Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่3 การเตรียมและช่วยเหลือมารดาทารกที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ -…
บทที่3 การเตรียมและช่วยเหลือมารดาทารกที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ
Biochemical Assessment :
AFP
ค่าปกติ AFP 2.0-2.5 MOM
การตรวจเลือดมารดาดูค่าโปรตีนที่สร้างมาจากรก
ตรวจ 16-18 weeks
ค่า AFP ต่ำ สัมพันธ์กับ Down's syndrome
Amniocentesis
ทำเมื่ออายุครรภ์ 16 -18 weeks
เป็นการวินิจฉัยก่อนคลอดโดยการเจาะน้ำคร่ำ
คำแนะนำ
งดการร่วมเพศอีก 4-5 วัน
ควรงดออกแรงมาก
ไม่ควรเดินทางไกลภายใน 7 วัน
อาการที่มาพบแพทย์
ไข้ภายใน 2 weeks
มีน้ำหรือเลือดออกทางช่องคลอด
ปวดเกร็งหน้าท้องมาก
การพยาบาล
ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
ฟังเสียงหัวใจทารกทุก 15 นาทีจนครบ 1 ชม.
วัด V/S 2 ครั้ง ห่างกัน 15 นาที
L/S ratio
เพื่อดู lung maturity
ค่าปกติของ l/S rotio
26 week แรกของการตั้งครรภ์ ค่า S > L
อายุครรภ์ 26-34 weeks ค่าL / S ratio = 1 :1
L / S ratio > 2 แสดงว่าปอดทารกสมบูรณ์เต็มที่ โอกาสเกิด RDS ต่ำ
Shake test
เป็นการทดสอบความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์
ใช้หลอด 5 หลอด
1 = 1cc
2 = 0.75 cc
3 = 0.5 cc
2,3,4,5 เติม NSS จนครบ 1 cc
4 = 0.25 cc
เติม Ethanol 95 %
5= 0.2 cc
การแปรผล
มีฟองอากาศเกิดขึ้น 3 หลอดแรกแสดงว่าได้ผล+ปอดของทารกเจริญเต็มที่
มีฟอง2หลอดแรก ได้ผล intermediate ปอดทารกยังไม่เจรฺิญเต็มที่
ถ้าพบฟองอากาศเพียงหลอดเดียวหรือไม่พบเลย แสดงว่า ได้ผลลบ แสดงว่าการทดสอบปอดทารกยังไม่เจริญเต็มที่
Fetoscopy
การส่องกล้องดูทารกในครรภ์สอดเข้าไปในถุงน้ำคร่ำโดยผ่านผนังหน้าท้อง
CVS
การดูดเอาตัวอย่างของรกเด็กมาตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม
ทำช่วง10-13 weeks ไม่ควรทำก่อนอายุครรภ์ 10 weeks
cordocentesis
ทำช่วงอายุครรภ์ 18 weeks
การเจาะดูดเลือดจากหลอดเลือดสายสะดือ
Electronic Fetal monitoring
เป็นเครื่องมือทาง Electronic ที่ได้นำมาใช้เพื่อตรงดูสุขภาพทารกในครรภ์
หัวตรวจมี 2 แบบ
Tocodynamometer
Ultrasonic transducer
Baseline features
Baseline fetal heart rate ปกติ 110 – 160
ครั้ง/นาที
Variability
Absent : ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
Minimal : มีการเปลี่ยนแปลง 0 ถึง 5 beat /min
Moderate : มีการเปลี่ยนแปลง 6 ถึง 25 beat/min
Marked : มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 25 beat/min
Periodic change มี 2 แบบ
acceleration
อายุครรภ์ > 32 สัปดาห์ มากกว่าหรือเท่ากับ15 bpmนานกว่า 15 วินาที
อายุครรภ์ < 32 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 10 bpm
นานกว่า 10 วินาที:
deceleration
Early deceleration
Late deceleration
ทารก hypoxia
Variable deceleration
ไม่นานเกิน 2 นาที
สายสะดือถูกกด
Prolonged deceleration
พลัดต่ำของสายสะดือ
2 นาที แต่ไม่ถึง 10 นาที
แนวทางการดูแลรักษา
จัดท่ามารดา โดยทั่วไปนิยมให้มารดานอนในท่าตะแคงซ้าย
แก้ไขเมื่อมีภาวะ uterine hyperstimulationหยุดการให้ยา oxytocin
ให้ออกซิเจนแก่มารดาผ่านทางหน้ากากในอัตรา 8-10 ลิตร/นาที
ทำการประเมินการเต้นของหัวใจทารกตลอดเวลา
Non-Stress Test (NST)
ตั้งครรภ์เกินกำหนด( post term)
ทารกเติบโตช้าในครรภ์ (intra uterine growthretardation)
มารดาเป็นเบาหวาน
มารดามีประวัติความดันโลหิตสูง
มารดาเป็นโรคโลหิตจางหรือมีฮีโมโกลบินผิดปกติ
มารดามีอายุมากกว่า 35 ปี
ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
การแปลผล
มี acceleration (การเพิ่มขึ้นของอัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า 15 ครั้ง/นาที และคงอยู่นานอย่างน้อย 15 วินาที เมื่อทารกเคลื่อนไหว โดยบันทึกการตอบสนองดังกล่าวได้อย่างน้อย 2 ครั้งภายใน 20 นาที)
มี baseline FHS ระหว่าง 120-160 ครั้ง/นาที
มี long term variability ที่ปกติ (6-25 bpm.)
