Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การบริหารการพยาบาล, 1200px-Doctor_with_Nurse_Cartoon.svg, cute…
บทที่ 6 การบริหารการพยาบาล
หัวข้อที่ 3 การบริหารหอผู้ป่วย
การจัดหอผู้ป่วย
หลักการจัดหอผู้ป่วย
ความเป็นสัดส่วน (Privacy)จัดบริเวณและสิ่งแวดล้อมรอบเตียงให้มีพื้นที่ในการให้การพยาบาลได้สะดวกไม่เปิดเผยผู้ป่วย และญาติสามารถเยี่ยมได้ใกล้ชิด
ความปลอดภัย (safety) ต้องป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ มีไม้กั้นเตียง พื้นห้องน้ำไม่ลื่น มีราวจับแสงสว่างเพียงพอ
การป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ (Infection control) ให้ถูกต้องตามหลักการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ควบคุมเสียง (noise control) ไม่ให้มีเสียงดังรบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยหัวหน้าหอผู้ป่วยจะต้องจัดเตียงสำหรับผู้ป่วย โดยมุ่งถึงความต้องการการดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย และความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการรักษาพยาบาล
การจัดหอผู้ป่วยประเภทตามโรค ตามเพศ
แบบระบบเปิด คือ จัดเตียงผู้ป่วยใช้รวมกัน และห้องทำงานพยาบาลอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นผู้ป่วยได้โดยเฉพาะผู้ป่วยหนัก ที่ต้องการการดูแลอย่างมากควรจะอยู่ใกล้ห้องทำงานพยาบาล โดยปกติแต่ละเตียงห่างกันอย่างน้อย 90 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยสู่ผู้ป่วย
ระบบปิด คือ ผู้ป่วยแยกห้องเป็นห้องๆ และห้องทำงานพยาบาลแยกไปชัดเจน
การจัดอัตรากำลังทางการพยาบาล (Nursing Staffing)
วัตถุประสงค์ของการจัดอัตรากำลัง
เพื่อกำหนดปริมาณอัตรากำลังให้มีบุคลากรทางการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย และให้บริการพยาบาลอย่างเพียงพอ เหมาะสม
เพื่อจัดให้มีสัดส่วนการผสมผสานการจัดอัตรากำลังบุคลากรทางการพยาบาลแต่ละระดับ
เพื่อออกแบบหรือรูปแบบ การจัดตารางเวลาการปฏิบัติงาน
ขั้นตอนในการจัดอัตรากำลัง
คาดคะเนความต้องการการพยาบาลของผู้ป่วย
จำนวนวันนอน (Patient Days) ดูแลใน 24 ชั่วโมง นับจากเที่ยงคืน ถึงเที่ยงคืนของอีกวันหนึ่ง ถ้าไม่ครบ 24 ชั่วโมงจะกำหนดเกณฑ์การนับเป็น 6 ชั่วโมง เท่ากับ 1 วันนอน
จำนวนเฉลี่ยผู้ป่วยต่อวัน (ADC : Average daily census) หมายถึง จำนวนผู้ป่วยในแต่ละวันโดยเฉลี่ย ซึ่งมีค่าเท่ากับจำนวนวันผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล (Patient Days) รวมกันในช่วงเวลาหนึ่ง หารด้วยจำนวนวันในช่วงเวลานั้น เช่น จะคิดจำนวนเฉลี่ยผู้ป่วยใน 3 วัน Patient Days 80 วันนอน จะได้ จำนวนผู้ป่วยเฉลี่ยต่อวัน = 80/3 = 26.67 ต่อวัน
การแบ่งประเภทผู้ป่วยตามวิธีของวาสเลอร์ (Warstler)
ผู้ป่วยประเภท 5 : ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤติ เสี่ยงต่อการเสียชีวิต (Intensive care = วิกฤติ)
ผู้ป่วยประเภท 4 : ผู้ป่วยหนักที่ต้องดูแลต่อเนื่องตลอดเวลา (Modified intensive care= หนัก)
ผู้ป่วยประเภท 3 : ผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังและให้การดูแลเป็นระยะๆ (Intermediate care= กึ่งหนัก)
