Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบผิวหนัง - Coggle Diagram
ระบบผิวหนัง
เชื้อรา
สาเหตุ
-การติดเชื้อราจากผิวหนังเกิดจากการที่เชื้อราในสิ่งแวดล้อมลุกลามเข้าไปในเซลล์ผิวหนัง โดยเฉพาะเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว มักจะเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อรา เช่น เล็บ หนังกำพร้า หนังศีรษะ ผม หรือผิวหนังในที่อับชื้น
-การติดเชื้อส่วนมากจะเกิดจากการสัมผัสเชื้อจากสิ่งแวดล้อมโดยตรง เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าที่มีเชื้อรา การสัมผัสเชื้อราจากสิ่งแวดล้อม
อาการ
-ผิวหนังอักเสบ มีขุยของเศษผิว
-เป็นผื่นนูนแดง เป็นวง หรือมีขอบนูนแดง
-หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย จะมีอาการอักเสบรุนแรงขึ้น บวมแดง และมีอาการเจ็บปวด ผิวหนังหลุดลอกจนเห็นผิวชั้นหนังชั้นในแดงๆ
-เล็บขาวซีด หรือเหลืองเป็นบางส่วน
-
-
ลมพิษ
สาเหตุ
ไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากสิ่งกระตุ้นหลาย ๆ อย่างในชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เช่น การรับประทานยาแก้ปวด อาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แสงอาทิตย์ ความร้อน
อาการ
ผื่นบวมนูน แดง (wheal and flare) มีขนาดไม่แน่นอน อาจคล้ายตุ่มยุงหรือมดกัดหรืออาจมีลักษณะคล้ายแผนที่ ผู้ป่วยจะรู้สึกคันมากและหากเกาก็จะเกิดผื่นแดงมากยิ่งขึ้น
การวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
-Complete blood count (CBC)
-Erythrocyte sedimentation rate (ESR)
-การทำงานของไทรอยด์ thyroid-stimulating hormone (TSH)
-การตรวจหาแพ้ภูมิตัวเอง
-
เริม
สาเหตุ
เกิดจากการติด เชื้อไวรัส Herpes simplex virus – HSV มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-1 และ Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-2
อาการ
- เริมในช่องปาก (Herpetic gingivostomatitis) เป็นแผลตุ่มน้ำพุพองที่ริมฝีปาก หรือรอบๆ ริมฝีปาก แผลอาจเกิดที่มุมปากทั้ง 2 ข้าง หรือข้างเดียว รวมถึงอาจเกิดแผลข้างในปากได้ด้วย
- เริมที่อวัยวะเพศ (Herpes genitalis) มีตุ่มน้ำใส มีอาการคัน ปวด แสบบริเวณอวัยวะเพศทั้งชาย และหญิง ช่องคลอด ปากมดลูก ก้น ทวารหนัก ต้นขาต้านใน รวมถึงมีอาการปัสสาวะแสบขัด
การวินิจฉัย
-การขูดผิวหนังบริเวณที่เป็นโรคแล้วนำไปตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์
-การตรวจเลือด
-การเพาะเชื้อ (Viral Culture)
-การตรวจด้วยวิธีเทคนิคปฏิกิริยาลูกโซ่โพลิเมอเรส (Polymerase Chain Reaction: PCR)
-
งูสวัด
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคอีสุกอีใส (Chickenpox)
หากเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายผู้ที่ไม่เคยได้รับเชื้อก็จะทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส และเมื่อหายเป็นปกติแล้ว เชื้อดังกล่าวจะหลบอยู่บริเวณปมประสาทของร่างกาย และจู่โจมร่างกายเมื่อร่างกายอ่อนแอจนเกิดเป็นงูสวัด
อาการ
ปวดหัวและมีไข้ จากนั้นจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง บางรายอาจมีอาการชาด้วย เมื่อใช้มือสัมผัสแล้วจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นช่วงระยะฟักตัว จากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ บริเวณที่ปวดจะมีผื่นสีแดงขึ้น ก่อนจะกลายเป็นตุ่มน้ำในเวลารวดเร็ว โดยตุ่มน้ำอาจเกิดขึ้นในลักษณะเป็นกลุ่ม และเรียงเป็นเส้นยาวไปตามแนวของเส้นประสาท บริเวณที่พบผื่นงูสวัดได้มากที่สุดคือบริเวณอกและเอวข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งมีโอกาสน้อยมากหรือแทบไม่มีโอกาสเลยที่จะเกิดงูสวัดขึ้นทั้ง 2 ข้างของร่างกายในคนปกติ บางครั้งอาจมีผื่นขึ้นที่บริเวณใบหน้า คอ หรือในดวงตาได้อีกด้วย จากนั้นตุ่มน้ำจะแตกและตกสะเก็ด
