.สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เรียนกับครู
8.เข้าใจบทเรียนและส่งเสริมพัฒนาการ
หลักการ
หลักการจัดการเรียนรู้
1.กระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
2.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียน 3 ด้าน
3.ผู้สอนต้องใช้ทั้งวิชาการและทักษะ/เทคนิค
หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
1.เลือกประสบการณ์ที่สอดคล้องกับวัตุประสงค์ของ
การเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้
2.เลือกประสบการณ์ที่ผู้เรียนพึงพอใจ สนุก น่าสนใจ ไม่ซ้ำซาก มีประโยชน์
3.เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสามารถทางด้าน
ร่างกายของผู้เรียนที่จะปฏิบัติได้
4.เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมจุดม่งหมายในการจัดการเรียนรู้
หลายๆด้าน
5.คำนึงความแตกต่างระหว่างบุคคล จึงควรจัดกิจกรรมให้หลากหลาย
หลักการจัดกิจกรรมเรียนรู้
1.สอดคล้องเตนารมณ์หลักสูตร จุดประสงค์การจัดการเรียนรู้ เนื้อหาวิชา
2.เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความสนใจ
3.จัดเรียงเนื้อหาตามลำดับ
4.ใช้สื่อ/แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสม
5.ผู้เรียนมีส่วนร่วมทำกิจกรรม
6.ส่งเสริมกระบวนการคิด
7.ใช้เทคนิควิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย
8.มีการวัดประเมินผลหลากหลาย
9.ผู้เรียนมีความสุข เจตคติที่ดี
กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1.กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด
2.กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
3.กระบวนปฏิบัติ
4.กระบวนการสร้างเจตคติ
5.กระบวนการสร้างค่านิยม
6.กระบวนการกลุ่ม
7.กระบวนการความรู้ความเข้าใจ
8.กระบวนการสร้างความตระหนัก
9.กระบวนการแก้ปัญหา
10.กระบวนการความคิดสร้างสรรค์
11.กระบวนการทางคณิตศาสตร์
12.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
13.กระบวนการทางภาษาศาสตร์
14.กระบวนการจัดการเรียนรู้
กิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
1.ซํกถาม
2.การอภิปราย
3.การแสดงความคิดเห็นเพื่อแก้ปัญหา
4.การค้นหา
5.ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
บทบาทครู
1.การให้คำแนะนำ ชี้แนะกิจกรรม หัวข้อศึกษาค้นคว้า ชี้แนะวิธีดำเนินการโดยให้คำปรึกษา
2.การกำกับดูแลกิจกรรม การทำงาน โดยแนะนำวิธีการทำงานให้เป็นไปอย่างถูกวิธี ถูกรูปแบบ ตามขั้นตอนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เทคนิคและวิธีการจัดการเรียนรู้
1.การเรียนรู้แบบร่วมมือร่วมใจ
2.การเรียนรู้แบบโครงสร้างความรู้
3.การเรียนรู้แบบศูนย์กลาง
4.การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้
5.การเรียนรู้แบบบูรณาการ
6.การเรียนรู้แบบถามตอบ
7.การเรียนรู้ด้วยรูปแบบซิปปา
8.การเรียนรู้แบบโครงงาน
9.การเรียนรู้แบบการเรียนรู้คู่
10.การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมในแหล่งชุมชน
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้การจัดการเรีนรู้ของผู้เรียนมีคุณภาพ
การสร้างทัศนคติที่ถูกต้อง
ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจำเป็นต้องมีความเข้าใจถึง
เป้าหมายการประเมินที่แท้จริงว่าเป้าหมายการประเมิน คือ “การพัฒนา” ซึ่งหากเข้าใจตรงกันแล้วจะทำให้เกิดทัศนคติที่ดีและเห็นคุณค่าของการประเมินผู้ปฏิบัติงานจะทำงานอย่างทุ่มเท จริงจัง และเต็มใจ แล้วนำผลจากการประเมินไปใช้ในการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