ไม่มี deceleration ของการเต้นของหัวใจทารก
Non-reactive
ผลที่ได้จากการทดสอบไม่ครบตามข้อกำหนดของ reactive NST ในระยะเวลาของการทดสอบนาน 40 นาที
Suspicious
มีการเพิ่มของอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 2 ครั้งหรืออัตราการเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 15 ครั้ง/นาที และอยู่สั้นกว่า 15 วินาที
Uninterpretable
คุณภาพของการ
ทดสอบไม่สามารถแปลผลได้ตามข้อกำหนด
Contraction Stress test ; CST
การทดสอบดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราการ
เต้นของหัวใจทารก ในครรภ์ขณะที่มดลูกหดรัดตัว
ถ้ามีภาวะ Uteroplacental insufficiency
ทารกอยู่ในภาวะไม่ปลอดภัย FHR pattern เกิด
late deceleration ขึ้น
การแปลผล
Negative : มี UC 3 ครั้งใน10 นาที โดยไม่มี latedeceleration
Positive : พบ late deceleration ทุกครั้งในระยะช่วงท้ายของการหดรัดตัวของมดลูก
Suspicious : มี late deceleration แต่ไม่เกิดขึ้นทุกครั้งของการหดรัดตัวของมดลูก หรือมีการลดลงของFHS ในช่วงท้ายของการหดรัดตัวของมดลูกร่วมกับมดลูกหดรัดตัวถี่มากเกินไป
Unsatisfactory : เส้นกราฟไม่มีคุณภาพเพียงพอหรือ UC ไม่ดีพอ
การติดตามผล CST
Negative : ทารกอยู่ในสภาพปกติ แนะนำนับลูกดิ้นและตรวจซ้ำใน 1 สัปดาห์
Positive : ทารกอยู่ในสภาพพร่องออกซิเจนช่วยเหลือโดย Intrauterine resuscitation และหยุด Oxytocin ทันที หลังจากนั้น 15-30 นาทีให้ทำ CST ซ้ำ ถ้าผล Positive อีกครั้งควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์
Biophysical Assessment
Ultrasound
การใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูงผ่านผิวหนัง
เข้าไปเนื้อเยื่อที่ต้องการตรวจ ดูขนาด ขอบเขต รูปร่าง การเคลื่อนไหวของอวัยวะ
แนวทางการตรวจ
ดูจำนวนและการมีชีวิตของทารก
ดูลักษณะและตำแหน่งของรก
ปริมาณน้ำคร่ำ
ประเมินอายุครรภ์และการเจริญเติบโตของทารก
ตรวจ 4- chamber view ของหัวใจทารก
ตรวจลักษณะทางกายวิภาคของทารก
การแปรผล
(Crown-rump lerght : CRL)
คลาดเคลื่อนเพียง 3-7 วัน
อายุครรภ์ 7-14 weeks
ความยาวตั้งแต่ศีรษะถึงส่วนล่างสุดของกระดูกไขสันหลัง
Biparietal diameter : BPD
ส่วนที่ยาวที่สุดของศีรษะของทารก
BPD (ซม.) x 4 weeks
(Femur length : FL)
วัดก่อนอายุครรภ์ 24 weeks
หัวกระดูก-ปลายแหลมของปลายกระดูก
(Head cicumference : Hc)
(Abdominal circumference : Ac)
วัดยาก ไม่ค่อยนิยม
(Gestational Sac : GS)
อายุครรภ์ 5-7 weeks
ถุงที่หุ้มทารกไว้ซึ่งจะเห็นได้ในระยะแรกของการตั้งครรภ์
วิธีนับลูกดิ้น
Count
to ten
วิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
การนับการดิ้นของทารกในครรภ์ให้ครบ
10 ครั้ง ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงต่อกัน
Cardiff count to ten
นับจำนวนเด็กดิ้นจนครบ 10 ครั้ง ในเวลา 4
ชั่วโมง
“daily fetal movement record (DFMR)”
การนับลูกดิ้น 3 เวลาหลังมื้ออาหาร ครั้งละ 1
ชั่วโมง
ลูกดิ้นน้อย
ทารกอยู่ในภาวะอันตราย มีความ
เสี่ยงที่จะเสียชีวิต
รีบมาพบแพทย์
Fetal Biophysical profile
(BPP)
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจวัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆของทารกที่ถูกกระตุ้นและควบคุมด้วยระบบประสาทส่วนกลาง
วิธีการตรวจ
นอน Semi-fowler
Ultrasound การตรวจวัดข้อมูล 5 ตัวแปร
ค่าคะแนนของแต่ละข้อมูล ข้อละ 2 คะแนน
การหายใจของทารกใน หายใจต่อเนื่องอย่างน้อย 20 วินาทีอย่างน้อย 1 ครั้ง
การเคลื่อนไหว ขยับแขนขาหรือตัวอย่างน้อย 2 ครั้ง
แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อ
เหยียดตัว กางแขนขา และหดกลับอย่างน้อย 1 ครั้ง
การเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
NST ได้ผลปกติ
ปริมาณน้ำคร่ำ พบโพรงน้ำคร่ำอย่างน้อย 1 แห่ง ขนาด 2 cm