Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กลไกการเกิดและการพยาบาลแบบองค์รวม ในผู้สูงอายุโรคข้อเสื่อม,…
กลไกการเกิดและการพยาบาลแบบองค์รวม
ในผู้สูงอายุโรคข้อเสื่อม
การพยาบาลผู้สูงอายุ
โรคข้อเสื่อม
การให้ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
การดำเนินของโรคข้อเข่าเสื่อม การชะลอความเสื่อม
และความรุนแรงของข้อเข่า จากการศึกษาของกิตฑาพร ลือลาภ และทัศนา ชูวรรธนะปกรณ์ (2556)(14) พบว่าการให้ความรู้
การเสริมแรงจูงใจให้กับผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเอง ช่วยทำให้อาการปวดเข่า
และความรุนแรงของโรคลดลง
ประเมินอาการปวดข้อเข่าและลดอาการปวดข้อเข่า ในกรณีที่ผู้สูงอายุปวดเข่าอย่างรุนแรง หรือข้อเข่าอักเสบ ควรให้พักข้อ ประคบความเย็นเพื่อลดการอักเสบของข้อเข่า ส่วนการประคบความร้อนจะทำได้เมื่อมีอาการปวดเข่าและการอักเสบของข้อลดลง อาจประคบความร้อนด้วยสมุนไพรจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดภายในข้อเข่า ช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดความปวดอีกทั้งแนะนำการใช้ยาแก้ปวดข้อรายละเอียดดังกล่าวข้างต้น หากรับประทานยาแก้ปวดข้อเป็นระยะเวลานานหรือการจัดการอาการปวดไม่เหมาะสม ทำให้เกิดผลข้างเคียงของยา เช่น ยาระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร อาจมีอาการปวดท้องและเลือดออกในทางเดินอาหารได้
แก้ไขปัจจัยหรือสาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
3.1 ภาวะโภชนาการเกินหรืออ้วน ผู้สูงอายุที่มีภาวะโภชนาการเกินหรืออ้วน ควรลดน้ำหนักตัวเพื่อลดแรงกดบนข้อเข่าการลดน้ำหนัก ภาวะอ้วนในผู้สูงอายุเกิดจากมีการเผาผลาญอาหารลดลง ร่วมกับมีกิจกรรมทางกายน้อยลง ทำให้ความต้องการพลังงานจากอาหารของร่างกายลดลง ผู้สูงอายุจึงควรเฝ้าระวังและควบคุมน้ำหนักที่ตัวหรือค่าดัชนีมวลกายเกิน 25 กิโลกรัม/ตารางเมตร น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก็จะยิ่งมีแรงที่กระทำต่อข้อเข่ามากขึ้น โดยน้ำหนักตัวจะเพิ่มแรงกดที่ผ่านข้อเข่าซํ้า ๆ ทุกวัน การลดน้ำหนักโดยลดปริมาณการรับประทานอาหารประเภทแป้ง ข้าว น้ำตาล ไขมันลดลง ควรปรุงอาหารด้วยการนึ่ง ต้ม อบ แทนการทอดโดยใช้น้ำมันหากผู้สูงอายุรับประทานอาหารปริมาณเท่าเดิมจะมีน้ำหนักตัวเกิน จึงควรควบคุมทั้งชนิด ปริมาณอาหาร และเวลาในการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมง อีกทั้งดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8 -10 แก้ว
3.2 การปรับเปลี่ยนท่าทางหรืออิริยาบถในชีวิตประจำวัน ลักษณะงานที่ทำเพื่อลดการบาดเจ็บและแรงเค้นซํ้า ๆ ต่อข้อเข่า หลีกเลี่ยงการนั่งคุกเข่า การขัดสมาธิ การนั่งพับเพียบ เพราะการนั่งในท่าที่งอเข่ามาก ๆ จะทำให้เพิ่มแรงดันภายในข้อเข่าและกระดูกที่งอกจากโรคข้อเข่าเสื่อมจะกดทับเนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้อเข่าจะทำให้มีอาการปวดมากขึ้น ควรนั่งบนเก้าอี้แทนนั่งขัดสมาธิ ปรับท่าทางการทำงาน ไม่ควรนั่งนานหลีกเลี่ยงการยกของหนัก และควรมีการเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อลดแรงกดต่อข้อเข่า