การวินิจฉัย
โดยจะเกิดกับผู้ที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาแล้วเท่านั้น หากมีผื่นขึ้นอย่างผิดปกติที่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ร่วมกับอาการปวด แสบร้อนบริเวณผื่นที่ขึ้น อาจมีอาการคัน และมีไข้ร่วมด้วย ก็สามารถสันนิษฐานได้เบื้องต้นว่าอาจเป็นงูสวัด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอีกครั้ง ทั้งนี้แพทย์จะทำการซักถามประวัติว่าเคยป่วยด้วยโรคอีสุกอีใสหรือไม่ และจะตรวจดูว่ามีผื่นและตุ่มน้ำเกิดที่บริเวณใดของร่างกาย
การตรวจร่างกาย
มีไข้ มีผื่นขึ้นตามร่างกาย มีผื่นสีแดงกลายเป็นตุ่มน้ำอาจเกิดขึ้นในลักษณะเป็นกลุ่ม บริเวณที่พบผื่นงูสวัดได้มากที่สุดคือบริเวณอกและเอวข้างใดข้างหนึ่ง
โรคหิด (Scabies)
สาเหตุ
เกิดจากตัวหิด (Scabies mite) ซึ่งเป็นสัตว์ขาปล้องประเภทไรชนิดหนึ่งที่มีชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า ซาร์คอบติส สเคบิอาย (Sarcoptes scabiei) และจัดเป็นปรสิต (Parasite) ที่ต้องอาศัยอยู่บนร่างกายของคน โดยดำรงชีวิตอยู่บนผิวหนังของคนและกินเซลล์ผิวหนังเป็นอาหาร สามารถมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายของคนที่อุณหภูมิห้องได้ประมาณ 2-3 วัน และสามารถติดต่อได้ง่าย โดยการสัมผัสหรือใช้สิ่งของร่วมกัน ยอาจติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดตุ่มคันบริเวณอวัยวะเพศ
อาการ
ผื่นเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือผื่นที่เกิดจากการเกา (คัน) ในบางรายอาจพบผื่นมีลักษณะเป็นรอยนูนคดเคี้ยวไปมาคล้ายเส้นด้าย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งเกิดจากหิดตัวเมียที่ไชลงไปอาศัยอยู่ในชั้นหนังกำพร้าซึ่งพบได้ไม่บ่อย สำหรับลักษณะของผื่นต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น จะพบขึ้นกระจายไปทั่วตัว
การวินิจฉัย
ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป ซึ่งแพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้ด้วยการซักประวัติ อาการ และการดูรอยโรคเป็นสำคัญ ร่วมกับอาจมีการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อแยกโรคอื่น ๆ เช่น ลมพิษ ผื่นผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อโลน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหิด แพทย์สามารถวินิจฉัยได้จากอาการคันและการตรวจร่างกายที่พบโพรงของหิด ผื่นที่เป็นตุ่มนูนแดงหรือตุ่มน้ำใสเป็นสำคัญ
การตรวจร่างกาย
จะพบลักษณะผื่นเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือผื่นที่เกิดจากการเกา
อาจพบผื่นมีลักษณะเป็นรอยนูนคดเคี้ยวไปมาคล้ายเส้นด้าย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร จะพบขึ้นกระจายไปทั่วตัวโดยเฉพาะตามบริเวณที่ร่างกายอบอุ่น เช่น ง่ามนิ้วมือ นิ้วเท้า ข้อมือ ข้อศอก ข้อเท้า รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ ท้อง ก้น หัวหน่าว อวัยวะเพศชาย ลูกอัณฑะ ขาหนีบ แต่จะไม่พบหิดที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ใบหน้า ศีรษะ และลำคอ
-
-
ผิวหนังอักเสบ
สาเหตุ
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของผื่นผิวหนังอักเสบ แต่อาจเกิดจากปัจจัยบางชนิด ได้แก่ เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างผิวกับสารที่สัมผัส เช่น กรด สบู่ น้ำ การเสียดสี ความร้อนจากร่างกาย เครื่องปรับอากาศ กรรมพันธุ์
-
-