Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตกเลือดหลังคลอด, เป็นการตกเลือดระยะที่เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด…
การตกเลือดหลังคลอด
การตกเลือดในระยะหลัง
(Late or Delay postpartum hrmorrhage)
สาเหตุ
มีก้อนเลือด หรือเศษรกค้างอยู่ภายในโพรงมดลูก เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดภายหลังคลอดประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
เลือดออกจากแผลของมดลูกภายหลังผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องและมะเร็งไข่ปลาอุก เป็นสาเหตุที่พบได้น้อยมาก มักเกิดภายหลังคลอด 4 สัปดาห์
ภาวะติดเชื้อภายในโพรงมดลูก ผู้ปุวยมักมีอาการของการติดเชื้อ เช่น มีไข้ น้ าคาวปลามีกลิ่นเหม็น ปวดท้องน้อย มดลูกเข้าอู่ไม่ดี
เลือดออกจากแผลภายในช่องคลอดมักเกิดจากการติดเชื้อบริเวณแผลภายในช่องคลอด
สาเหตุร่วมกันที่พบได้บ่อย ได้แก่ ภาวะมีเศษรกค้างในโพรงมดลูกร่วมกับการติดเชื้อภายในโพรง
มดลูก
การวินิฉัยการตกเลือดระยะหลัง
สามารถวินิจฉัยการตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง ได้จากอาการและอาการแสดง ได้แก่ มีเลือดออก
ทางช่องคลอด มักเกิดอาการภายใน 3 สัปดาห์หลังคลอด ส่วนใหญ่พบระหว่างวันที่ 7 – 14 หลังคลอด
ผลของการตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง
ภาวะซีด อ่อนเพลีย สุขภาพทรุดโทรม
ภูมิต้านทานโรคต่ำติดเชื้อได้ง่าย
เกิด Necrosis ของต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Sheehan’ s syndrome)
การรักษาการตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง
รายที่มีเศษรกค้าง หรือมีก้อนเลือดค้างอยู่ในโพรงมดลูก ให้ Oxytocin แล้วทำการขูดมดลูกด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผนังมดลูกมีลักษณะนุ่ม และทะลุได้ง่าย
รายที่มีการติดเชื้อภายในโพรงมดลูก พิจารณาให้ยาช่วยการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อช่วยให้มดลูกหดรัดตัวดี ร่วมกับให้ยาปฏิชีวนะ
3.รายที่มีเลือดออกจากแผลภายในช่องคลอด ให้ทำความสะอาดและเย็บแผลให้เลือดหยุด ถ้าเนื้อเยื้อบริเวณแผลยุ่ยมาก เย็บแล้วเลือดไม่หยุด อาจต้องกดไว้หรือใช้ผ้าก๊อซอัดไว้ในช่องคลอดร่วมกับการใช้ยาปฏิชีวนะ
กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาหลังคลอดที่มีภาวะตกเลือด
การประเมินสภาพ
การซักประวัติ
1.1 ประวัติส่วนตัว เช่น ภาวะโลหิตจาง การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
1.2 ประวัติทางสูติศาสตร์ เช่น การคลอดเร็ว หรือระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ของการคลอดยาวนานได้รับยาที่มีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูก
1.3 ประวัติความผิดปกติในระยะตั้งครรภ์ เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ Aminionitis และทารกตายในครรภ์ ภาวะรกเกาะต่ำ ภาวะครรภ์แฝดน้ำหรือการตั้งครรภ์แฝด
การตรวจร่างกาย ตามระบบต่างๆ
2.3 การบวมเลือดของอวัยวะสืบพันธ์
2.4 การมีรกหรือเศษเยื่อหุ้มรกค้างในโพรงมดลูก
2.2 การฉีกขาดของช่องทางคลอด
2.5 มีเลือดสดออกทางช่องคลอด
2.1 การหดรัดตัวของมดลูก มักคล าได้นุ่ม ตรวจระดับยอดมดลูก อาจถึงระดับสะดือ หรือเหนือ ระดับสะดือ
2.6 ซีด ตัวเย็น ชีพจรเบาเร็ว อ่อนเพลีย ความดันโลหิตต่ำ กระสับกระส่าย