3.3 หลีกเลี่ยงการเดินขึ้น - ลง บันไดเนื่องจากการขึ้น - ลงบันได ทำ ให้เกิดแรงกดต่อข้อเข่าหากจำ เป็นควรเดินเกาะราวบันได
การออกกำลังกายและออกกำลังกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเข่าเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเข่าเพิ่มความแข็งแรงของข้อ (strength) ความคงทน (endurance) และความยืดหยุ่น (flexibility) ได้แก่ โยคะไทชิ (Tai Chi) การเดิน ขี่จักรยาน ซึ่งเป็นการออกกำลังกายการพยาบาลผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อมวารสารวิชาการแพทย์เขต 11 ปีที่ 33 ฉบับที่ 2 เม.ย.-มิ.ย. 2562 ที่ลดแรงกระแทกบริเวณข้อเข้า อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุโรคเรื้อรังมักมีพฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับตํ่า การออกกำลังกายจึงควรมีรูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของผู้สูงอายุและเกิดความพึงพอใจ ดังเช่นการศึกษาของกัตติกา ธนะขว้าง ผ่องใสกันทเสน และรัตนากร ยศอินทร์ (2555) พบว่า การออกกำลังกายด้วยการรำไม้พลองประยุกต์การฟ้อนมองเชิงเมืองน่าน ส่งเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ อีกทั้งผู้สูงอายุรู้สึกสนุกเพลิดเพลินที่มีดนตรีประกอบการรำไม้พลองการออกกำลังกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเข่าเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าขา กล้ามเนื้อเหยียดเข่า โดยท่าบริหารจะเริ่มจากง่ายไปยาก ดังนี้
อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุโรคเรื้อรังมักมีพฤติกรรมการออกกำลังกายอยู่ในระดับตํ่า การออกกำลังกายจึงควรมีรูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของผู้สูงอายุและเกิดความพึงพอใจ ดังเช่นการศึกษาของกัตติกา ธนะขว้าง ผ่องใสกันทเสน และรัตนากร ยศอินทร์ (2555) พบว่า การออกกำลังกายด้วยการรำไม้พลองประยุกต์การฟ้อนมองเชิงเมืองน่าน ส่งเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ อีกทั้งผู้สูงอายุรู้สึกสนุกเพลิดเพลินที่มีดนตรีประกอบการรำไม้พลองการออกกำลังกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อเข่าเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าขา กล้ามเนื้อเหยียดเข่า โดยท่าบริหารจะเริ่มจากง่ายไปยาก ดังนี้
(ก) ให้ผู้ป่วยนอนหงาย ใช้หมอนรองใต้ข้อเท้าหรือเอ็นร้อยหวาย ออกแรงเกร็งให้เข่าเหยียดมากที่สุด เกร็งค้างไว้ประมาณ 5 - 10 วินาที แล้วจึงผ่อนแรง ทำ ซํ้ารอบละ 5- 15 ครั้ง วันละ 3 รอบ
(ข) ให้ผู้ป่วยนอนหงายใช้หมอนหรือผ้าม้วนเล็ก ๆ วางใต้เข่า เหยียดเข่าตรง นับ 1-10
การสวมอุปกรณ์พยุงเข่าหรือสนับเข่า (knee support) เพื่อช่วยพยุงกล้ามเนื้อรอบเข่าและลดอาการปวดขณะเดินเคลื่อนไหว ควรใช้สนับเข่าร่วมกับการออกกำลังกาย
การใช้เครื่องช่วยพยุง (assistive device) เพื่อลดแรงกระทำ ต่อข้อเข่า เช่น เครื่องช่วยพยุงเดิน (walker) ไม้เท้า (cane) หรือร่ม เพื่อช่วยแบ่งเบาแรงกระทำต่อข้อเข่า กรณีใช้ไม้เท้าหรือร่ม ให้ถือด้านตรงข้ามกับด้านที่ปวดหรือด้านเดียวกับเข่าที่ดี ในกรณีที่ปวดเข่าทั้งสองข้างให้ถือไม้เท้าหรือร่มในมือข้างที่ปวดน้อยกว่า