ผู้ป่วยประเภท 2 : ผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลเพียงเล็กน้อย (Minimal care = เล็กน้อย)
ผู้ป่วยประเภท 1 : ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองได้ (Self care = พักฟื้น)
ดัชนีปริมาณเวลา (Workload index)
ผู้ป่วยหนัก (Intensive care) ต้องการพยาบาล 12 ชั่วโมง ต่อวัน
ผู้ป่วยหนักที่อาการดีขึ้น (Modified intensive care) ต้องการการพยาบาล 7.5 ชั่วโมงต่อวัน
ผู้ป่วยที่มีอาการปานกลาง (Intermediate care) ต้องการการพยาบาล 5.5 ชั่วโมงต่อวัน
ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย (Minimal care) ต้องการการพยาบาล 3.5 ชั่วโมงต่อวัน
ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองได้ดี (Self care) ต้องการการพยาบาล 1.5 ชั่วโมงต่อวัน
การคำนวณหาปริมาณการพยาบาลที่ผู้ป่วยโดยทั่วไปต้องการ ในแต่ละเวรตามวิธีของอเล็กซานเดอร์
เวรเช้าต้องการปริมาณการพยาบาล 64 เปอร์เซ็นต์ หรือ 64/100
เวรบ่ายต้องการปริมาณการพยาบาล 24 เปอร์เซ็นต์ หรือ 24/100
เวรดึกต้องการปริมาณการพยาบาล 12 เปอร์เซ็นต์ หรือ 12/100
คำนวณหาจำนวนเจ้าหน้าที่ในเวรหยุด ป่วย ลา ขาด เท่ากับ 10 เปอร์เซ็นต์
คำนวณหาจำนวนพยาบาลที่ปฏิบัติงาน โดยใช้หลักว่าพยาบาล 1 คน ขึ้นเวรปฏิบัติงาน 8 ชั่วโมง สามารถให้การพยาบาล 6 ชั่วโมง ปฏิบัติกิจกรรมอื่น 1 ชั่วโมง และปฏิบัติกิจกรรมส่วนตัว เช่นรับประทานอาหาร พักผ่อนอีก 1 ชั่วโมง
การจัดประเภทของบุคลากรพยาบาลระดับต่างๆ ในแต่ละเวรอาจจะให้หลัก
อัตราส่วนพยาบาล : ผู้ช่วยพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่พยาบาล = 1:1 หรือ 1: 1.5
การจัดตารางการปฏิบัติงาน (Scheduling) เพื่อให้มีอัตรากำลังที่เหมาะสมพอเพียงต่อการให้บริการ ตลอดช่วงเวลาของการบริการ
การจัดแบบรวมการ (Centralized Scheduling)จัดโดยผู้ช่วยหัวหน้าพยาบาลฝ่ายบุคลากร หรือผู้ตรวจการในสำนักงานบริการพยาบาล จัดตารางเวรรวมกันทุกแผนกการพยาบาล ทำให้สามารถกระจายกำลังให้ทุกหอผู้ป่วยอย่างทั่วถึงและสมดุลกัน
การจัดแบบแยกการ (Decentralized Scheduling) วิธีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดโดยหัวหน้าหอผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักบุคลกรทุกคนดีทั้งด้านความต้องการส่วนตัว และความสามารถในการปฏิบัติงาน
การกระจายอัตรากำลัง (Staffing allocation)เพื่อให้มีการกระจายกำลังคนตามปริมาณงาน ในแต่ละช่วงเวลา และมีการจัดสัดส่วนการผสมผสานทักษะปฏิบัติของบุคลากรแต่ละประเภทให้เหมาะสม
การมอบหมายงาน (Assignment)
จุดประสงค์ของการมอบหมายงาน
เพื่อกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่แต่ละคนเพื่อไม่ให้งานซ้ำซ้อน
เพื่อให้การพยาบาลที่มีประสิทธิภาพตรงเวลาถูกต้องตามหลักวิชาการ
เพื่อเป็นแนวทางในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
เพื่อความสะดวกแก่การบริหารงานในหอผู้ป่วย
ระเบียบการมอบหมายงาน
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงการมอบหมายงานต้องแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า
ตรวจสอบการมอบหมายงานทุกวันเพื่อปรับเปลี่ยนกรณีที่มีปัญหา
