Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาในระยะหลังคลอด, อ้างอิง …
การพยาบาลมารดาในระยะหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระและจิตสังคมของมารดาในระยะหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตสังคมของมารดาในระยะหลังคลอด
พันธกิจในระยะหลังคลอด
การยอมรับบุตร
การปรับตัวในการดูแลบุตร
ความคิดเห็นจากบุคคลใกล้ชิดและบุคลากรทางสุขภาพ
การกำหนดตำแหน่งสมาชิกในครอบครัวให้บุตรคนใหม
รูบิน (Rubin) แบ่งการปรับตัวมารดาหลังคลอด เป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะพึ่งพา
Taking-in phase
เป็นระยะที่ต้องการพึ่งพาผู้อื่นทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เกิดใน 1-2 วันแรกหลังคลอด การพยาบาลควรส่งเสริมให้มารดาได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดูแลให้มารดามีความสุขสบาย เปิดโอกาสให้มารดาระบายความรู้สึก
ระยะกึ่งพึ่งพา
Taking-hold phase
เป็นระยะที่เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เกิดขึ้นในช่วง 3-10 วันหลังคลอด มารดาเริ่มสนใจที่จะเรียนรู้และ ฝึกทักษะการดูแลบุตร การพยาบาลควรให้คำแนะนำในการดูแลบุตร กระตุ้นให้มารดาฝึกบทบาทในการดูแลบุตร เพื่อลดความกังวลและสร้างความมั่นใจ
ระยะพึ่งตนเอง
Letting-go-phase
เป็นระยะที่มารดามีความเป็นตัวเองมากขึ้น เกิดขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์หลังคลอด ปรับตัวต่อบทบาทการเป็นมารดาและภรรยา ควรส่งเสริมให้มารดามีการตอบสนองความต้องการของทารกที่เหมาะสม
ภาวะซึมเศร้าภายหลังคลอด (Postpartum Depression)
ภาวะซึมเศร้าหลังคล้ายกับโรคซึมเศร้าทั่วไป ลักษณะอาการของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมการนอนหลับ ความอยากอาหาร มีอารมณ์เศร้า หงุดหงิด มีความวิตกกังวล จัดการปัญหาไม่ได้ มีความคิดเชิงลบ กลัวเมื่อต้องอยู่คนเดียว สับสน สูญเสียการรับรู้ รู้สึกผิด สูญเสียความมั่นใจ และมีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรืออยากทำร้ายบุตร ลักษณะดังกล่าวแตกต่างจากอารมณ์เศร้าหลังคลอด (Postpartum blue) คือมีอาการรุนแรงมากกว่าจนถึงขั้นรบกวนความเป็นอยู่ การเลี้ยงดูทารก และอาการอยู่นานเกิน 2 สัปดาห์
อารมณ์เศร้าหลังคลอด (postpartum blues)
เกิดระยะแรกหลังคลอดและต่อเนื่องจนถึง 3-4 วัน หลังคลอด อาการแสดง ได้แก่ มีอารมณ์หงุดหงิด ร้องไห้ วิตกกังวล รบกวนการนอนหลับและความอยากอาหาร การให้คำจำกัดความของอารมณ์เศร้าหลังคลอด คือ อารมณ์ที่มีระยะเวลาการเกิดอาการสั้น อาการไม่รุนแรง ไม่ต้องรักษาใดๆ และอาการจะกลับคืนสู่สภาวะเดิม
โรคจิตหลังคลอด (postpartum psychosis)
เป็นอาการที่มีความรุนแรงมาก รูปแบบของโรคจิตหลังคลอดเป็นรูปแบบที่รุนแรงมาก และมีความผิดปกติ ของอารมณ์มากที่สุด อาการเริ่มต้นใน 48-72 ชั่วโมง ภายหลังคลอด และมีการพัฒนาอาการภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งมักจะแสดงอารมณ์เศร้าหรือมีอารมณ์สุข แต่อาการจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว มีอาการหลงผิดและเห็นภาพหลอนร่วมด้วย
ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวของมารดาหลังมารดา
สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส
ด้านครอบครัว สังคมและสิ่งแวดล้อม
ภาวะสุขภาพของมารดา
อายุ
ระดับการศึกษาและรายได้ครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระของมารดาในระยะหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
มดลูก
มดลูกลงสู่อุ้งเชิงกราน วันละ 0.5-1 นิ้ว จนปกติ = "มดลูกเข้าอู่"
หลัง 24 ชม. : มดลูกลอยเหนือสะดือเล็กน้อย เอียงไปทางขวา
หลังคลอด : ลดลงทันทีที่ทารกและรกคลอด มีก้อนแข็ง อยู่ระดับสะดือหรือต่ำกว่าสะดือเล็กน้อย