2.7 ความรุนแรงของการเสียเลือด การมีเลือดออกทางช่องคลอด ปริมาณเลือด ลักษณะ สี กลิ่น
2.8 ความสามารถในการเข้าอู่ของมดลูก ประเมินจากระดับยอดมดลูก
2.9 อาการติดเชื้อ เช่น มีไข้ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น ปวดท้องน้อย
2.10 การตรวจทางช่องคลอด พบเศษเยื้อหุ้มรกที่ปากมดลูก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จ้าเป็น
ได้แก่ CBC, การตรวจหาหมู่เลือด และการตรวจเลือดเพื่อประเมิน
การแข็งตัวของเลือด เช่น Platelets, PT, PTT , Fibrinogen depression เป็นต้น
การพยาบาล
การพยาบาลขณะตกเลือด
ให้ออกซิเจน
ตรวจการมีเลือดออก และการหดรัดตัวของมดลูก ถ้ามีการฉีกขาดของช่องคลอด ให้เย็บซ่อมแซม
ช่วยเหลือแพทย์ในการตรวจหาเศษเยื่อหุ้มรกค้าง หญิงหลังคลอดที่มีเศษรกค้างมักได้รับการรักษาโดยการขูดมดลูกเอาเศษรกออก หรือขูดเนื้อเยื่อที่มีการอักเสบ
บันทึกปริมาณสารน้ำที่ได้รับ จำนวนเลือดที่เสียไป จำนวนปัสสาวะที่ออก
ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง ปูองกันการขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
ตรวจสอบผลการตรวจเลือด ติดตามค่า CBC
อธิบายพยาธิสภาพที่เกิดขึ้น ตลอดจนการรักษาพยาบาลให้ผู้คลอดทราบและเข้าใจเพื่อลดความวิตกกังวลและให้ความร่วมมือในการรักษา
ดูแลการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ติดตามปริมาณน้ำคาวปลา สี กลิ่น จากจำนวนผ้าอนามัย
3.คลึงมดลูกให้แข็งตัวเป็นระยะ
ถ้ามีเลือดออกไม่หยุด แพทย์อาจพิจารณา ตัดมดลูก พยาบาล
ควรให้กำลังใจและอธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการรักษาเพื่อให้ผู้ปุวยปรับตัวกับสถานการณ์จริง
จัดท่าให้นอนราบเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองดีขึ้น
ตรวจและบันทึกสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที จนกว่าจะคงที่ เพื่อประเมินความรุนแรงของการเสียเลือด ถ้าความดันเลือดต่ำ ชีพจรเบาเร็ว ควรสังเกตอาการอย่างอื่นที่บ่งชี้ถึงภาวะช็อค
การพยาบาลเพื่อปูองกันการตกเลือด
ระมัดระวังการทำคลอดทุกระยะให้ถูกวิธี โดยปูองกันการฉีกขาดบริเวณรอบปากช่องคลอดไม่เร่งทำคลอดรกก่อนรกลอกตัว
ในรายที่คาดว่าจะมีการตกเลือดให้เตรียมสารน้ำยา และอุปกรณ์กู้ชีวิตให้พร้อมใช้งานได้ทันที
ตรวจหากลุ่มเลือดขณะตั้งครรภ์
ประเมินปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด
ดูแลในระยะ 2 ชั่วโมงหลังคลอดอย่างใกล้ชิด ได้แก่การหดรัดตัวของมดลูก การสังเกต จำนวนและลักษณะของเลือดที่ออกจากช่องคลอด และสัญญาณชีพ
การพยาบาลระยะหลังการตกเลือด
ใส่ผ้าอนามัยเพื่อสังเกตปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด
ดูแลให้รับประทานอาหารและยาวิตามิน ธาตุเหล็ก ตามแผนการรักษา
แนะนำอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ ได้แก่ อาการของการติดเชื้อ มีเลือดออกทางช่องคลอด น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น เป็นต้น
แนะนำการปฏิบัติตัวหลังคลอด ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของน้ำคาวปลา ระดับยอดมดลูก การดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์
กระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับบุตร
ดูแลให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากอาการหน้ามืด เมื่อลุกนั่ง
แนะน าการคลึงมดลูก