การสะท้อนสภาพจริง
สะท้อนจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา ด้านคุณภาพผู้เรียน ด้านคุณภาพการจัดการเรียนการสอน ด้านคุณภาพการบริหารจัดการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ครูได้รู้ถึงจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา ด้านความสามารถในการจัดการเรียนการสอนที่เน้น
ผู้เรียนเป็นสำคัญความสามารถทางด้านต่างๆ
ที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับครู
ผู้เรียนได้รู้ถึงคุณภาพด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คุณภาพด้านการใฝ่รู้เรียนคุณภาพด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพด้านวินัยของตนเอง ซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนความเป็นจริง
การมีส่วนร่วมในการประเมิน
การประเมิน มี 2 ด้าน คือ ตนเองประเมินตนเอง กับคนอื่นประเมินเรา เพื่อเป็นการตรวจสอบยืนยันซึ่งกันและกัน
การนำผลประเมินไปใช้
สำหรับสถานศึกษาที่มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีขึ้นไป
ควรมีการพัฒนาให้ต่อเนื่องและยั่งยืน
สำหรับสถานศึกษาที่มีผลการประเมินตั้งแต่
ระดับพอใช้ลงมาควรมีการวิเคราะห์ จุดเด่นและจุดที่ควรพัฒนาโดยนำข้อเสนอแนะจากการ
ประเมินไปจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาและ
พัฒนาตามแผนให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืน
คุณภาพการประเมิน
การประกันคุณภาพภายใน
เป็นกระบวนการที่บุคลากรทุกฝ่ายในสถานศึกษาร่วมกัน
วางแผนกำหนดเป้าหมายและวิธีการ ลงมือปฏิบัติตาม มีการบันทึกข้อมูล เพื่อร่วมกันตรวจสอบผลงาน โดยมุ่งหวังให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ สถานศึกษาที่เน้นคุณภาพของผู้เรียนเป็นสำคัญ
การประเมินคุณภาพภายนอก
เพื่อกระตุ้นให้สถานศึกษามีการพัฒนาคุณภาพอย่าง
ต่อเนื่องรวมทั้งเป็นการสะท้อนจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา
ขั้นที่ 1 ส่งเสริมและพัฒนา คือการสร้างเจตคติที่ดีที่ถูกต้อง สมจริงต่อการประกัน คุณภาพการศึกษาโดยเฉพาะ
การประเมินคุณภาพภายนอก
ขั้นที่ 2 สร้างศรัทธาต่อหมอโรงเรียน คือ การพัฒนาคัดสรรผู้ประเมินภายนอกที่มีความสามารถ
และมีความเป็นกัลยาณมิตรเพื่อให้สถานศึกษาเกิดศรัทธา
และไว้วางใจต่อผู้ประเมินภายนอก
ขั้นที่ 3 เพียรประเมินอย่างกัลยาณมิตร เพื่อยืนยันผลประเมินจากการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาเพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานโดยการบูรณาการ
การประเมินตนเอง
ขั้นที่ 4 ชี้ทิศและเสริมแรงพัฒนา คือ การรายงานผลการประเมินต่อสถานศึกษาต้นสังกัด และสาธารณชนอย่างตรงไปตรงมา
การประเมินเพื่อพัฒนา
เป็นการประเมินเพื่อพัฒนา และมีการนำผลจากการประเมินไปวางแผนพัฒนาสถาน
ศึกษาตามข้อเสนอแนะแล้วการประเมินก็จะไม่เป็นภาระหรือสร้างความกังวลให้กับสถานศึกษา
หรือบุคลากรในองค์กรอีกต่อไป
มีเกณฑ์และวิธีการประเมินที่มีคุณภาพเข้ากับบริบทของ
สถานศึกษาและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
มีกระบวนการประเมินที่มีคุณภาพ ทั้งก่อนการประเมิน ระหว่างการประเมิน และหลังการประเมิน รวมทั้งการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดทำรายงานที่มีผลประเมินตรงตามสภาพจริง ไม่บิดเบือน เชื่อถือได้