แนะนำผู้สูงอายุและครอบครัว ทราบถึงผลดีของการปรับสิ่งแวดล้อมในบ้าน เพื่อลดแรงกดหรือการเสียดสีของข้อเข่า ได้แก่
(1) เปลี่ยนจากส้วมนั่งยอง ๆ เป็นส้วมชักโครก
(2) ห้องน้ำควรมีราวจับภายในห้องน้ำเพื่อช่วยในการลุกยืน ป้องกันการลื่นล้มภายในห้องน้ำ
(3) ควรมีฝักบัวหรือมีเก้าอี้นั่งพลาสติกไว้ใช้เวลาอาบน้ำ
(4) ควรให้ผู้สูงอายุนอนพักที่ชั้นล่างของบ้าน หลีกเลี่ยงการขึ้น - ลงบันได
(5) ปรับพื้นเป็นทางลาด ทางลาดและบันไดบ้าน ควรมีราวบันไดเพื่อให้ผู้สูงอายุเดินด้วยความมั่นคง อีกทั้งบริเวณภายในบ้านแสงสว่างเพียงพอเพื่อป้องกันการหกล้ม อันจะทำให้เกิดอันตรายต่อข้อเข่ามากขึ้น
กลไกการเกิดโรคข้อเสื่อม
ข้อเข่าเสื่อมหมายถึงการที่กระดูกอ่อนของเข่ามีการเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกอ่อนไม่สามารถเป็นเบาะรองรับน้ำหนัก และมีการสูญเสียคุณสมบัติของน้ำหล่อเลี้ยงเข่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อเข่า ก็จะเกิดการเสียดสี และเกิดการสึกหรอของกระดูกอ่อน
ผิวของกระดูกอ่อนจะแข็ง ไม่เรียบ เมื่อข้อเข่าเคลื่อนไหวจะเกิดเสียงดังในข้อ เกิดอาการเจ็บปวด หากข้อเข่ามีการอักเสบก็จะมีการสร้างน้ำข้อเข่าเพิ่มทำให้เกิดการบวม ตึง และปวดข้อเข่า
เมื่อมีการเสื่อมมากขึ้น ข้อเข่าก็จะมีการโก่งงอ ทำให้เกิดอาการปวดเข่าทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว และขนาดของจ้อเข่าก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ในที่สุดผู้ป่วยต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน บางท่านไม่เดินทำให้กล้ามเนื้อต้นขาลีบและไม่มีกำลัง ข้อจะติดเหมือนมีสนิมเกาะเท้าจะเหยียดไม่สุด
เมื่อข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น กระดูกอ่อนจะมีขนาดบางลง ผิวจะขรุขระ จะมีการงอกของกระดูกขึ้นมาเรียกว่า osteophyte เมื่อมีการอักเสบเยื่อหุ้มข้อจะสร้างน้ำเลี้ยงข้อเพิ่ม ทำให้ข้อมีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อลีบลง การเปลี่ยนแปลงของข้อจะเป็นไปอย่างช้าๆ โดยที่ผู้ป่วยไม่ทราบ ในรายที่เป็นรุนแรงกระดูกอ่อนจะบางมาก ปลายกระดูกจะมาชนกันเวลาขยับข้อจะเกิดการเสียดสีในข้อ
ปัจจัยที่น่าจะมีส่วนร่วมทำให้
กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลายได้แก่
น้ำหนักตัว การที่มีน้ำหนักตัวมากจะส่งผลให้เกิด
แรงกดภายในข้อที่รับน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
กิจกรรมบางอย่างที่ส่งผลให้ข้อต้องรับแรงกดมากจนเกินไป
เช่น การนั่งคุกเข่า หรือนั่งพับเพียบ
ปัจจัยทางพันธุกรรม โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีประวัติ
ข้อและกระดูกอ่อนผิวข้ออ่อนแอ
อายุมากมีโอกาสพบโรคข้อเสื่อมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม
ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายก็ไม่พบโรคข้อเสื่อม
นางสาวอมรรัตน์ สะพานแก้ว ชั้นปีที่2 รุ่นที่26 ห้องA เลขที่47