การตกเลือดหลังคลอดระยะแรก
(Early orimmediate postpartum hemorrhage)
สาเหตุ
การหดรัดตัวของมดลูก (Tone)
กล้ามเนื้อมดลูกมีการยืดขยายมากผิดปกติ ได้แก่ ครรภ์แฝด ครรภ์แฝดน้ำ ทารกตัวโต
คลอดบุตรหลายครั้ง โดยเฉพาะมากกว่า 5 ครั้ง
การเจ็บครรภ์คลอดที่เนินนานหรือการคลอดเร็วเกินไป
การใช้ยาบางชนิด เช่น การใช้ยาสลบในกระบวนการคลอดโดยฮาโลเทน ซึ่งทำให้มดลูกคลายตัวได้ การชักนำการคลอดหรือการเร่งคลอดโดยการให้ Oxytocin
การคลอดยาก หรือ การใช้สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด
ภาวะเลือดออกก่อนคลอดจากภาวะรกเกาะต่ำหรือรกลอกตัวก่อนกำหนด
การติดเชื้อของมดลูก ทำให้มีการอักเสบ บวม มี สารคัดหลั่ง ส่งผลให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
มารดามีภาวะทุพโภชนาการ โลหิตจาง ความดันโลหิตสูง รวมทั้งมีประวัติการตกเลือดหรือประวัติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
การหดรัดตัวที่ไม่สม่ำาเสมอของกล้ามเนื้อมดลูกบางชนิด ได้แก่ Hour – glass contraction
Constriction ring คือ การที่กล้ามเนื้อมดลูกส่วนบนและส่วนล่าง จะขวางกั้นรกไว้ แม้รกจะลอกตัวแล้ว
สาเหตุอื่นที่ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก ได้แก่ มีก้อนเลือดหรือมีเศษรกค้าง มีเนื้องอกในโพรงมดลูก หรือ เคยได้รับการผ่าตัดมดลูก
รกหรือเศษรกค้างภายในโพรงมดลูก(Tissue)
การมีรกค้าง
การมีเศษรกค้าง ปัจจัยเสริม
การทำคลอดรกผิดวิธี เช่น การดึงสายสะดือ การล้วงรก เป็นต้น
ความผิดปกติของรก เช่น รกมีขนาดใหญ่ หรือ รกเกาะลึกร่วมกับการทำคลอดรกผิดวิธี
การมีรกน้อย เช่น Placenta succenturiata
ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Thrombin)
ภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติโรคเลือดต่างๆ เช่น
โลหิตจาง โรคเลือดที่เกิดจากการขาดเกล็ดเลือด
การฉีกขาดของช่องทางคลอด (Trauma
การทำคลอดและการช่วยคลอดที่ไม่ถูกต้อง
การใช้สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด ในขณะที่
ปากมดลูกเปิดยังไม่หมด
การคลอดเร็วผิดปกติ ทำให้ช่องทางคลอดปรับตัวหรือขยายตัวไม่ทัน เกิดการฉีกขาด
การตัดฝีเย็บที่ไม่ถูกวิธี
ในรายที่มีปัญหาเชิงกรานไม่ได้สัดส่วนกับขนาดของทารก ทำให้เกิดมดลูกแตกได้
มดลูกบางกว่าปกติ จากการผ่านการตั้งครรภ์และการคลอดหลายครั้ง เคยผ่าตัดเนื้องอก
มดลูก เคยผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง แผลฉีกขาดที่เกิดที่มดลูก อาจฉีกต่อลงมาที่ปากมดลูกและช่องคลอดได้
การวินิจฉัยการตกเลือดหลังคลอดระยะแรก
ตรวจดูชิ้นส่วนของรกที่อาจค้างอยู่
โดยการตรวจรกที่คลอดแล้วอย่างละเอียด หรือ การใช้มือตรวจภายในโพรงมดลูก
อาการและอาการแสดง
การมีเลือดออก ซึ่งอาจไหลออกมาให้เห็นทางช่องคลอด หรืออาจไม่มีเลือดออกมาให้เห็นแต่ขัง
อยู่ข้างใน
เกิดเลือดคั่งที่เอ็นยึดมดลูก จะไม่ปรากฏเลือดไหลออกมาให้เห็นภายนอก
มดลูกปลิ้นก็จะพบว่ามีเลือดพุ่งออกมาให้เห็นเป็นจำนวนมาก และอาจมีลิ่มเลือดสีแดงคล้ำปนออกมาด้วย
อาการแสดงของภาวะตกเลือด หน้าซีด ชีพจรเต้นเร็ว ระยะแรกจะหายใจเร็วต่อมาจะหายใจช้า ใจสั่น เหงื่อออกมาก อ่อนเพลี ความดันหิตต่ำ หมดสติและถึงแก่ชีวิตได้
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เพื่อหาสาเหตุการตกเลือด
หลังคลอดจากความผิดปกติ