มีผู้ประเมินภายนอกที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม และประเมินด้วยรูปแบบกัลยาณมิตร
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้การจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนมีคุณภาพ
ด้านนโยบาย
การกำหนดนโยบายควรสอดคล้องกับบริบทของสังคม มีความต่อเนื่องชัดเจน ชี้นำสังคมเป็นที่ยอมรับ
มีการทบทวน ตรวจสอบ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ด้านการเรียนการสอน
มีการ “ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน” โดยเน้นผู้เรียน เรียนผ่านการปฏิบัติหรือประสบการณ์ตรง
2.เป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง และผู้เรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง
3.มีคณาจารรณ์ประจำหลักสูตรที่มีคุณวุฒิ ความรู้ความสามารถ และเพียงพอต่อการจัดการเรียนการอนรวมถึงสามารถกำกับดูแลให้เป็นไปตามข้อกำหนด
4.ห้องเรียนต้องเป็นห้องเรียนที่มีชีวิต มีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
5.ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น
ด้านการบริหารจัดการ
1.ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ มีคุณธรรม ยึดมั่นและบริหารภายใต้หลักธรรมาภิบาล
2.มีระบบการคัดกรองและประเมินผลที่มีคุณภาพ
และเหมาะสม
3.สถานศึกษาต้องมีเสรีภาพทางวิชาการและการจัดการ
ศึกษาที่มีอิสรภาพในการบริหารจัดการให้คำชี้แนะ
ด้านสถานที่และงบประมาณ
1.มีอาคารสถานที่และบริเวณที่สะอาด ถูกสุขอนามัย สวยงาม กระตุ้น จูงใจให้อยากมาเรียน และเพียงพอต่อความต้องการ
2.สื่อ อุปกรณ์ เช่น ห้องสมุดที่ทันสมัย หนังสือจำนวนมากให้ค้นคว้าในสิ่งที่อยากรู้ อยากเห็น อยากทำ ความเข้าใจ
การสร้างวิถีชีวิตคุณภาพ
“การประเมินที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสถานศึกษา
และผู้เกี่ยวข้องจะต้องเป็นการประเมินที่สะท้อนสภาพจริง
ของสถานศึกษา การประเมินคุณภาพ การจัดการศึกษาของสถานศึกษา จะบรรลุเป้าหมายได้หากสถานศึกษาตระหนักที่จะนำผลการประเมินไปใช้พัฒนาสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง
กระบวนพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนือง
กระบวนการพัฒนาโดยการใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด
แนวคิด
การใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาดเป็นกระบวนการนำข้อมูลสารสนเทศที่สถานศึกษามีอยู่มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอน โดยข้อมูลสารสนเทศมาจากผลการประเมินจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายในแลพภายนอก
ขั้นตอน
1.จัดเตรียมข้อมูล
เป็นระยะที่สถานศึกษาจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านต่าง ๆ สำหรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
2.การสืบเสาะเพื่อวางแผนการใช้ข้อมูล
เป็นระยะที่สถานศึกษาต้องกำหนด ออกแบบ หาแนวทาง และแบบแผนเพื่อนำข้อมูลไปใช้ทั้งในด้านการบริหารจัดการหรือจัดการเรียนการสอน
3.การลงมือปฏิบัติงาน
เป็นระยะที่สถานศึกษาลงมือปฏิบัติงานตามแนวทาง
และแบบแผนที่กำหนดไว้ข้างต้น ซึ่งถือเป็นขั้นตอนการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษา
การจัดการความรู้
การจัดการความรู้เป็นแนวคิดที่สามารถนำไปปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินงานของโรงเรียนเป็นไปตามวงจรคุณภาพ PDCA
หลักการ
ความรู้ที่อยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) คือ ความรู้ที่เป็นประสบการณ์ หรือภูมิปัญญาที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเอกสาร
ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) คือ ความรู้/ข้อมูลที่บันทึกไว้เป็นลายลักอักษรและมีการ
เผยแพร่ในรูปแบบที่เป็นทางการ เช่น รายงานผลการประเมินจากหน่วยงานต่าง ๆ
ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 การสร้างความรู้ (Knowledge Creation) เป็นขั้นตอนของการได้มาซึ่งความรู้ที่นำไปใช้ วิธีการได้มาขององค์ความรู้ ได้แก่ การประชุม การพบปะพูดคุย การแลกเปลี่ยน
ขั้นตอนที่ 2 การจัดเก็บความรู้ (Knowledge Storage) เป็นขั้นตอนการจัดเก็บ รักษา องค์ความรู้ที่ได้จากการสร้างในขั้นตอนที่ 1 ให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม สามารถสืบค้น หยิบจับ หรือนำมาใช้ได้อย่างสะดวก เช่น การจัดเก็บในรูปเล่มรายงาน การจัดทำแฟ้มเอกสาร
ขั้นตอนที่ 3 การถ่ายทอดความรู้ (Knowledge Transfer) เป็นขั้นตอนการเข้าถึงข้อมูลหรือเผยแพร่ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบต่าง ๆที่สามารถถ่ายโอนจากแหล่งหนึ่งไปยังแหล่งหนึ่งด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การประชุม การนำเสนอผลงานผ่านระบบ
ขั้นตอนที่ 4 การใช้ความรู้ (Knowledge Utilization) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปใช้ประโยชน์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรหรือการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้
แนวคิด
เครือข่ายการเรียนรู้ หมายถึง การเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสาร สาระความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้ ซึ่งผู้เรียนผู้สอน และสถานศึกษาสามารถนำเครือข่ายการเรียนรู้ต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
1) บ้าน/ครอบครัว เป็นเครือข่ายการเรียนรู้แห่งแรกและมีความใกล้ชิด
กับผู้เรียน มากที่สุด ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้เรื่องของตนเอง ครอบครัว คุณธรรม และจริยธรรม ฯลฯ
2) ชุมชน เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ที่หมายถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์กร หน่วยงาน สถาบัน สถานประกอบการ ฯลฯซึ่งเป็นแหล่งรวมของความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่
3) เครือข่ายเทคโนโลยีทางการศึกษา ได้แก่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต สื่อวัสดุอุปกรณ์สื่อโสตทัศนูปกรณ์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อโทรคมนาคม มัลติมีเดีย ฯลฯ ที่สามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้
ประโยชน์
จากตัวบุคคล
1) ทำให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ๆ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลต่าง ๆ ภายในองค์กร ทำให้สามารถได้รับรู้ถึงความคิดหรือข้อมูลใหม่ ๆ
2) ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองจากการประมวลผลข้อมูล สามารถใช้ข้อมูลที่รับรู้มาเพื่อการพัฒนาตนเอง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงตนเองที่ดีขึ้นตลอดเวลา
3) ทำให้มีการปรึกษา และมีเพื่อนร่วมคิดที่หลากหลายรูปแบบ หลายความคิด เมื่อมีปัญหาหรือมีอุปสรรคในการทำงานก็สามารถ
สอบถามความเห็นจากเพื่อนที่เป็นเครือข่าย
4) ทำให้เกิดการจุดประกายความคิดริเริ่มใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากงานปัจจุบันที่ทำอยู่
ประโยชน์ระดับหน่วยงาน
