Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด, นางสาวจุฬารัตน์ ฉายเรือง เลขที่…
การส่งเสริมสัมพันธภาพมารดาและทารกหลังคลอด
Attachment หมายถึง ความรู้สึกรักใคร่ผูกพันระหว่างทารกพ่อกับแม่หรือผู้เลี้ยงดู
ความสำคัญของการให้มารดาได้โอบกอดสัมผัสทารกแบบเนื้อแนบเนื้อ(early skin to skin contact)
ทารกที่ได้รับการกอดสัมผัสจะเริ่มต้นดูดนมแม่ได้เร็วกว่าและมีระยะเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นานกว่า และมีอัตราการดูดนมแม่ประสบความสำเร็จในช่วง 3 เดือนแรกสูงกว่าทารกที่ไม่ไดรับการกอด
มารดาและทารกสงบ ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจของทารกสม่ำเสมอ
ช่วยรักษาความอบอุ่นของร่างกายทารกด้วยไออุ่นจากมารดา
ช่วยป้องกันการติดเชื้อ การสัมผสั แบบเน้ือแนบเน้ือทา ให้ทารกได้สัมผสักับเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ของมารดาคือ เชื้อนอร์มอลฟลอร่า (normal flora) ซึ่งจะช่วยะต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อทารก
ลดการร้องของทารก พบว่าทารกที่ไดรับการสัมผัสจากมารดาจะร้องน้อยกว่าทารกที่ถูกแยกจากมารดา
ช่วยส่งเสริมการสร้างสัมพนัธภาพระหว่างมารดาและทารกเกิดความรักใคร่ผูกพันกันมากข้ึน ส่งผลใหก้ารทิ้งบุตรลดลง
ความสำคัญของการช่วยให้มารดาเริ่มให้นมแม่ภายในครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงหลังคลอด
ช่วยกระตุ้นให้มารดามีการสร้างและหลั่งน้ำนมเร็วขึ้นเนื่องจากการดูดนมแม่จะช่วยกระตุ้นฮอร์โมนโปรแลคติน(prolactin)ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยสร้างน้ำนม และฮอร์โมนออกซิโตซิน (oxytocin) ที่ช่วยการหลั่งน้ำนมโดยเฉพาะหัวน้ำนม (colostrum)และยงัส่งผลต่อการมีน้ำนมมากเพียงพอสำหรับทารกในระยะต่อมาอีก
ช่วยให้ทารกได้รับหัวน้า นม (colostrum) ที่มีประโยชน์มากมาย เช่น เป็นภูมิคุม้กนแรกที่ช่วยลดความเสี่ยงจากติดเชื้อและภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด ช่วยให้ลำไส้ของทารกแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
่ช่วยให้ทารกไดรับความอบอุ่นจากมารดา นำไปสู่การสร้างความรักใคร่ผูกพันระหวา่งมารดาและทารก
Bonding หมายถึง กระบวนการผูกพันทางอารมณ์ที่พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูมีต่อทารกฝ่ายเดียว
หมายถึงการส่งเสริมความรักความผูกพันธ์ระหว่างมารดาและทารก(bonding & attachment)อาจเกิดขึ้นระหว่างการต้้งครรภ์ระยะแรกคลอดหรือเกิดขึ้นเมื่อมารดามีปฏิสัมพันธ์กับทารกในระยะหลังคลอด และจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมั่นคงต่อ
บทบาทของพยาบาลผดุงครรภ์ในการส่งเสิรมสัมพันาภาพ
ระหว่างมารดากับทารกในระยะหลังคลอด
ส่งเสริมให้มารดาสัมผัสโอบกอดทารกทันทีหลัง คลอด ในระยะ sensitive period
Rooming in โดยเร็วที่สุด
ให้คำแนะนำในการดูแลบุตร
ตอบสนองความต้องการของมารดา
กระตุ้นให้มีปฎิสัมพันธ์กับทารก
ให้มารดา ทารก บิดา ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
เป็นตัวอย่างในการสร้างสัมพันธภาพกับทารก
พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก ในระยะแรกเกิด
Touch คือพฤติกรรมสำคัญที่จะผูกผันมารดาและบุตร โดยเริ่มจากการสัมผัส ทารกจะจับมือเป็นการตอบสนอง
Eye to eye contract พัฒนาการด้านความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ระยะที่ทารกมองเห็นมารดาได้ชัดเจน คือ 8-12 นิ้ว
Voice การตอบสนองเริ่มทันทีที่ทารกเกิด ทารกแรกเกิดจะตอบสนองเสียงสูงได้ดีกว่าเสียงต่ำ
Entrainment ทารกจะเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะสัมพันธ์กับเสียงพูดสูงต่ำของมารดา
Biorhythmicty มารดาจะช่วยทารกในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม การอุ้มทารกไว้แนบอก ทารกจะได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจจะทำให้รู้สึกมั่นคง
Odor มารดาจำกลิ่นของทารกได้ตั้งแต่แรกคลอด ส่วนทารกสามารถแยกกลิ่นมารดาและกลิ่นน้ำนมได้ภายใน 6-10วันหลังคลอด
Body warmth หลังทารกคลอด เช็ดตัวให้แห้งและนำทารกให้มารดากอด ทารกจะไม่เกิดการสูญเสียความร้อนและรู้สึกผ่อนคลาย
T and B lymphocyte ทารกจะได้รับภูมิคุ้มกันในนมแม่
Bacteria nasal flora ขณะที่มารดาอุ้มทารก จะมีการถ่ายทอดแบคทีเรีย เกิดภูมิคุ้มกันป้องกันทารกติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อมภายนอก
การประเมินสัมพันภาพระหว่างมารดากับทารกใช้การสังเกต สอบถาม ซึ่งมีแนวทางการประเมินสัมพันธภาพ ดังนี้
ความสนใจในการดูแลตนเองและทารก
พฤติกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างมารดาและทารก
ความสามารถในการปฏิบัติบทบาทการเป็นมารดา
ความสามารถในการตอบสนองความต้องการของทารก
พฤติกรรมของมารดาและทารกที่แสดงถึงการขาดสัมพันธภาพ
ไมตอบสนองต่อบุตร เช่น ไมสัมผัส ไม่ยิ้ม ไม่อุ้มกอดทารก เป็่นต้น
ไมสนใจมองบุตร สีหน้าเมินเฉยหรืดหันหน้าหนี
พูดถึงบุตรในทางลบ
แสดงท่าทางหรือคำพูดที่ไม่พอใจขณะดูแลบุตร
ขาดความสนใจในการซักถามพฤิกรรมของบุตรและการเลี้ยงดู
นางสาวจุฬารัตน์ ฉายเรือง เลขที่ 18 ห้องA รุ่นที่ 26 ชั้นปีที่ 2