กำหนดเวลาให้ชัดเจนเช่นเวลาพัก
ต้องชี้แจงการมอบหมายงานให้สมาชิกทราบก่อนปฏิบัติงาน
มอบหมายงานเป็นลายลักษณ์อักษรในแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ประเภทการมอบหมายงาน
การมอบหมายงานเฉพาะหน้าที่ (Functional Method) เป็นวิธีมอบหมายงานที่แบ่งการพยาบาลออกเป็นกิจกรรม และมอบหมายให้พยาบาลแต่ละคนรับผิดชอบเฉพาะ ๑–๒ กิจกรรม
การมอบหมายงานเป็นทีม (Tem Method) เป็นการมอบหมายงานให้บุคลากรทำเป็นกลุ่มเล็ก โดยมีพยาบาลวิชาชีพทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม แบ่งความรับผิดชอบจากหัวหน้าตึกและกระจายความรับผิดชอบไปยังบุคลากรอื่นที่ร่วมกลุ่มปฏิบัติงาน
การมอบหมายงานเฉพาะรายผู้ป่วย (Case Method) เป็นการมอบหมายให้พยาบาลดูแลให้การพยาบาล โดยทั้งหมดแก่ผู้ป่วย ๑ราย หรือมากกว่า ซึ่งเป็นการ พยาบาลเบ็ดเสร็จอย่างสมบูรณ์แบบ (Complete Care)
การมอบหมายงานแบบพยาบาลเจ้าของไข้ (Primary Methods) เป็นการมอบหมายให้พยาบาลดูแลผู้ป่วยตั้งแต่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลจนกระทั่งกลับบ้าน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ป่วย
การมอบหมายงานแบบผสมผสาน (Multiple Method) เป็นการมอบหมายงานที่ไม่ได้ใช้วิธีใดวิธีหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นการผสมผสานกัน เช่น แบบทีมรวมกับแบบตามหน้าที่
การมอบหมายแบบผู้จัดการกรณีหรือผู้จัดการการดูแลผู้ป่วย (Case management)เป็นรูปแบบการจัดการดูแลผู้ป่วยใหม่ล่าสุดที่มีเป้าหมายให้การดูแลเป็นไปตามความต้องการของผู้ป่วย ( patient needs)
การนิเทศงานการพยาบาล
บทบาทของผู้นิเทศในการปฏิบัติการนิเทศ
เป็นตัวกลางของการติดต่อสื่อสาร
เป็นผู้สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน
เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษา
เป็นผู้ประสานนโยบาย
เป็นแหล่งความรู้ทางการพยาบาล
ลักษณะการนิเทศการพยาบาล
ลักษณะการนิเทศที่เน้นพฤติกรรมผู้นิเทศ
การนิเทศแบบอัตตาธิปไตย (traditional autocratic form) เป็นการนิเทศที่ผู้นิเทศถืออำนาจโดยตำแหน่งหน้าที่ตรวจงานของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ
การนิเทศแบบประชาธิปไตย (democratic form) เป็นรูปแบบการนิเทศสมัยใหม่ผู้นิเทศจะคำนึงถึงจิตใจของผู้นิเทศ เอาใจใส่ต่อความสนใจ ความรู้สึก ความต้องการของมนุษย์
ลักษณะการนิเทศที่เน้นจุดประสงค์การนิเทศ
การนิเทศที่มุ่งผลผลิต (Production - centered) เป็นการนิเทศที่เน้นผลสำเร็จของงานเป็นหลัก
การนิเทศที่มุ่งตัวบุคคล (person - centered) ผู้นิเทศจะเน้นความเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ การทำงานร่วมกันอย่างมั่นใจ มุ่งส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดความเจริญงอกงาม
วิธีการนิเทศ
การนิเทศใกล้ชิด (close supervision) เป็นการติดตามตรวจตราดูแลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ผู้ปฏิบัติจะอยู่ในสายตาเสมอ เหมาะสำหรับการนิเทศบุคลากรที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ ๆ