1) เป็นเวทีสำหรับแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ ให้ความช่วยเหลือช่วยแก้ปัญหา ช่วยสนับสนุนและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
2) ช่วยสร้างการทำงานเป็นทีม สามารถระดมความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์หลากหลาย
ทำให้งานมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จที่ดี
3) เปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมตามความสนใจ
4) สามารถเผยแพร่และประชาสัมพันธ์งานได้อย่างทั่วถึง
5) ทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
แนวปฏิบัติ
ขั้นตอนแรก คือ วิธีการแสวงหา ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อหาสมาชิก
ขั้นตอนที่สอง คือ ยุทธศาสตร์การรณรงค์
ขั้นตอนที่สาม คือ กิจกรรมการด าเนินงาน
การนำผลการประเมินไปใช้ประโยชน์
แนวคิด
1.การใช้ผลการประเมินในเชิงความคิด เป็นการนeผลการประเมินไปใช้เพื่อจุดประกายความคิด
หรือสะท้อนความคิดของผู้เกี่ยวข้องต่อ
สภาพการณ์ที่เกิดขึ้น
การใช้ผลการประเมินในเชิงตรวจสอบยืนยัน เป็นการนeผลการประเมินไปใช้เป็นเหตุผลสนับสนุน หรือยืนยันผลการตัดสินใจในการกำหนดแผนงาน/
โครงการ/กิจกรรมที่กำหนด
การใช้ผลการประเมินในเชิงสัญลักษณ์ เป็นการนำผลการประเมินไปใช้เพื่อเป็นเครื่องมือติดตาม กำกับ หรือควบคุมการประเมินว่าได้มีการดำเนินงาน
ตามแนวทาง
การใช้ผลการประเมินในเชิงปฏิบัติ เป็นการนำผลการประเมินไปใช้โดยตรงในทางปฏิบัติ ถือเป็นเครื่องมือหรือวิธีการในการพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขการปฏิบัติงาน เพื่อทำให้เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้นตามมา
ข้อเสนอแนะ
การที่จะนำผลการประเมินไปใช้ในเชิงปฏิบัติจะต้อง
เกิดขึ้นหลังการใช้ผลการประเมินในเชิงความคิดซึ่ง
เป็นการใช้ขั้นพื้นฐาน โดยการใช้ผลการประเมินนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้บริหาร
ได้รับรู้สารสนเทศของการประเมินที่มีความหมายและ
ตรงประเด็นกับความต้องการแล้วนำมาสังเคราะห์
กับสารสนเทศเดิมเพื่อจัดระบบความรู้
การใช้ผลการประเมินจะมีความเป็นไปได้สูง
และมีสัมฤทธิ์ผลขึ้นอยู่กับการสื่อสารและการสร้าง
ความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ประเมิน
และผู้ต้องการใช้ผลการประเมิน
ผลการประเมินมีความสัมพันธ์กับการนำผลการประเมิน
ไปใช้และส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งในด้านบวกและด้านลบ
สภาพการใช้ผลการประเมินขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
หรือบริบทของการประเมินดังนั้น
จะต้องมีการพิจารณาบริบทอย่างแท้จริง
เพื่อวางแผนในทุกขั้นตอน
การที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับรู้ เรียนรู้การประเมินร่วมกัน การประเมินจะนำไปสู่การใช้ผลการประเมิน
และเกิดผลกระทบในเชิงสร้างสรรค์
การพัฒนางานวิชาการในสถานศึกษาสู่ความยั่งยืน
โดยใช้แนวคิดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
แนวคิดกับชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
เป็นแนวคิดที่มีต้นกำเนิดมาจากภาคธุรกิจที่เชื่อมั่นว่าองค์กรสามารถเรียนรู้ได้ โดยในปี คศ1990 Senge ได้เสนอแนวคิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization)กล่าวคือศักยภาพขององค์การที่สามารถ
ปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้
1) ความรอบรู้ส่วนตน (Personal Mastery)
2) แบบแผนความคิด (Mental Models)