ได้แก่ Prothrombin time (PT) , Partail thromboplastic time (PTT) , Clotting time , Platelet count
ผลจากการตกเลือดหลังคลอดระยะแรก
ระยะทันทีภายหลังคลอด ผู้คลอดจะมีอาการใจสั่น ซีดลง ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ช็อก มีการขาดออกซิเจน
เกิดภาวะอวัยวะล้มเหลว ต่อมาผู้คลอดจะมีภูมิต้านทานโรคต่ำลงทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายปริมาณน้ำนมของมารดาไม่เพียงพอ สำหรับเลี้ยงทารก อ่อนเพลีย ซีด สุขภาพทรุดโทรม และภาหลังพบว่าอาจจะเกิด Anterior pituitary necrosis
การป้องกันการตกเลือดหลังคลอดระยะแรก
ระยะก่อนคลอด
การซักประวัติอย่างละเอียดเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดการตกเลือดหลังคลอด
การตรวจร่างกาย ค้นหาภาวะโลหิตจาง รวมทั้งแก้ไข
และให้ธาตุเหล็กเสริมกับผู้ปุวยที่มาฝากครรภ์ทุกราย
ระยะคลอด
ดูแลไม่ให้เกิดการคลอดยาวนาน
ระวังการให้ยาแก้ปวดในขนาดที่มากเกินไป
ท าคลอดในระยะที่ 2 และระยะที่ 3 อย่างถูกต้องเหมาะสม
หลีกเลี่ยงการทำสูติศาสตร์หัตถการอย่างยาก
ตรวจรกและช่องทางคลอดอย่างละเอียด
ระยะหลังคลอด
ในรายที่ได้รับยากระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ อาจให้ Oxytocin ต่อภายหลัง การคลอดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
กระตุ้นให้บุตรดูดนมมารดาทันทีหลังคลอด เพื่อกระตุ้นให้ฮอร์โมน Oxytocin หลั่งมากขึ้นเพื่อให้มดลูกหดรัดตัวดี
ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง โดยกระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะภายใน 2 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
การรักษาการตกเลือดหลังคลอดระยะแรก
การตกเลือดก่อนรกคลอด
ตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจร การหายใจ
ให้สารน้ำาทางหลอดเลือดดำ คือ 5% D/W หรือ 5% D/NSS หรือ Ringer lactase solution (RLS) 1,000 ml. ร่วมกับ Oxytocin 10 – 20 unit โดยเร็ว
เจาะเลือดมารดาเพื่อตรวจหาระดับความเข้มข้นของเลือด พร้อมทั้งขอเลือด เตรียมไว้อย่างน้อย 2 Unit
ใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ เพื่อวัดปริมาณของปัสสาวะที่ออกมา และลดสิ่งขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
คลึงมดลูกให้หดรัดตัวตลอดเวลา
ตรวจรกที่คลอดแล้วอย่างละเอียด
ทำคลอดรกโดยวิธี Cord traction ถ้ารกไม่คลอดให้ล้วงรกภายใต้ยาระงับความรู้สึกหรือยาระงับความเจ็บปวด หรือ ฉีด Pethidine 50 mg เข้าทางหลอดเลือดดำ
ให้ยา Oxytocin 10 – 20 unit เข้าทางกล้ามเนื้อหรือหลอดเลือดด า เมื่อไหล่หน้าหรือศีรษะทารกคลอดแล้ว
ฉีด Methergin 0.2 mg เข้าทางหลอดเลือดดำอีก ถ้าจำเป็น เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก(ยกเว้นรายที่มีภาวะความดันโลหิตสูง)
กรณีภายหลังรกคลอดแล้ว ถ้าเลือดยังออกอยู่ให้ปฏิบัติข้อ 2 ต่อไป
การตกเลือดภายหลังรกคลอด
2.4 กรณีท้าตามข้อ 2.1 , 2.2 และ 2.3 แล้วเลือดยังออกเรื่อยๆ
ตรวจเลือดหา Venus clotting time, clot retraction time และ clot lysis โดยเฉพาะในกรณีที่เลือดออกเป็นน้ าเลือดไม่แข็งตัวเป็นก้อน ถ้าพบว่าVenus clotting time เกิน 15 นาที หรือมี clot lysis เกิดขึ้นภายในเวลา 1 -2 ชั่วโมง แสดงว่าเกิดภาวะไฟบริโนเจนในเลือดต่ าแก้ไขโดยให้
พลาสมาสด หรือ พลาสมาแช่แข็ง หรือ Cryprecipitate (1 unit มี ไฟบริโนเจน 200 – 250 mg.)