วันที่ 10 หลังคลอด : มดลูกอยู่ระดับหัวเหน่า
น้ำคาวปลา
Lochia rubra : 1-3 วัน สีแดงเข้ม มีขี้เทา ไข และขนอ่อนบุตรปนด้วย
Lochia serosa = 4-9 วัน สีแดงจางๆหรือสีชมพู จนเป็นสีน้ำตาล มีเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เศษเยื่อบุมดลูก
Lochia alba = 10-14 วัน เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว มีเม็ดเลือดขาว เมือก อาจมีเศษเยื่อบุมดลูก
ปากมดลูก
หลังคลอด 1 สัปดาห์ = มีลักษณะแข็ง กว้างประมาณ 1 cm
6 สัปดาห์หลังคลอด : เหมือนรอยตะเข็บหรือรอยแตก ด้านนอกไม่กลมเหมือนระยะก่อนคลอด สามารถบอกให้ทราบว่าสตรีรายใดผ่านการคลอดมาแล้ว
หลังคลอดทันที '= มีลักษณะนุ่มมาก ไม่เป็นรูปร่าง ทั้ง Internal และ External os
ช่องคลอด
หลังคลอด : ช่องคลอดจะอ่อนนุ่มมาก รอยย่นภายในลดน้อยลง เส้นผ่าศูนย์กลางจะกว้างกว่าระยะก่อนคลอด
วิธีแก้ไข : Kegel's exercise คือ การออกกำลังกล้ามเนื้อของอุ้งเชิงกราน ที่เป็นส่วนควบคุมหูรูดของช่อง/ปากทวารเบา และปากช่องคลอดให้แข็งแรง กระชับ ซึ่งจะช่วยให้สามารถกลั้นปัสสาวะได้ดีขึ้น
การมีประจำเดือน
แม่ให้นมทารก
ทารกดูดนม
กระตุ้นต่อมไฮโปทาลามัส
เส้นประสาท/สมอง
กดไม่ให้หลั่ง FSH+LH
ไม่มีการตกไข่และไม่มีประจำเดือน
เต้านม
หลั่งฮอร์โมนprolactin
กระตุ้นเซลล์ผลิตน้ำนม
สร้างน้ำนม
เกิดกลไก let down reflex หรือ milk ejection reflex
ต่อมไร้ท่อต่างๆ
ฮอร์โมนต่างๆในร่างกายลดลง เพื่อปรับสมดุลในร่างกายให้เป็นปกติ
การเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ร่างกายปรับสมดุลโดยการกำจัดน้ำและเกลือโซเดียม
เพื่อให้ความดันไม่เพิ่มขึ้น
ไต
การทำงานของไตลดลง อาจเนื่องจากระดับของ steroid hormone
ท่อไตและกรวยไตที่ขยายในระยะตั้งครรภ์ จะกลับคืนสู่สภาพปกติเหมือนก่อนการตั้งครรภ์ภายใน 4-6 สัปดาห์หลังคลอด
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
เม็ดเลือดขาวสูง
มารดาอาจมีไข้ได้หลังคลอด เนื่องจากขาดน้ำและกลไกป้องกันการติดเชื้อ ช่วยการหายของแผล
ส่วนประกอบของเลือดลดลงเพื่อปรับสมดุลในร่างกายให้ปกติ
Thromboembolism
ในระยะแรกหลังคลอดหลอดเลือดดำโป่รงพองบริเวณขา น่อง ขาหนีบ อวัยวะสืบพันธุ์ ทวารหนัก ที่เกิดขึ้น ในระยะตั้งครรภ์ จะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ในบางรายอาจไม่หายขาด
ระบบทางเดินอาหาร
อาจมีอาการท้องผูก
พบได้บ่อย 2-3 วันหลังคลอด เนื่องจาก progesterone ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง
ความตึงตัวของทางเดินอาหารและความดันในช่องท้องลดลง
มีความอยากเพิ่มขึ้นจากการสูญเสียพลังงานในการคลอด
น้ำหนัก
ลดลงทันทีหลังคลอด ประมาณ 4.5 -5.5 กก. จากการคลอดทารก รกและการสูญเสียเลือด
สัปดาห์แรกหลังคลอด ลดลงอีก 2.3 -3.6 กก. จากการขับออกทางเหงื่อปัสสาวะ และกระบวนการ involution of uterus
ระบบผิวหนัง
Striae gravidarum บริเวณหน้าท้อง เต้านม และต้นขา จะค่อยๆจางเป็นสีเงิน และจะไปหายสมบูรณ์
Linea nigra,Facial chloasma สีผิวที่เข้มขึ้นบริเวณลานนมจะจางลง และหายไป
การส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอด
การพักผ่อน
ภายใน 6สัปดาห์หลังคลอดห้ามทำงานหนักเช่น ยกของหนักหรือแบกหามเพราะจะมีผลกระทบกระเทือนต่ออวัยวะในอุ้งเชิงกราน เช่น มดลูก
พักผ่อนให้มากอย่างน้อย 2 สัปดาห์กลางคืนควรได้นอน 6-8 ชั่วโมง
หลังอาหารกลางวันควรได้นอนพัก 1/2-3 ชั่วโมง
อาหาร
ควรรับทานอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ทุกชนิด เช่น เนื้อ นม ไข่ ผลไม้ และผักสด อาหารเหล่านี้จะช่วยให้มีน้ำนมที่มีคุณค่าพอเพียงสำหรับลูก และยังเสริมสร้างกำลังที่เสียไปในการคลอด
ไม่ควรรับทานอาหารรสจัด ของหมักดอง หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งยาดอง
