Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กลากน้ำนม (Pityriasis alba) - Coggle Diagram
กลากน้ำนม (Pityriasis alba)
สาเหตุ
กลากน้ำนมเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ที่ชั้นหนังกำพร้าไม่สามารถสร้างเม็ดสี (Pigment) ได้ตามปกติ จึงทำให้ผิวหนังในส่วนนั้นกลายเป็นรอยด่างขาว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีเกิดความผิดปกตินั้นในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากการแพ้ลมหรือแพ้แสงแดด การติดเชื้อแบคทีเรีย ภาวะขาดอาหาร การผิดอาหาร สบู่ที่มีด่างมากและน้ำเหลืองเสีย หรืออาจเกิดจากเชื้อที่เกิดออกมาพร้อมกับน้ำมูกหรือน้ำใส ๆ ที่ออกมาทางจมูก และมักพบในคนที่มีพันธุกรรมเป็นโรคภูมิแพ้ (Atopic dermatitis) ซึ่งจะทำให้ผิวหนังมีภาวะที่ไวต่อลมและแสงแดด
อาการ
ในระยะเริ่มแรกรอยโรคจะเกิดเป็นจุดแดงเล็ก ๆ ก่อน (ในระยะนี้อาจมีอาการคันที่ผื่นได้ และผู้ป่วยอาจไม่ทันได้สังเกตเห็น)
แล้วจุดแดงนี้จะแผ่ขยายเป็นวงสีแดงหรือสีชมพูจาง ๆ ขนาดตั้งแต่ 0.5-4 เซนติเมตร มีขุยบาง ๆ
ต่อมาจะจางลงทำให้เห็นเป็นวงสีขาว ๆ มีขุยบาง ๆ ติดอยู่ (ถ้าใช้เล็บขูด หรือเมื่อดูให้ดีหรือใช้แว่นขยายส่องดูจึงจะเห็นมีขุยขาว ๆ บาง ๆ ติดอยู่)
โดยรอยโรคจะมีลักษณะเป็นวงกลมหรือวงรี ขอบเขตไม่ชัดเจน ขอบมักจะค่อย ๆ กลืนไปกับสีผิวหนังปกติ (รอยด่างขาวจะเห็นได้ชัดตรงกลาง แล้วจางออกไปทางส่วนริม จึงทำให้ขอบของวงดูไม่ชัดเจน และในคนผิวคล้ำวงขาวของกลากน้ำนมจะเห็นได้ชัดมากกว่าในคนผิวขาว) ซึ่งผู้ป่วยจะไม่มีอาการคันหรือเจ็บแต่อย่างใด
โดยอาการมักจะเป็นมากในหน้าร้อน หรือหลังจากตากแดดตากลม (อากาศที่แห้งจะทำให้รอยโรคปรากฏชัดเจนมากขึ้น) และวงด่างขาวนี้มักจะเป็นอยู่นานแรมเดือนแรมปี หรือเป็น ๆ หาย ๆ จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ก็มักจะหายไปได้เอง
วิธีรักษา
หากมีผื่นผิดปกติเกิดขึ้นที่บริเวณใบหน้าหรือบริเวณอื่น ๆ ผู้ปกครองสามารถพาเด็กไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้
ถ้าพบว่าเป็นกลากน้ำนมจริง แพทย์จะให้ทาด้วยครีมสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ความเข้มข้นต่ำ เช่น ครีมไตรแอมซิโนโลน อะเซโทไนด์ 0.02% (TA / Triamcinolone acetonide 0.02% cream), ครีมไฮโดรคอร์ติโซน 1-2% (Hydrocortisone 1-2% cream) โดยให้ทาวันละ 1-2 ครั้ง ในระยะเวลาที่จำกัดภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากการใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
ถ้าหากแยกกันไม่ออกระหว่างกลากน้ำนมกับเกลื้อน ให้ลองรักษาแบบเกลื้อนดูก่อน หรือถ้าใช้ครีมสเตียรอยด์ทาแล้วรอยโรคกลับลุกลามมากขึ้นก็อาจเป็นเกลื้อนได้ ควรหยุดยาสเตียรอยด์ และให้ใช้ยาฆ่าเชื้อรารักษาเกลื้อนแทน