ทำ Bimanual compression บนตัวมดลูก ในขณะที่ยังให้ยาสลบผู้ปุวย โดยสอดกำ มือขวาเข้าไปในช่องคลอด กดบริเวณ Anterior fornix และใช้มือซ้ายคลึงมดลูกบริเวณหน้าท้องให้แข็งตัวตลอดเวลา พร้อมกับโกยมดลูกมากดบริเวณกระดูกหัวหน่าวด้านหน้า เป็นการยืด Uterine vessels ให้ตีบลง เพื่อลดปริมาณเลือดที่ไหลมายังตัวมดลูก กดและบีบผนังมดลูกให้เข้าหากันร่วมกับการคลึงมดลูกให้หดรัดตัวตลอดเวลา ซึ่งใช้เวลาในการท านานประมาณ 30 นาทีขึ้นไป
กรณีการตกเลือดหลังคลอดทันทีจากการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี และทำตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วเลือดไม่หยุด ควรพิจารณาฉีด Prostaglandin
Prostaglandin E2 analogue ได้แก่ Sulprostone (nalador) ในขนาด0.5 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือฉีดที่ปากมดลูก อาจฉีดซ้ำ ทุก 10 – 15 นาทีและให้ได้ไม่เกิน 6 ครั้ง
Prostaglandin E2 alpha ในขนาด 0.25 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือฉีดที่ปากมดลูก อาจฉีดซ้ าทุก 15 – 90 นาทีและให้ได้ไม่เกิน 8 ครั้ง
2.3 กรณีท้าตามข้อ 2.1 และ 2.2
ให้ตรวจภายในโพรงล้วงมดลูก ภายใต้ การดมยาสลบ โดยงดเว้นการฮาโลเทน ดูว่ามีก้อนเลือดหรือเศษรกค้างอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็พยายามออกให้หมด หรือขูดมดลูก เพื่อให้มดลูกหดรัดตัวดียิ่งขึ้น
2.5 หากทำตามข้อ 2.1 ถึง 2.4 แล้วยังคงมีเลือดออกอยู่เรื่อยๆ
ถ้าอายุมากหรือมีบุตรเพียงพอแล้วให้ตัดมดลูกออก กรณีอายุน้อยและยังต้องการมีบุตรอีกให้ทำการผ่าตัดผูกหลอดเลือด Internal iliac hypogastric เพื่อเก็บมดลูกไว้
2.2 กรณีมีการฉีดขาดของช่องทางคลอด
ถ้ามดลูกหดรัดตัวดีแล้ว แต่ยังมีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆ
และสีค่อนข้างแดงสดให้ใช้เครื่องมือถ่างขยายช่องคลอดให้เห็นภายในช่องคลอดและปากมดลูกได้ชัดเจน
ตรวจหารอยฉีกขาดบริเวณที่พบได้บ่อยคือ มีการฉีกขาด ต่อจากแผลฝีเย็บและบริเวณด้านข้างของปากมดลูก
ให้เย็บรอยฉีกขาดเหล่านั่นจนเลือดหยุด
2.1 กรณีมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
สวนปัสสาวะออกให้หมด แล้วคาสายสวนไว้ เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
ให้ 5%D/W หรือ 5% D/NSS หรือ Ringer lactase solution (RLS) 1,000 ml. ร่วมกับ Oxytocin 10 – 20 unit ผสมอยู่ (กรณีที่ยังไม่ได้ให้) และขอเลือดเตรียมไว้ 2 – 4 unit
ฉีด Methergin 0.2 mg เข้าทางหลอดเลือดดำ
คลึงมดลูกให้หดรัดตัวตลอดเวลา
วางกระเป๋าน้ำแข็งบริเวณหน้าท้อง และคลึงให้มดลูกหดรัดตัวตลอดเวลา
2.6 ดูแลผู้ป่วยภายหลังเกิดการตกเลือดหลังคลอดอย่างใกล้ชิด
การดูแลผู้ป่วย
ตรวจวัดชีพจร ความดันโลหิต การหายใจ และระดับความรู้สึกตัวของผู้ปุวย
ตรวจหาระดับความเข้มข้นของเลือด และอาจต้องให้เลือดเพิ่มเติมถ้าจำเป็น
คำานวณหา Intake และ Output เพื่อป้องกันการให้สารน้ำมากหรือน้อยเกินไป