ควรดื่มน้ำมาก ๆ (ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำร้อน)
ควรรับประทานผัก และผลไม้สด จะช่วยไม่ให้ท้องผูก
การรักษาความสะอาดร่างกาย
เมื่อช่วยตัวเองได้ภายหลังคลอด 12-24 ชั่วโมง อาบน้ำได้แต่ไม่ควรอาบน้ำในอ่างน้ำ หรือแม่น้ำลำคลอง เพราะเชื้อโรคอาจเข้าไปภายในมดลูก
ควรหมั่นเปลี่ยนเสื้อผ้า เนื่องจากระยะหลังคลอดแม่มักมีเหงื่อออกมากและมีน้ำนมไหลเปียกเสื้อตลอดเวลา
น้ำคาวปลา
คือสิ่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอด ใน 2-3 วันแรก จะมีสีแดง ต่อมาจะค่อย ๆ จางลง และหมดไปภายใน 2-3 สัปดาห์
ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งที่ถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ และหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าไปภายในมดลูก ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อได้
การดูแลแผลบริเวณฝีเย็บ
ควรทำความสะอาด เช้า - เย็น และทุกครั้งที่ถ่ายปัสสาวะ หรืออุจจาระ
เมื่อใช้กระดาษชำระภายหลังถ่ายอุจจาระ ระวังอย่าเช็ดย้อนจากทวารหนักมายังฝีเย็บ เพราะในอุจจาระมีเชื้อโรคมาก จะทำให้ติดเชื้อได้
การดูแลเต้านมและหัวนม
ระหว่างที่ให้นมลูก แม่ควรสนใจความสะอาดของเต้านมและหัวนมให้มากเป็นพิเศษ โดยการทำความสะอาดทุกครั้งที่อาบน้ำและหลังจากให้นมลูก
ถ้ามีอาการนมคัด ควรแก้ไขโดยบีบน้ำนมออกเสียบ้าง และใช้น้ำเย็นประคบหรือประคบร้อนชื้นบริเวณเต้านม จะทำให้ลดอาการปวด
การเกิดอาการนมคัดนี้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจทำให้เกิดเต้านมอักเสบได้ จึงควรรีบปรึกษาแพทย์
งดการมีเพศสัมพันธ์ุ
ควรงดเว้นอย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังคลอดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการฉีกขาดของช่องคลอด
การมีประจำเดือนใหม่ภายหลังคลอด
ถ้าไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะมีประจำเดือนภายใน 5 - 6 สัปดาห์หลังคลอด แต่ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประจำเดือนจะมีช้ากว่านั้นหรือไม่มีในระหว่างนั้น แต่การตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ยังไม่มีประจำเดือนได้
อาการที่ถือว่าผิดปกติหลังคลอด
มีไข้หลังคลอดหรือหนาวสั่น
น้ำคาวปลาผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็นเน่า น้ำคาวปลาไม่เดิน หรือออกเป็นเลือดสด ๆ หลังจาก 2-3 สัปดาห์หลังคลอด
เต้านมบวม ช้ำ แดง อักเสบ และหัวนมแตกเป็นแผล
ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยหรือขัดเบา
การตรวจหลังคลอด
1 เดือนหลังคลอดควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าอวัยวะต่าง ๆ เข้าสู่สภาพปกติหรือยัง (ถ้ามีสิ่งใดผิดปกติ จะได้มีโอกาสแก้ไข) พร้อมกับปรึกษาเรื่องการคุมกำเนิดด้วย
อ้างอิง
สุชยา ลือวรรณ. (2558) การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในสตรีตั้งครรภ์. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก :
https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=1087%3A2015-02-22-11-39-05&catid=38&Itemid=480&fbclid=IwAR0s9IYd2yzI88bfDXZCLur4jjDoUtJXJ01Zb8BnFEDmKeyl-nT68lOcUoY
. (วันที่สืบค้นข้อมูล : 28 พฤษภาคม 2563).
สุพรรณิกา ใจสมัน. (2557) การดูแลสุขภาพของมารดาหลังคลอด. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก :
http://www.ttmed.psu.ac.th/blog.php?p=73&fbclid=IwAR3_W0ts1P1uztY1pSBoh_icwKcq-cXSDSZUn15_ZqJsuZ70Hp9svvF6ub4
. (วันที่สืบค้นข้อมูล : 28 พฤษภาคม 2563).
นางสาวเมลดา ธรรมสรณกุล เลขที่8 ห้องA
นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่2 รุ่นที่26