การนิเทศอิสระ (general supervision) เป็นการนิเทศที่ใช้วิธีสังเกตอยู่ห่าง ๆ ให้อิสระแก่ผู้ปฏิบัติได้ใช้ความคิดความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ ผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการนิเทศวิธีนี้คือ ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน ผลงานที่ได้มีคุณภาพสูง ผู้ปฏิบัติงานมีความสุข
หลักการนิเทศ
หลักปรัชญาการนิเทศ เป็นการนำหลักวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผลการ
หลักจิตวิทยาการนิเทศ การนิเทศเป็นการกระทำโดยตรงหรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับคน
หลักการเป็นผู้นำ หมายถึง การใช้ความรู้ความสามารถและการปฏิบัติงานที่เป็นระบบเป็นการนำงานไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
หลักการมนุษยสัมพันธ์ ผู้นิเทศจะต้องใช้มนุษยสัมพันธ์อย่างสูง เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจและยอมรับในบทบาทภารกิจของกันและกัน
หลักการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
ระบบการดูแลผู้ป่วย
ระบบการดูแลเป็นรายบุคคล (case method or total patient care) มีหลักการดูแลคือพยาบาล 1 คนจะให้การดูแลทุกอย่างสำหรับผู้ป่วยรายนั้นๆ ตลอดระยะเวลาการขึ้นปฏิบัติงานในแต่ละเวร ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ชั่วโมงแต่ต้องใช้พยาบาลวิชาชีพจำนวนมาก
ระบบการทำงานเป็นหน้าที่ (functional nursing) การมอบหมายงานจะเน้นที่หน้าที่และกิจกรรมเป็นสำคัญโดยบุคลากรแต่ละคนจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบหน้าที่๑-๒อย่างเช่นพยาบาลวิชาชีพมีหน้าที่ให้ยาทางหลอดเลือดดำ และรับผู้ป่วยใหม่ทุกรายพยาบาลจะขาดสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ป่วยระบบนี้ใช้แก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรได้ดี
ระบบการพยาบาลเป็นทีม (team nursing) ระบบนี้ต้องการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ป่วยและบุคลากรปรับปรุงคุณภาพการบริหารพยาบาลให้ดีขึ้นโดยนำพยาบาลวิชาชีพที่มีจำนวนจำกัดทำงานร่วมกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการให้การพยาบาลหลายระดับระบบนี้จะมีประสิทธิภาพถ้าบุคลากรทำงานโดยมุ่งวัตถุประสงค์เดียวกันคือให้การพยาบาลที่ดีแก่ผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นไว้วางใจกัน ยอมรับในความสามารถของกันและกันซึ่งทุกคนในทีมต้องรู้บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองและปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
ระบบการพยาบาลแบบเจ้าของไข้ (primary nursing) โดยที่พยาบาลวิชาชีพ ๑คนจะทำหน้าที่เป็นตัวจักรสำคัญในการดูแลผู้ป่วยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลตั้งแต่แรกรับเข้าไว้ในโรงพยาบาลจนกระทั่งจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลทำให้ผู้ป่วยได้รับการพยาบาลที่ต่อเนื่องเพราะปฏิบัติตามแผนการดูแลตลอด 24 ชั่วโมงแต่ต้องใช้พยาบาลวิชาชีพจำนวนมาก
ระบบการจัดการด้านผู้ป่วย (Case Management) เป็นระบบที่มุ่งเน้นการดูแลที่มีคุณภาพสูงสุดและค่าใช้จ่ายที่ประหยัดคุ้มค่า
นางสาวธัญญามาศ สร้อยระย้า เลขที่ 34 (603101034)