การดูแลตนเองในระหว่างที่เป็นกลากน้ำนม
ควรทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะบริเวณรอยโรค
การอาบน้ำหรือการล้างทำความสะอาดบริเวณที่เป็นรอยโรค ควรใช้สบู่อ่อน ๆ เช่น สบู่เหลว สบู่เด็ก หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสำหรับเด็กอ่อน
อาบน้ำอุณหภูมิปกติหรืออุ่นพอประมาณ ไม่อุ่นมากจนเกินไป
ข้อควรรู้
1.โรคนี้อาจเป็นเรื้อรังหรือเป็น ๆ หาย ๆ นาน 1-2 ปี แต่จะไม่มีอันตรายหรือผลข้างเคียงแต่อย่างใด ยกเว้นปัญหาในด้านความงามและภาพลักษณ์ และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วกลากน้ำนมมักจะหายไปได้เอง (แต่บางคนอาจเป็นโรคนี้ได้เมื่อโตแล้ว ทั้งนี้เป็นเพราะผิวหนังเพิ่งจะเกิดปฏิกิริยากับสาเหตุหรือสิ่งกระตุ้นในระยะนั้น ๆ)
โรคนี้เป็นโรคที่หายได้เองและจะไม่ทิ้งรอยด่างหรือแผลเป็นเอาไว้ แต่ก็อาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก (มักจะหายได้เองภายในเวลาเป็นเดือนหรือหนึ่งปี)
โรคนี้ไม่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ เพราะไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคหรือเชื้อรา
โรคนี้ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำนมหรือเกิดจากการกินนมหกเลอะเทอะเรี่ยราดแต่อย่างใด แต่ที่เรียกว่า “กลากน้ำนม” หรือ “เกลื้อนน้ำนม” นั้น เป็นเพราะว่ามักจะพบโรคนี้ในระยะที่เด็กกินนม และรอยโรคมีลักษณะคล้ายกับน้ำนมแห้งติดอยู่ที่แก้ม
โรคนี้ต่างจากเกลื้อนตรงที่เกลื้อนจะเกิดรอยโรคขึ้นที่บริเวณหลัง คอ และหน้าอก และพบได้มากในคนวัยหนุ่มสาวที่มีเหงื่อออกมาก แต่กลากน้ำนมนั้นจะเกิดมากที่ใบหน้า และพบได้มากในเด็กไปจนถึงวัยหนุ่มสาว
เมื่อรักษาแล้ว ขุยบาง ๆ มักจะหายไป แต่รอยขาวอาจจะเหลืออยู่บนผิวหนังได้อีกเป็นเวลานาน
ที่บอกว่าไม่ควรใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานหรือใช้แบบแรง ๆ ก็เป็นเพราะว่า โรคนี้มักจะเป็น ๆ หาย ๆ และถ้าใช้บ่อย ๆ หรือใช้มาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาด้วย
โรคนี้เมื่อไม่โดนแดดจัด ๆ รอยโรคจะค่อย ๆ จางลงเอง ผู้ป่วยอาจใช้ครีมบำรุงผิวทาเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น หรือทาครีมสเตียรอยด์อย่างอ่อนก็จะช่วยให้รอยโรคจางลงได้เร็วขึ้น
วิธีป้องกัน
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันกลากน้ำนม เพราะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจลดโอกาสในการเกิดได้ด้วยการปฏิบัติดังนี้
หลีกเลี่ยงแสงแดด พยายามอย่าตากแดดตากลมมากนัก และทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องออกแดด
รักษาผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวหลังการอาบน้ำทุกครั้ง และควรระวังอย่าให้เกิดภาวะผิวแห้ง
ใช้สบู่และเครื่องสำอางชนิดอ่อนโยนต่อผิว เช่น สบู่เด็ก