3) การแบ่งปันวิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared Vision)
4) การเรียนรู้ร่วมกันของทีม (Team Learning)
5) การคิดอย่างเป็นระบบ (Systems Thinking)
ความหมายและหลักการของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หมายถึง “การมีส่วนร่วมของคนในสถานศึกษาที่มีความชำนาญ
เฉพาะทางโดยร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้สมาชิกเกิดความอยากรู้อยากเห็น ลงมือปฏิบัติ ปรับปรุง และพัฒนาในวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
หลักการ 3 ข้อ
ต้องมั่นใจได้ว่าผู้เรียนได้เรียนรู้ คือ ปรับเปลี่ยนแนวคิดของครูและผู้บริหารจากมุ่งเน้นการ
สอนเป็นมุ่งเน้นการเรียนรู้
วัฒนธรรมแห่งความร่วมมือ พึงตระหนักเสมอว่าการ
สร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
คือการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่จุดมุ่งหมาย
แห่งการเรียนรู้ร่วมกัน
มุ่งที่ผลลัพธ์ การวัดประสิทธิผลของ PLC
พิจารณาได้จากผลลัพธ์ของการทำงาน
ดังนั้นบุคลากรทุกกลุ่มในสถานศึกษา
ต้องมีส่วนร่วมในการกำหนด
กระบวนการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)
เตรียมครูเพื่อสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
ระดมความคิด
โดยอาจใช้บัตรคำ 3 คำ คือ สร้างสรรค์ (Create) รักษาไว้ (Keep) และหยุดหรือเลิก (Drop) และเทคนิคการเล่าเรื่อง (Story Telling)
ออกแบบแนวทางแก้ไขปัญหาหรือวิธีปฏิบัติเพื่อ
เปลี่ยนแปลงร่วมกัน โดยอาจใช้เทคนิคการเล่าเรื่อง(Story Telling)
ลงมือปฏิบัติและสะท้อนคิด
เผยแพร่และต่อยอดความรู้
ช่วงเวลาของพัฒนาการของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ในสถานศึกษา
ช่วงก่อนเริ่มต้น
ครูท างานแบบต่างคนต่างทำ โดยครูแต่ละคนไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่าเพื่อนครูคนอื่น มียุทธศาสตร์ เป้าหมาย และวิธีทำงานในรายวิชาเดียวกัน หรือในระดับชั้นเดียวกันอย่างไร
ช่วงเริ่มต้น
ครูได้รับการส่งเสริม (แต่ไม่บังคับ) ให้ทำงานร่วมกันเป็นทีม ครูบางคนอาจเลือกทำงานร่วมกับเพื่อนครูที่ถูกอัธยาศัย
หรือมีประเด็นสนใจร่วมกัน
ช่วงดำเนินการ
ครูได้รับการมอบหมายให้เข้าทีม และจัดเวลาให้แก่การทำงานร่วมกัน ทีมครูอาจยังไม่ชัดเจนในเป้าหมาย ยังใช้เวลาทำงานร่วมกันไม่เป็น เรื่องที่นำมาปรึกษาหารือกัน อาจจะยังไม่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์การเรียนรู้ของศิษย์
ช่วงพัฒนา
ครูได้รับมอบหมายให้เข้าทีม มีตารางกำหนดเวลาการประชุมทีมอย่าสม่ำเสมอ
ทุกสัปดาห์ ประเด็นที่นำมาหารือกันพุ่งไปที่เรื่องสำคัญ
ที่มีผลต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ของศิษย์
ช่วงยั่งยืน
การทำงานเป็นทีมได้กลายเป็นวัฒนธรรมฝังลึกในโรงเรียน ครูมองการทำงานเป็นทีมว่าช่วยให้ตนทำหน้าที่ครูแบบพัฒนายกระดับเรื่อยไปไม่จบสิ้นทีมครูทำงาน
แบบกำหนดเป้าหมายด้วยตนเอง
ปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จของชุมชนการเรียนรู้
ทางวิชาชีพ (PLC)
วิสัยทัศน์ร่วม (Share Vision)
ทีมร่วมแรงร่วมใจ (Collaborative Teamwork)
ภาวะผู้น าร่วม (Shared Leadership)
การเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพ (Professional Learning and Development)
ชุมชนกัลยาณมิตร (Caring Community)
โครงสร้างสนับสนุนชุมชน (Supportive Structure)
นางสาวมัลลิกา อ่อนประชู รหัส 60206699
วิทยาลัยการศึกษาแขนงวิชาชีีวิทยา