ให้ยาปฏิชีวนะประเภทครอบคลุมเชื้อได้กว้างขวาง
ให้ยาบำรุงเลือด และอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
มารดาเกิดการตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง โดยการสวนคาสายปัสสาวะไว้ เพื่อไม่ให้ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก และบันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง
ดูแลให้ได้รับ RLS 1,000 ซีซี + syntocinon 20 ยูนิต ทางหลอดเลือดดำ rate 82 ml./hrตามแผนการรักษา
หากมีการเสียเลือดรีบรายงานแพทย์ดูแลให้ได้รับเลือด (PRC) 20 ยูนิต ทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษา เพื่อเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดง พร้อมหาทีมการพยาบาลช่วยเหลือเพิ่มโดยด่วน
สังเกตลักษณะและจำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอด เพื่อประเมินความรุนแรงของการตกเลือด
คลึงมดลูกจนหดรัดตัวกลมแข็ง และไล่ก้อนเลือดที่อาจค้างอยู่ในมดลูก ซึ่งเป็นสามเหตุที่ทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี เมื่อมดลูกหดรัดตัวดีขึ้นให้สังเกตการณ์หดรัดตัวของมดลูกต่อไปอีก
ติดตามสัญญาณชีพทุก 15 นาที พร้อมประเมินการหดรัดตัวของมดลูก และการเสียเลือดเพื่อประเมินภาวะ Shock เช่น ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำลง เหงื่อออก ตัวเย็น
มารดาวิตกกังวล กลัวอันตรายจากการตกเลือดหลังคลอด
กระตุ้นให้มารดาระบายปัญหาและความวิตกกังวล เพื่อทราบความต้องการของมารดา
คอยให้กำลังใจมารดาด้วยการอยู่เป็นเพื่อน และให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวลและเป็นกันเอง
อนุญาตให้ญาติและสามีเข้าเยี่ยมได้ในระยะรอคลอดและหลังคลอด 2 ชั่วโมง
อธิบายให้มารดาเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะของโรคและแผนการรักษาพยาบาล พร้อมกับเปิดโอกาสให้มารดาซักถามปัญหา ข้อสงสัยต่างๆ รวมทั้งให้ความมั่นใจและให้กำลังใจมารดา
มารดาต้องการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารก
การกระตุ้นให้ทารกได้ดูดนมมารดาทันทีในระยะ 2 ชั่วโมงหลังคลอด
สนับสนุนการสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดา สามีและทารก
ดูแลช่วยมารดาให้ทารกดูดนม โดยวิธี Skin to skin contact ด้วยเสื้ออุ่นกายใจเสริมสายใยรัก
ให้คำแนะนำมารดาในการสร้างความสัมพันธ์กับทารก
ความหมาย
ภาวะที่มีการเสียเลือดหลังคลอด ตั้งแต่ 500 มิลลิลิตรขึ้นไป หลังจากเสร็จสิ้น การคลอดในระยะที่ 3 (ภายหลังรกคลอด) หรือเมื่อมีการลดลงของความเข้มข้นของเลือดร้อยละ 10 หรือมากกว่า ร้อยละ 1 ของน้ำหนักตัว
เป็นการตกเลือดระยะที่เกิดขึ้นภายใน 24
ชั่วโมงหลังคลอด
การมดลูกหดรัดตัวไม่ดี(uterine atony)
เป็นการตกเลือดระยะที่เกิดขึ้นภายหลังคลอด 24
ชั่วโมงไปแล้วจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด
นางสาวพิชณ์สินี ศักดิ์เสือ
601001091